ญาติวอนช่วยเหลือ! 5 ลูกเรือประมงชาวไทยถูกเรือสินค้าชนอับปางทะเลมาเลเซีย กว่า 10 วัน ยังไร้วี่แวว

7 ต.ค.2567 - จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ชาวประมงประเทศมาเลเซีย ได้พบกับเรือประมง KFH 2199 ได้อัปปางอยู่น่านน้ำประเทศมาเลยเซีย ฝั่งไทรบุรี เมืองปลิศ โดยมีผู้รอดชีวิตอยู่บนเรือที่คว่ำอยู่ 1 คน จึงทำการช่วยเหลือ ส่วนอีก 4 คน ยังไม่พบตัว กระทั่งมีการแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำการกู้เรือ ปรากฏว่าระหว่างลากเรือมายังฝั่งไทนบุรีได้มีศพลอยขึ้นมา1ศพ เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งต่อที่โรงพยาบาลในประเทศมาเลเซียเพื่อพิสูจน์ว่าศพรายนี้คือใคร ส่วนอีก 3คนยังไม่พบแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ยังคงออกค้นหา

โดยผู้รอดชีวิต ทราบชื่อคือ“ด้านนายปาตัส เจ๊ะมุ ผู้รอดชีวิตเล่าว่า เรือที่ตนทำงานถูกเรือสินค้าชน โดยได้ยินเสียงดังปั้งแรงมาก ตนสองคนกับไต้ก๋งชื่อนายเจ๊ะมุได้ออกมาดู แต่เรืออับปางทันที ไต้ก๋งเจ๊ะมุ ดำน้ำลงไปเพื่อช่วยเหลือลูกเรืออีก3 คนที่ติดอยู่ในเก๋งเรือ หลังจากนั้นไต้ก๋งเจ๊ะมุ ก็ไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย ช่วงที่เรือจมนั้นเป็นช่วงกลางคืนมีฝนตกหนักและมีพายุลมแรง ตนพยายามปืนขึ้นไปอยู่บนตัวเรือที่พลิกคว่ำลอยโผล่ผิวน้ำ ซึ่งกินน้ำทะเลประทังชีวิตเป็นเวลา 3 วันกว่าจะมีเรือประมงมาพบเห็นและได้ช่วยชีวิตไว้”

กระทั่งเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ทางครอบครัวของนางอารดา รักบุรี เป็นคน ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้ทราบข่าวจากทางการมาเลเซียว่า เรือประมง KFH 2199 ที่คนในครอบครัวของนางอารดาทำงานได้ถูกเรือบรรทุกสินค้าชนและเรือได้อัปปางลง ในน่านน้ำมาเลยเซีย ฝั่งไทรบุรี เมืองปลิศ มีลูกเรือรอดชีวิต 1 คน เสียชีวิต 1คน และสุญหายอีก 3 คน

หลังทราบข่าว นางอารดา พร้อมด้วยญาติจริงเดินทางไปที่ประเทศมาเลยเซียทันที โดยเธอได้ยืนยันว่าศพผู้เสียชีวิตนั้นคือพ่อของตนคือ นายอิบร่อเหม รักบุรี อายุ 63 ปี (ลูกเรือ) เนื่องจากจำได้ว่าพ่อใส่ฟันปลอม แต่ทางการมาเลเซียยังไม่อนุญาติให้นำศพกลับประเทศไทย ต้องรอพี่สูจ DNA อีกครั้ง สำหรับผู้รอดชีวิต1 คน ทราบชื่อคือ นายปาตัส เจ๊ะมุ อายุ 49 ปี (ลูกเรือ) เป็นเพื่อนร่วมงานของพ่อ

ส่วนผู้สูญหายในทะเลจำนวน 3 คนนั้นเป็นญาติของนางอารดา ทราบชื่อ คือ 1)นาย เจ๊ะมุ จำปีพันธ์ อายุ 56 ปี คนจ.ปัตตานี(ไต๋เรือ) 2) นายอดิศักดิ์ ตำภู อายุ 46 ปี คนจ.สงขลา(ลูกเรือ) และ3) นายวีรศักดิ์ ยีโหนด เป็นคนสตูล(ลูกเรือ) โดยทั้งสามคนนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่าเรือได้อับปางเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากขาดการติดต่อ กระทั่งชาวประมงได้เจอกับเรือลำดังกล่าว วันที่ 25 ก.ย. 2567

ด้านญาติได้ออกมาขอความช่วยเหลือให้ทางการไทยช่วยดำเนินการนำศพที่อยู่ประเทศมาเลยเชียกลับมาโดยเร็วเพื่อนำมาประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม เนื่องจากทางการประเทศมาเลยเซียยังไม่อนุญาตให้นำกลับมาได้ ต้องรอตรวจ DNA โดยมีการอ้างว่าต้องใช้เวลา 1 เดือน แต่ลูกสาวผู้เสียชีวิตได้ยืนยันแล้วว่าเป็นพ่อจริงๆ ซึ่งญาติมีความเป็นห่วง เพราะนานเกินไป อีกทั้งอยากให้ทางการไทยช่วยเร่งออกตามหาผู้สูญหาย 3 คน ซึ่งทางญาติยังมีความหวัง เนื่องจากพบว่าเสื้อชูชีพ 3 ตัว ได้หายไป

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับครอบครัวผู้ตายและผู้สูญหาย โดยนางสุภาวรร หวันโส๊ะ ญาติผู้เสียชีวิต และผู้สูญหายทั้งสามคน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หลังทราบข่าว ตนและญาติได้เดินทางไปที่จุดเกิดที่ประเทศมาเลเซียทันที เมื่อไปถึงก็ทราบได้เลยว่าเป็นเรือที่ญาติได้ออกเรือลำนี้ไป และยังทราบอีกว่ามีคนรอด 1 คน จากสมาชิก 5 คน ซึ่งเรือได้อับปางที่น่านน้ำระหว่างประเทศมาเลเซีย ประเทศไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินเรือสินค้าและเรือประมง ส่วนการค้นหานั้น ตนได้ติดตามกับเถ่าแก่เรือว่ามีการค้นหาจริงหรือไม่ การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างไร ก็ได้คำตอบมาว่ายังคงมีการออกค้นหาอยู่

นางสุภาวรร เผยอีกว่า ระหว่างการกู้เรือก็มีนักดำน้ำจาก จ.สงขลา มาร่วมภารกิจนี้ด้วย ตอนเจ้าหน้าที่ดำน้ำ ตนและญาติก็หวังทีแรกว่า ทั้ง 4 คน คงติดอยู่ในเรือ แต่ก็ไม่พบ กระทั่งระหว่างลากเรือจากจุดเกิดเหตุมายัง ลังกาวี และลากต่อมายังฝั่งไทนบุรี เพื่อทำการพลิกเรือและสูบน้ำออก ปรากกว่ามีศพได้ลอยออกมา เจ้าหน้าที่จึงนำศพไปพิสูจณ์ที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ยังคงมีการสูบน้ำออกจากเรือ หวังว่าจะมีอีก3  คนที่ติดอยู่แต่ก็ไม่พบใคร ทำให้ยังมีความหวังอยู่ เพราะในเรือมีเสื้อชูชีพ 5 ตัว ติดมากับเรือ 2 ส่วนอีก 3 ตัวหายไป ซึ่งตนหวังไว้ว่าทั้งสามคนอาจจะเอาตัวรอดได้

นางสุภาวรร กล่าวอีกว่า ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลประเทศมาเลเซีย ตนก็ขอวิงวอนทางการไทยช่วยประสานงานให้กับสมาชิกครอบครัว เพราะตนก็ไม่รู้จะพึ่งใคร มีทางเดียวคือทางการไทยที่ตอนนี้เราพึงได้ เพราะศพอยู่ที่มาเลเซียนานแล้ว ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ก็ 10 กว่าวัน พวกเรารอด้วยใจที่หดหู่ และตั้งความหวังว่าอยากจะนำศพกลับมาบ้านเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาโดยเร็ว พวกเราขอร้องและวิงวอนให้หน่วยงานของไทยที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเป็นความหวังของครอบครัว

นางอารดา รักบุรี ลูกสาวของนายอิบร่อเหม รักบุรี ที่เธอบอกว่าเป็นศพของพ่อ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้ช่วยเร่งการตรวจDNA ทางการมาเลเซียบอกว่าใช้เวลานานเป็นเดือน ซึ่งขอตนยืนยันว่าเป็นพ่อของตน เพราะหมอบอกว่ามีฟันปลอม ตนถามญาติว่าคนในเรือมีใครใส่ฟันปลอมหรือเปล่า ทุกคนบอกว่าไม่มีใครใส่ นอกจากพ่อของตน

ส่วนสาเหตุที่ทางการมาเลเซียบอกว่านาน ซึ่งเขาบอกว่ามีงานเยอะ วันนึงต้องทำงานหลายพันคน ซึ่งไม่มีช่องทางไหนเอากลับมาได้ เขาบอกว่าให้รออย่างเดียว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปัตตานีเดือด โจรใต้ถล่มฐาน 2 อำเภอ ตชด.เสียชีวิต 1 นาย

เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ 2 จุด ใน 2 อำเภอ ของจังหวัดปัตตานี โดยจุดแรกเกิดขึ้น เมื่อเวลา 23.45 น. วันที่ 9 ตค. พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

โจรใต้ลอบวางระเบิดรถบัส ตชด. กลางสะพาน เจ็บ 4 นาย

พ.ต.อ.เฉลิมชัย เพชรกาศ ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดบริเวณสะพานลาคอ ม.3 ต.ตะบิ้ง มีผู้บาดเจ็บหลายราย หลังได้รับแจ้งจึงรีบนำกำลังไปที่เกิดเหตุพร้อมประสานชุดเก็บวัตถุระเบิด

เกาะลิบงอ่วมหนักรอบ 30 ปี! คลื่นซัดเรือประมงล่ม 7 ลำ รีสอร์ทพัง ชาวบ้านเผยปีนี้ฝนมาเร็ว

ในพื้นที่เกาะลิบง หมู่ 5 บ้านหลังเขา ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง เกิดเหตุมีเรือประมงพื้นบ้านล่มจำนวน 7 ลำ หลังเกิดฝนตกและลมพายุในทะเลฝั่งอันดามัน โดยนายอ่าสาน ค

พบเรือต่างชาติล่มใกล้เกาะรอก จ.กระบี่ แจ้งตร.น้ำสืบสวนหาสาเหตุ

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 เปิดเผยว่า ศยก.ศรชล.ภาค 3 ได้ทราบข่าวสารจากการไลฟ์สดผ่านช่องทาง Tiktok ของผู้ใช้นามว่า ไต๋บอล อวนดำซิ่ง ว่าพบเรือล่ม ลอยพ้นน้ำ อยู่บริเวณเกาะรอก พื้

เรือประมงอับปาง 8 ลูกเรือลอยคอกลางทะเล โชคดีได้รับความช่วยเหลือปลอดภัย

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 เปิดเผยว่า ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดภูเก็ต (ศคท.จว.ภก) ได้รับแจ้งจากศูนย์ Pipo ภูเก็ต เวลา 07.03น.ว่า ศูนย์ Pipo ระนอง รายงานเหตุการณ์ เรือ ทวีลาภ 7 เรือ

คนร้ายลอบวางระเบิด 2 ลูก ลวงตำรวจเข้าตรวจสอบ ก่อนกดชนวนคาร์บอมบ์กลางเมืองปัตตานี

พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.เมืองปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดบริเวณทางเข้าสะพานปลา ม.8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี หลังได้รับแจ้งจึงรีบนำกำลังไปที่เกิดเหตุพร้อมประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ