5 ม.ค.2565 - ร.ต.อ.คงฤทธิ์ พลศรี รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งว่าจากพลเมืองดีว่ามีโจรใจบาปขโมยรูปปั้นปุงเถ่ากง - ม่า 2 รูป หายไปจากที่บูชา บริเวณศาลเจ้าพ่อหมื่นนครพนมติดกับวัดโอกาส(ศรีบัวบาน) ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานฯ พร้อมสมาชิกสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนมอีกจำนวนหนึ่งไปที่เกิดเหตุ
ภายในศาลเจ้าดังกล่าวไม่พบรูปปั้นปุงเถ่ากง-ม่า ซึ่งมีอายุประมาณ 70 ปี เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดนครพนม โดยอันตรธานหายไปจากแท่นประดิษฐาน ผู้พบเห็นคนแรกชื่อนายนิธินันท์ ทวีพัชรภิรมย์ หรือเฮียซ้ง เจ้าของร้านโชคชัยยางยนต์ ถนนนิตโย เขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยเฮียซ้งเปิดเผยว่าตนได้มากราบไหว้ปุงเถ้ากง-ม่า ที่ศาลเจ้าพ่อหมื่นฯ ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว เพราะเมื่อสองวันที่แล้วตนได้เดินทางที่วัดโอกาส(ศรีบัวบาน) ได้เห็นพบเงินถุงใหญ่อยู่ภายในวัด ตกใจตื่นขึ้นมานั่งทบทวนความฝันว่าทำไมจึงฝันมาเอาเงินวัด เลยคิดว่าควรจะมาไหว้สักการะบูชาท่านปุงเถ่ากง-ม่า
เมื่อมาถึงศาลเจ้าได้จุดธูปเทียนเตรียมสักการะ พอมองไปที่แท่นประดิษฐานไม่เห็นรูปปั้นท่านทั้งสอง ทีแรกคิดว่าท่านแสดงปาฏิหาริย์หรือเปล่า ขยี้ตาและลุกขึ้นไปดูใกล้ๆจึงรู้ว่ารูปปั้นปุงเถ่ากง-ม่าได้หายไปจากที่ตั้ง จึงแจ้งไปทางสมาชิกสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนม พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม และพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบสถานที่ และตรวจสอบรอยนิ้วมือของคนร้าย รอบๆศาลเจ้าทุกตารางนิ้ว
ด้าน นางสาววันเพ็ญ เชาว์ศรีกุล เจ้าของร้านไทยเจริญรุ่งเรือง ขายอุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไป ถนนศรีเทพ เขตเทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่าตนจะมาไหว้ปุงเถ้ากง-ม่าทุกวัน เมื่อวานยังเห็นอยู่บนแท่นที่ตั้ง แต่วันนี้ตนมาที่ศาลเจ้าประมาณ 09.00 น. ก็ไม่เห็นแล้ว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า โจรใจบาปคงจะย่องมาขโมยในช่วงตอนดึกของคืนวันที่ 4 ม.ค. ซึ่งจะตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามหาคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการะของชาวนครพนมเกือบ 100 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 ได้มีโจรลักพระเทียม ซึ่งพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองนครพนม หายไปจากอุโบสถภายในวัดโอกาส(ศรีบัวบาน) โดยองค์พระเทียม เป็นพระพุทธรูปสร้างจากไม้ติ้วบุด้วยทองคำ แกะสลักปางมารวิชัย อายุราว 1,000 ปี ขนาดความสูง 60 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 39 เซนติเมตร ซึ่งตั้งประดิษฐานคู่กับพระติ้วที่มีขนาดเท่ากัน เชื่อว่าคนร้ายได้นำออกไปทางหน้าต่าง จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 12 ปียังไม่สามารถติดตามพระเทียมกลับคืนมาได้ ซ้ำรอยยังมาถูกคนร้ายขโมยปุงเถ่ากง-ม่าหายไปอีก คาดว่าผู้บงการเป็นรายเดียวกับที่ขโมยพระเทียมไป โดยมีความเชื่อว่าพระติ้วหรือพระเทียมก็ดีและปุงเถ่ากง-ม่า มาจากสถานที่เดียวกันคือบ้านสำราญหมู่ 2 ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม ภายหลังได้อัญเชิญพระติ้วพระเทียมมาประดิษฐานในอุโบสถวัดโอกาส(ศรีบัวบาน) ส่วนเจ้าพ่อหมื่นคนไทยเชื้อสายจีนเคารพนับถือมากจึงอัญเชิญมาด้วย และตั้งศาลเจ้าพ่อหมื่นนครพนมถึงปัจจุบัน
ตามตำนานเจ้าพ่อหมื่นเล่าว่า “จมื่นรักษาราษฏร์” สมัยนั้นเป็นนายกองเมือง ต่างพระเนตรพระกรรณแทนเจ้าพระยาศรีโคตบูรหลวง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จึงเป็นที่รักใครของประชาชนและลูกหลาน ท่านเข้าวัดปฏิบัติธรรมมิได้ขาด ทั้งยังเป็นแพทย์รักษาโรคแผนโบราณโดยไม่คิดมูลค่า อีกทั้งจมื่นฯผู้นี้ยังมีวิชาอาคมอยู่ยงคงกระพันชาตรี และเป็นต้นศรัทธาให้ชาวบ้านโพธิ์ค้ำในอดีต สร้างวัดศรีบัวบานหรือวัดโอกาสในปัจจุบัน
ครั้นจมื่นฯมีอายุได้ 90 ปีเศษ วันหนึ่งท่านอยากกินหมกกุ้งหมกซิว (ห่อหมก) จึงให้ลูกหลานไปช้อนกุ้งช้อนซิว(จับโดยใช้สวิง)ในแม่น้ำโขง ได้แต่ไข่ลูกโตๆเท่าไข่ห่าน แม้จะเอาโยนทิ้งน้ำ ยังมาถูกสวิงเช่นเดิม จมื่นฯจึงบอกลูกหลานให้นำไข่ดังกล่าวมาหมกให้กิน เมื่อกินไข่แล้วเกิดร้อนรนกระวนกระวาย กระหายน้ำ ลูกหลานจึงรีบนำจมื่นฯไปอาบน้ำโขง ดำผุดดำว่ายนานมาก ลูกหลานบอกให้ขึ้นแต่จมื่นฯกับร้องขอผ้าแดง 1 ผืนมาโพกศีรษะ แล้วดำหายไปในน้ำโขง จึงช่วยกันงมหาแต่ไม่พบ ขณะนั้นปรากฏมีเงือกงูใหญ่ตัวหนึ่งผุดขึ้นลอยอยู่ในแม่น้ำโขง จึงให้คนขี่ม้าเร็วไปกราบทูลพระเจ้าศรีโคตบูรหลวงทรงทราบ พระองค์รีบเสด็จลงเรือตรัสกับเงือกงูใหญ่ตัวนั้นว่า “จมื่นฯเอ๋ยแกเป็นคนดี เมื่อแกมรณกรรมแล้วยังห่วงประชาชนอยู่ ขอให้แกรักษาทางน้ำ ทางบกตลอดใต้สุดและเหนือสุด ตั้งแต่ผาใด ผาด่าง ถ้ำใต้ถึงแก่งหลี่ผีสีพันดอนเป็นเขตบก ทิศตะวันออกจรดภูเขาไม้ล้มแบ่ง ทิศตะวันตกถึงภูเขาดงพญาไฟ ให้แกไปอยู่ที่หางดอนโดน จะปลูกศาลให้เดือน 6 ปีใหม่ ทุกปีจะเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ”
จากนั้นพระองค์จึงนำข้าวสุก 1 ปั้น ไข่ต้ม 1 ฟองที่เตรียมมาให้เงือกงูตัวนั้นกิน ก่อนเงือกงูตัวใหญ่ดำจมหายไป กลายเป็นผีมเหศักดิ์หลักเมืองของนครศรีโคตบูร นับแต่นั้นมา
ต่อมาใน พ.ศ.2501 พ่อค้านครพนมได้ร่วมกันก่อสร้างศาลเจ้าพ่อหมื่น เป็นศาลจีนเพื่อเป็นมงคลแก่ชาวนครพนม เพื่อให้เจ้าพ่อหมื่นสถิตเป็นหลักเมืองนครพนม แต่ทว่าเจ้าหมื่นอยากอยู่เป็นเอกเทศไม่อยากอยู่ศาลจีน พระครูวิชิตพัฒนคุณจึงสร้างศาลใหม่ครอบศาลเก่าดังกล่าว ทั้งสองศาลเจ้าที่อยู่คู่กัน จึงเรียกร่วมกันว่าศาลเจ้าพ่อหมื่น
วันแรม 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ชาวบ้านคุ้มวัดโอกาสจะจัดงานเซ่นไหว้ดวงวิญญาณเจ้าพ่อหมื่นสืบเนื่องมาแต่โบราณ โดยจะมีร่างทรงฟ้อนรำดาบ รำง้าว พร้อมนำเครื่องเซ่นไหว้ มีเหล้าขาว 1 ขวด มะพร้าวอ่อน 1 ลูก ผ้าแดง 1 ผืน หมากพลู บุหรี่ และตุ๊กตาช้างม้าโบราณ ชาวนครพนมเชื่อว่าศาลเจ้าพ่อหมื่นศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้ผู้ทำผิดเกิดอาเพศต่างๆ และจะอำนวยโชคให้ผู้เคารพนับถือเป็นนิจกาล
ครั้นถึงเดือน 11 ของทุกปีสมาคมชาวจีนฯ จะจัดงานงิ้วเฉลิมฉลอง 6 วัน 6 คืนเป็นประเพณี ด้านผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มารับราชการที่ จ.นครพนม จะมาคารวะศาลเจ้าแห่งนี้เสมอ ส่วนผู้ที่มาบนบานเชื่อว่าจะประสบผลสำเร็จในธุรกิจค้าขายรุ่งเรือง และหน้าที่การงานมั่นคง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจงดราม่า! งานตักบาตรพระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด โยนออแกไนซ์รับผิด
จังหวัดนครพนม ได้รายงานข้อเท็จจริง กรณีงาน "มหาบุญแห่งศรัทธานครพนม" โดยตามที่ปรากฏข่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ ประเด็น "ทัวร์ลงยับ นิมนต์พระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด" เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมานั้น
สิ้นท่า 'ท้าวตู้' ตัวตึงค้ายาฝั่งโขง ยอมแฉหมดเปลือกแลกอิสรภาพ
นครพนม-จู่โจมจับกลางลำน้ำ “ท้าวตู้ตัวตึงฝั่งโขง” พร้อมชาวประมงคนไทยรวม 2 ราย ทำทีหาปลาแฝงขนยาบ้า ลูกเล่นอ้างจะแฉชื่อเอเยนต์ เพื่อแลกกับอิสรภาพ
ทัวร์ลงยับ! นิมนต์พระ 1 พันรูป ตักบาตรริมโขง ปล่อยพระนั่งตากแดดจนเหงื่อชุ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้ชื่อ “Kittichai Kaenjan” โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีข้อความว่า “มนต์พระมานั่งตากแดด จนหลวงพ่อเปียกเมิด บาดเจ้าของนั่งในฮ่ม (พระกะคนใด๋ ฮ้อนเป็นคือกัน) บางอำเภอมาตั้งแต่ตี 3 นั่งถ้าจนหกโมง
เบื้องหลัง 'เรือไฟ' แชมป์เก่า อ.ปลาปาก ไหม้ก่อนไหลโชว์ สูญเกือบล้าน
เบื้องหลังเรือไฟ อ.ปลาปาก มูลค่าเกือบล้านบาท ไฟไหม้ก่อนไหลโชว์ ตะเกียงไส้ยาวจนลามไปอีกดวง กลุ่มผู้สร้างขอนำไปแก้ไข เพื่อทวงบัลลังก์แชมป์คืน เสียดายเงินเหมือนโยนทิ้งน้ำ
ตร.พร้อมรับทำคดี ปม 'ตัดไฟ' ยายป่วยติดเตียงเสียชีวิต
พ.ต.อ.จิรุฏฐ์ พิมพา ผกก. สภ.วังยาง มอบหมายให้ พ.ต.ท.ยงยุทธ ผิวพรรณ์ รอง ผกก.สอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ให้กำลังใจญาติ และร่วมไว้อาลัยศพ