14 ต.ค. 2567 – ผู้สื่อข่าวรายงานจังหวัดตรังรายงานว่า จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ เทศบาลนครตรัง (ทน.ตรัง) เป็นเจ้าของดำเนินการจัดทำโครงการปรับปรุงผิวจราจรแอสฟัลติกคอนกรีต ถนนสายขนานทางรถไฟ (ใต้) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าถนนสายทางรถไฟวังตอ โดยมีบริษัท สยามภัณฑ์ศิลา จำกัด เป็นผู้รับจ้าง ในงบประมาณจำนวน 6,030,000 บาท ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางผู้รับจ้างได้ทำการลาดยางมะตอยเต็มพื้นถนนตลอดสาย
แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า ไม่ได้มีการปิดถนนทางสัญจร และไม่มีป้ายแจ้งห้ามใช้เส้นทาง หรือป้ายสัญญาณเตือนใดๆ ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ทราบว่ามีการลาดยางมะตอย จึงได้ขับรถเข้าเส้นทางดังกล่าว จนทำให้ยางมะตอยที่ลาดอยู่บนพื้นถนนติดล้อยาง ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ และยังทำให้ยางมะตอยที่ติดล้อยางได้กระเด็นขึ้นมาติดใต้ท้องรถ ใต้ซุ้มล้อ และพื้นผิวสีตัวรถ จนทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเกือบ 200 รายแล้ว และยังได้มีการขึ้นไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.เมืองตรัง ตามที่มีการนำเสนอข่าว
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก “PR Nakorntrang News” ซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กเทศบาลนครตรัง ได้โพสต์ข้อความ ดร.สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง สั่งแก้ไขด่วน พร้อมเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมเปิดเผยว่า ได้สั่งการให้แก้ไขทันทีและได้กำชับทุกฝ่ายที่รับผิดชอบให้ดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยสั่งการให้ผู้รับจ้างจัดทำป้ายไวนิล “ทางปิด ห้ามเข้า” ตามมาตรฐานก่อก่อสร้าง ไปติดตั้งที่ทางเข้าถนนรวม 3 จุด คือ ถนนกันตัง ถนนคลองน้ำเจ็ด และถนนวังตอ รวมทั้งให้นำแผงเหล็กหรือแบริเออร์กั้นปิดพื้นที่สร้างถนนแล้วตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 12 ต.ค. 67
ในส่วนของผู้เสียหาย หากมีการเรียกร้องค่าเสียหาย ทางเทศบาลยินดีประสานผู้รับจ้างเพื่อชดใช้ค่าเสียและเยียวยา ซึ่งสามารถประสานมายังสำนักช่างเทศบาลนครตรัง อย่างไรก็ตามได้กำชับผู้คุมงานและผู้รับจ้าง ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟต่างๆ อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ซ้ำอีก โดยล่าสุดได้เรียกผู้รับจ้างเข้าประชุมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ในวันที่ 15 ต.ค. 67 เพื่อหาแนวทางเยียวยาผู้เดือดร้อน และจะประสานขอข้อมูลจาก สภ.เมืองตรัง เพื่อทราบจำนวนผู้เดือดร้อน และเยียวยาตามลำดับต่อไป
ขณะที่บรรยากาศ ที่ สภ.เมืองตรัง ได้มีผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา จนพื้นกระเบื้องบน สภ.เมืองตรัง เต็มไปด้วยคราบยางมะตอย ที่ติดมากับรองเท้าของผู้เสียหายในการขึ้นมาแจ้งความ
ด้าน นางดวงพร อ้นเพ็ง อายุ 58 ปี ผู้เสียหายที่ขึ้นมาแจ้งลงบันทึกประจำวัน เปิดเผยว่า เลิกงานขับรถจักรยานยนต์จะกลับบ้านมาถึงถนนดังกล่าว ไม่มีป้ายเตือนไดๆ ก็ขับเข้าไป ปรากฏว่ารู้สึกว่ารถสัมผัสพื้นแล้วนิ่มๆ จึงจอดรถลงมาดู ปรากกว่ามียางมะตอยติดเต็มล้อรถ และติดรองเท้าคู่ละ 1,000 กว่าบาท เต็มทั้งคู่ จนต้องทิ้ง เมื่อขับกลับไปถึงบ้านและนั่งเขี่ยยางมะตอยที่รถ แต่ออกไม่หมด จึงได้นำรถไปเข้าคาร์แคร์ เสียค่าบริการกว่า 500 บาท แต่ไม่สามารถขัดคราบได้ออกทั้งหมด จึงอยากให้ผู้รับผิดชอบออกมาชดใช้ค่าเสียหาย ค่าเสียเวลา ให้กับผู้เสียหายหลายราย
ส่วนทางด้านบรรยากาศที่ร้านคาร์แคร์ ในเขตเทศบาลนครตรัง คึกคัก ผู้เสียหายได้นำรถเข้ามาใช้บริการให้ทางร้านขจัดคราบยางมะตอยออกให้เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านสูญเสียค่าใช้จ่ายในการขยับคราบรถจักรยานยนต์เริ่มต้นตั้งแต่ 500 บาท รถยนต์เริ่มต้น 1,000 บาท จนถึง 3,000 บาท
นายอัรสิทธิ์ มีวัฒนะ หรือป้อม อายุ 42 ปี เจ้าของร้านป้อมคาร์แคร์ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุนี้มีลูกค้าเข้ามาสอบถามและนำรถเข้ามาไม่ต่ำกว่า 30 คัน แต่ทางร้านรับได้ไม่เยอะ เนื่องจากเมื่อขจัดคราบคันแรกๆ ไปแล้ว รู้เลยว่ามันขจัดยาก บางคันต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมง ถึงจะออกได้ทั้งหมด ยากง่ายขึ้นอยู่กับลักษณะของยาง ยิ่งยางใหญ่ดอกลึก ยิ่งยาก เพราะติดยางมะตอกมาเยอะ แล้วฝั่งเข้าไปอยู่ในดอกยาง และยิ่งปล่อยให้แห้งยางจะติดแน่นกว่าเดิม ส่วนใหญ่ก็จะติดที่ล้อยาง ซุ้มล้อ และช่วงล่างรถ ซึ่งราคาสตาร์ทเริ่มต้นที่ 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย และปริมาณเนื้อยางมะตอยมากกว่ารถที่โดนยางมะตอยปกติ ลูกค้าก็สะท้อนปัญหาบอกว่าไม่รู้ ไม่มีป้ายเตือน ที่ได้ขับผ่านไป ซึ่งอยากแนะนำว่าอย่าให้รถโดนแดด เพราะยางมะตอยจะแห้งจะยิ่งเอาออกยากมาก ต้องพยายามไปล้างให้เร็ว
ขณะที่ นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ ทาง สำนักงาน ป.ป.ช.ตรัง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการของเทศบาลนครตรังไปจำนวน 24 โครงการ รวมทั้งโครงการถนนสายดังกล่าวนี้ด้วย ซึ่งใช้งบประมาณจำนวน 24 โครงการ ไปกว่า 130 ล้านบาท ในถนนหลายสายเขตเทศบาลนครตรัง และมีชาวบ้านร้องเรียนมาก่อนหน้านี้ว่าถนนบางสายไม่ได้มีความชำรุด แต่มีการขุดรื้อเพื่อทำถนนใหม่
หลังจากตรวจสอบในเบื้องต้น ในส่วนของการกระทำความผิดยังไม่ปรากฏ แต่พบเจอสิ่งที่น่าสังเกตในเรื่องของการเสนอราคาของผู้ประกอบการ แต่ละรายเสนอราคาใกล้เคียงกันมาก บางรายเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางไม่มาก บางรายเสนอราคาสูงกว่าราคากลาง และในบางโครงการเสนอราคาห่างกันไม่มาก ประมาณ 400 – 500 บาท ซึ่งในส่วนนี้ทาง ป.ป.ช. ประจำ จ.ตรัง จะเฝ้าระวัง ติดตาม และขอข้อมูลอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ เพื่อดูรายละเอียดว่ามีพิรุธตรงไหนอย่างไร และจะตรวจสอบโครงการอื่นๆ อีก เพราะทราบว่ายังมีโครงการอื่นๆ อีก ที่จะดำเนินการประมูลงานก่อสร้าง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ดิไอคอน’ ยังไม่จบ ผู้เสียหายแจ้งความ ทะลุ 1 หมื่นราย เสียหาย 3,213 ล้านบาท
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อัปเดตคดีดิไอคอนกรุ๊ป ยังแจ้งความกับตำรวจได้ทั่วประเทศ
เปิดภาพนาทีโจรใต้ขว้างไปป์บอมบ์ ชาวบ้านรอดหวุดหวิด
พ.ต.อ.อลัมต์ เมฆารัฐ ผกก. สภ.ทุ่งยางแดง ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้างใส่จุดตรวจยุทธศาสตร์น้ำดำ ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
สุดสลด! 'ช้างภูหลวง' โดนกับดักสปริงรัดงวงจนเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง พบซากช้างป่าเพศผู้โตเต็มวัยเสียชีวิต หลังถูกกับดักสปริงรัดบริเวณงวง ในพื้นที่ห้วยน้ำริน บ้านสองคอน ตำบลปลาบ่า อำเภอภูเรือ
'กกร.เชียงใหม่' จ่อชง 'ครม.สัญจร' เยียวยาผู้ประกอบการน้ำท่วม
นายอาคม สุวรรณกันทา ประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย จังหวัดเชียงใหม่ และรองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มาหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นกับเชียงใหม่ปีนี้
"พิพัฒน์” ห่วงใย เหตุการณ์ลูกจ้างถูกปั้นจั่นเฉี่ยวเสียชีวิตที่สมุทรปราการ มอบประกันสังคมเยียวยาทายาท 9.5 แสนบาท
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุลูกจ้างถูกปั้นจั่นเฉี่ยวชนเสียชีวิตในพื้นที่จัดเก็บสินค้าของการบินไทย บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์
จ่อออกหมายเรียก 'เท้าแชร์กิ๊ฟซี่' โกงเหยื่อ 66 ราย เสียหาย 15 ล้าน
ร.ต.อ.พนัส โกรดประโคน รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านกรวด ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง