15 ม.ค.2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลเจ้าพ่อหมื่นนครพนม (ปุงเถ่ากง-ม่า) ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตวัดโอกาส(ศรีบัวบาน) ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ว่ากรณีมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขโมยไปจากแท่นบูชาเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ผู้เคารพบูชาเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนเชื่อว่าผู้มีใบสั่งให้ขโมยเข้าไปนำองค์ปุงเถ่ากง-ม่า ออกจากศาลเจ้า ต้องเป็นผู้มีอันจะกินในพื้นที่ ต้องการนำไปสักการบูชาส่วนตัวในครอบครัว โดยถือคติว่าสิ่งใดเป็นที่เคารพกราบไหว้ของคน หากได้มาครอบครองจะเป็นผู้มากอำนาจและบารมี
หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 มีโจรใจบาปลอบเข้าไปในมณฑปพระติ้ว-พระเทียม ในวัดโอกาส(ศรีบัวบาน) ขโมยองค์พระเทียมที่ตั้งสถิตเคียงคู่กับพระติ้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย กระทั่งมีการประกอบพิธีแกะพระเทียมจากไม้ติ้วมาแทนองค์เดิมที่หายไป จากนั้น 12 ปีผ่านมาก็มาฉกองค์ปุงเถ่ากง-ม่าไปอีก ประชาชนจึงเชื่อว่าผู้บงการคือคนๆเดียวกันที่ลักพระเทียมไปจากมณฑป
จากหายไปขององค์ปุงเถ่ากง-ม่า จึงมีผู้ที่ศรัทธาเคารพกราบไหว้อดรนทนไม่ไหว ขอหารือคณะกรรมการสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนม เพื่อประกอบพิธีสาปแช่งตามคติความเชื่อโบราณของชาวจีนโพ้นทะเล โดยมีบันทึกไว้ในหลายจังหวัดว่าการสาปแช่งลักษณะนี้ หลังกระทำแล้วผู้ถูกสาปแช่งมีอันเป็นไปทุกราย จึงเกิดความตระหนกกับผู้บงการเป็นอย่างมาก สั่งลูกน้องแอบนำองค์ปุงเถ่ากง-ม่าวางส่งคืนบริเวณข้างกำแพงด้านทิศเหนือของศาลเจ้า โดยมีชุดน้ำชาคล้ายเป็นการขอขมาลาโทษที่ล่วงเกินท่าน เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน บก.ภ.จ.ว.นครพนม จึงเก็บลายนิ้วมือแฝงอย่างละเอียด ขณะเดียวกันชุดสืบสวนก็ไล่เช็คกล้องวงจรปิดริมถนนสุนทรวิจิตร และละแวกใกล้เคียงเพื่อตรวจหาผู้ต้องสงสัยรายนี้แล้ว ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงการหายสาปสูญของพระเทียมเมื่อ 12 ปีก่อนด้วย
ล่าสุด นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการนครพนม เป็นประธานในพิธีสักการบูชา ต้อนรับองค์ปุงเถ่ากง-ม่า เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของชาวนครพนม โดยมี นายสุเทพ อติวรรณกุล นายกสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนม นายพรชัย กุลตังวัฒนา อดีตนายกสมาคมฯ พร้อมสมาชิกสมาคมพ่อค้าบางส่วน ให้การต้อนรับและทำพิธี
ตามตำนานเจ้าพ่อหมื่นหรือคนไทยเชื้อสายจีนเรียกว่าปุงเถ่ากง-ม่า มีบันทึกไว้ว่า “จมื่นรักษาราษฏร์” สมัยนั้นเป็นนายกองเมือง ต่างพระเนตรพระกรรณแทนเจ้าพระยาศรีโคตบูรหลวง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จึงเป็นที่รักใครของประชาชนและลูกหลาน ท่านเข้าวัดปฏิบัติธรรมมิได้ขาด ทั้งยังเป็นแพทย์รักษาโรคแผนโบราณโดยไม่คิดมูลค่า อีกทั้งจมื่นฯ ผู้นี้ยังมีวิชาอาคมอยู่ยงคงกระพันชาตรี และเป็นต้นศรัทธาให้ชาวบ้านโพธิ์ค้ำในอดีต สร้างวัดศรีบัวบานหรือวัดโอกาสในปัจจุบัน
ครั้นจมื่นฯ มีอายุได้ 90 ปีเศษ วันหนึ่งท่านอยากกินหมกกุ้งหมกซิว (ห่อหมก) จึงให้ลูกหลานไปช้อนกุ้งช้อนซิว (จับโดยใช้สวิง) ในแม่น้ำโขง ได้แต่ไข่ลูกโต ๆ เท่าไข่ห่าน แม้จะเอาโยนทิ้งน้ำ ยังมาถูกสวิงเช่นเดิม จมื่นฯ จึงบอกลูกหลานให้นำไข่ดังกล่าวมาหมกให้กิน เมื่อกินไข่แล้วเกิดร้อนรนกระวนกระวาย กระหายน้ำ ลูกหลานจึงรีบนำจมื่นฯ ไปอาบน้ำโขง ดำผุดดำว่ายนานมาก ลูกหลานบอกให้ขึ้นแต่จมื่นฯ กับร้องขอผ้าแดง 1 ผืนมาโพกศีรษะ แล้วดำหายไปในน้ำโขง จึงช่วยกันงมหาแต่ไม่พบ ขณะนั้นปรากฏมีเงือกงูใหญ่ตัวหนึ่งผุดขึ้นลอยอยู่ในแม่น้ำโขง จึงให้คนขี่ม้าเร็วไปกราบทูลพระเจ้าศรีโคตบูรหลวงทรงทราบ พระองค์รีบเสด็จลงเรือตรัสกับเงือกงูใหญ่ตัวนั้นว่า “จมื่นฯ เอ๋ยแกเป็นคนดี เมื่อแกมรณกรรมแล้วยังห่วงประชาชนอยู่ ขอให้แกรักษาทางน้ำ ทางบกตลอดใต้สุดและเหนือสุด ตั้งแต่ผาใด ผาด่าง ถ้ำใต้ถึงแก่งหลี่ผีสีพันดอนเป็นเขตบก ทิศตะวันออกจรดภูเขาไม้ล้มแบ่ง ทิศตะวันตกถึงภูเขาดงพญาไฟ ให้แกไปอยู่ที่หางดอนโดน จะปลูกศาลให้เดือน 6 ปีใหม่ ทุกปีจะเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ”
จากนั้นพระองค์จึงนำข้าวสุก 1 ปั้น ไข่ต้ม 1 ฟองที่เตรียมมาให้เงือกงูตัวนั้นกิน ก่อนเงือกงูตัวใหญ่ดำจมหายไป กลายเป็นผีมเหศักดิ์หลักเมืองของนครศรีโคตบูร นับแต่นั้นมา
ต่อมาใน พ.ศ.2501 พ่อค้านครพนมได้ร่วมกันก่อสร้างศาลเจ้าพ่อหมื่น เป็นศาลจีนเพื่อเป็นมงคลแก่ชาวนครพนม เพื่อให้เจ้าพ่อหมื่นสถิตเป็นหลักเมืองนครพนม แต่ทว่าเจ้าหมื่นอยากอยู่เป็นเอกเทศไม่อยากอยู่ศาลจีน พระครูวิชิตพัฒนคุณจึงสร้างศาลใหม่ครอบศาลเก่าดังกล่าว พร้อมสร้างองค์เจ้าพ่อหมื่นในรูปแบบของชาวอีสาน ดังนั้นองค์เจ้าพ่อหมื่นจึงมี 2 ปาง คือ ปางองค์ปุงเถ่ากง-ม่า และชายผู้มีอาคมเข้มขลังฉบับอีสาน โดยทั้งสองศาลอยู่เคียงคู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน
วันแรม 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ชาวบ้านคุ้มวัดโอกาสจะจัดงานเซ่นไหว้ดวงวิญญาณเจ้าพ่อหมื่นสืบเนื่องมาแต่โบราณ โดยจะมีร่างทรงฟ้อนรำดาบ รำง้าว พร้อมนำเครื่องเซ่นไหว้ มีเหล้าขาว 1 ขวด มะพร้าวอ่อน 1 ลูก ผ้าแดง 1 ผืน หมากพลู บุหรี่ และตุ๊กตาช้างม้าโบราณ ชาวนครพนมเชื่อว่าศาลเจ้าพ่อหมื่นศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้ผู้ทำผิดเกิดอาเพศต่างๆ และจะอำนวยโชคให้ผู้เคารพนับถือเป็นนิจกาล
ครั้นถึงเดือน 11 ของทุกปีสมาคมชาวจีนฯ จะจัดงานงิ้วเฉลิมฉลอง 6 วัน 6 คืนเป็นประเพณี ด้านผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มารับราชการที่ จ.นครพนม จะมาคารวะศาลเจ้าแห่งนี้เสมอ ส่วนผู้ที่มาบนบานเชื่อว่าจะประสบผลสำเร็จในธุรกิจค้าขายรุ่งเรือง และหน้าที่การงานมั่นคง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รวบแล้ว 'เสือไม้ โอรส' ตระเวนงัดกุฏิ ลักทรัพย์พระในวัด ประวัติยาวเป็นหางว่าว
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ
แจงดราม่า! งานตักบาตรพระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด โยนออแกไนซ์รับผิด
จังหวัดนครพนม ได้รายงานข้อเท็จจริง กรณีงาน "มหาบุญแห่งศรัทธานครพนม" โดยตามที่ปรากฏข่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ ประเด็น "ทัวร์ลงยับ นิมนต์พระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด" เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมานั้น
สิ้นท่า 'ท้าวตู้' ตัวตึงค้ายาฝั่งโขง ยอมแฉหมดเปลือกแลกอิสรภาพ
นครพนม-จู่โจมจับกลางลำน้ำ “ท้าวตู้ตัวตึงฝั่งโขง” พร้อมชาวประมงคนไทยรวม 2 ราย ทำทีหาปลาแฝงขนยาบ้า ลูกเล่นอ้างจะแฉชื่อเอเยนต์ เพื่อแลกกับอิสรภาพ
ทัวร์ลงยับ! นิมนต์พระ 1 พันรูป ตักบาตรริมโขง ปล่อยพระนั่งตากแดดจนเหงื่อชุ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้ชื่อ “Kittichai Kaenjan” โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีข้อความว่า “มนต์พระมานั่งตากแดด จนหลวงพ่อเปียกเมิด บาดเจ้าของนั่งในฮ่ม (พระกะคนใด๋ ฮ้อนเป็นคือกัน) บางอำเภอมาตั้งแต่ตี 3 นั่งถ้าจนหกโมง
เบื้องหลัง 'เรือไฟ' แชมป์เก่า อ.ปลาปาก ไหม้ก่อนไหลโชว์ สูญเกือบล้าน
เบื้องหลังเรือไฟ อ.ปลาปาก มูลค่าเกือบล้านบาท ไฟไหม้ก่อนไหลโชว์ ตะเกียงไส้ยาวจนลามไปอีกดวง กลุ่มผู้สร้างขอนำไปแก้ไข เพื่อทวงบัลลังก์แชมป์คืน เสียดายเงินเหมือนโยนทิ้งน้ำ