หนีตายวุ่น! ก๊าซแอมโมเนียรั่วในเรือบรรทุกปลา กู้ภัยช่วยคนงานเจ็บ 5 รายส่งรพ.

เรือสินค้าปลาแช่แข็งแก๊สแอมโมเนียรั่วไหลคนงาน20คนหนีตาย ติดอยู่ภายในเรือ5 คน กู้ภัยช่วยออกมาได้รอดตายหวุดหวิด

11 เม.ย.2567 - เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ศูนย์วิทยุกู้ชีพปราการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รับแจ้งมีเหตุสารแอมโมเนียรั่วไหล ภายในเรือสินค้าบรรทุกปลาแช่แข็ง ท่าเทียบเรือโกดังธนาพรชัย จำกัด หมู่ 2 ถนนเพชรหึงษ์ ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.บางยอ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางไปตรวจสอบ

ที่ท่าเทียบเรือพบเรือสินค้าบรรทุกปลาแช่แข็ง สัญชาติปานามา ชื่อเรือ ฟองเกา 819 เป็นเรือสินค้าขนาดใหญ่ ระหว่างท้องเรือเป็นห้องเย็นที่บรรทุกปลาแช่แข็งมา มีกลิ่นแอมโมเนียรั่วไหลออกมาจากเรือฟุ้งกระจาย จากการสอบถาม ทราบว่า ท่อลำเลียงแอมโมเนียความเย็นเกิดชำรุดทำให้รั่วไหลไปทั่วเรือ มีผู้ติดอยู่ภายในเรือจำนวน 5 ราย เจ้าหน้าที่บรรเทาภัย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงทำการวางแผน และใช้ชุดดับเพลิงที่การป้องกัน พร้อมหน้ากากและถังออกซิเจน เข้าไปช่วยเหลือคนเรือออกมาจากเรืออย่างเร่งด่วน เนื่องจากหากสูดดมเข้าไปเยอะเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ผ่านไปไม่นานเจ้าหน้าที่บรรเทาภัยสามารถช่วยเหลือคนงานที่อยู่ในเรือออกมาได้ทั้งหมด ก่อนจะส่งมอบต่อให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลบางจาก ทราบชื่อต่อมา 1.น.ส ยุพิน บุตรวงค์ 43 ปี ชาว อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร / 2.น.ส.กิตติยา ทุมพัฒน์ อายุ 30 ปี ชาว อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ / และอีกทั้ง 3 รายซึ่งเป็นหญิง ชาวไทยใหญ่ อายุ 20 ปี 1 ราย และอายุ 40 ปี 2 ราย ส่วนในจุดที่มีการชำรุดได้ทำการซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อย

จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนงานที่ขนถ่ายสินค้าปลาแช่แข็งจากเรือเพื่อลงมาที่รถขนส่งด้านล่างมีคนงานประมาณ 20 คน ขณะเปิดห้องเย็นออกมาสารแอมโมเนียได้พุ่งออกมาทำให้โดนคนงานที่กำลังจะลงไปทำงาน และได้รับบาดเจ็บ จากนั้นทางตำรวจจะตรวจสอบสาเหตุการเกิดเหตุในครั้งนี้

จากการสอบถาม นาย สมปอง รัศมิทัต นายก อบต.บางยอ กล่าวว่า ตนเองได้รับรายงาน มีเหตุแอมโมเนียรั่ว ตนเองจึงประสานรถดับเพลิงและรถกู้ชีพ เบื้องต้นนำผู้ป่วยที่โดนสารแอมโมเนีย ทั้ง 5 รายส่งโรงพยาบาล ขณะนี้ได้ปิดท่อวาล์วเรียบร้อยแล้ว โดยแก๊สแอมโมเนียรั่วจากวาล์วบนเรือสินค้า ซึ่งเป็นเรือปลาส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 5 รายเป็นแรงงานต่างด้าว และขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

นาย อภิเชษฐ์ พลระบัล 52 ปี คนดูแลบนเรือ เล่าว่า มีพนักงานเมียนมา ประมาณ 100 คน พนักงานประจำเรือ จะลงเปิดระวางท้องเรือและลงไปทำงานแก๊สก็พุ่งออกมาเลย คนเจ็บประมาณ 5 คน แบกขึ้นไปบนห้องแอร์พอได้ความเย็นก็เอาลงมา มันเป็นมาก่อนแล้ว เป็นแก๊สแช่ปลาแข็งของบนเรือ ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 5 คนทำงานอยู่ตรงจุดบริเวณระวางของเรือ มีลักษณะอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง โดยรีบทำการเช็ดตัวและให้กินน้ำ โดยให้อาเจียนออกมา ขณะเกิดเหตุตนเองก็เดินดูความปลอดภัยของบริษัทและได้รับแจ้งว่าแก๊สรั่วไหล ตนเองเห็นมีผู้ได้รับบาดเจ็บจึงรีบช่วยเหลือและ เอาน้ำมาให้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

องค์การจัดการน้ำเสีย ชูแนวคิดน้ำเสียอยู่ร่วมกับชุมชนได้

ศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ เทศบาลเมืองแพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ มีความสามารถในกำรบำบัดน้ำเสีย 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือรองรับน้ำเสียจากคนได้ประมาณ 10,000 คน

จับได้แล้ว หนุ่มหื่นเสพยาบุกหอพัก หวังข่มขืนนักเรียน ม.3

พนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ คุมตัว นายวรวัตร(หรือเอฟ) จันทร์อินทร์ ผู้ต้องหาที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามเด็กนักเรียนหญิง ม3 วัย 14 ปีแล้วบุกถึงห้องพักหมายข่มขืน

รวบมือปืนยิงสาวใหญ่ดับกลางตลาดนัด หนีเช่าห้องกบดานที่สระบุรี

ตำรวจนำตัว นายสายพินธิ์ เดินทางถึง สภ.สำโรงใต้ โดยมีกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือดูแลความสงบและความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ก่อนจะคุมตัวสอบปากคำภายในห้องสืบสวน

อากาศร้อนดับสองรายซ้อน หนุ่มวัย 39 หมดลมหายใจต่อหน้าญาติ อีกรายชายอายุ 61 เสียชีวิตในบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 รายในสภาพอากาศร้อนจัดอุณหภูมิพุ่ง 43 องศา รายแรกนายพงษ์ศักดิ์ เงินมี อายุ 39 ปี หมดสติและหยุดหายใจหงายหลัง

จับแล้ว 2 โจ๋รุมแทงคู่อริกลางแยกไฟแดง

จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นใชัอาวุธมีดแทงหนุ่มบางพลีกลางแยกไฟแดง เหตุเกิดช่วงตี 4 ของวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณสีแยกคลองขุด ถนนเทพารักษ์ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

รวบโจรแสบเลียนแบบหนัง ตระเวนลักทรัพย์ เคยถูกดำเนินคดีหลายครั้ง

พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนเร่งล่าตัวคนร้ายที่ไปตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชน สร้างความเสียหายและความเดือนร้อนให้กับผู้เสียหาย