ฮือฮา! พายุลูกเห็บยักษ์ถล่มบึงกาฬ บ้านเรือนเสียหายพันกว่าหลัง

29 มี.ค. 2567 – ผู้สื่อข่าวจังหวัดบึงกาฬรายงานว่า ช่วงเย็นประมาณ 17.00 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุพายุฤดูร้อน ลมกระโชกแรง และเกิดพายุลูกเห็บพัดถล่มในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลน้ำจั้น ตำบลท่ากกแดง อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ โดยคลิปภาพที่ชาวบ้านต่างพากันนำลงสื่อโซเซียสขณะพายุลูกเห็บตกลงมา ทำให้เห็นว่าลูกเห็บมีขนาดใหญ่ บางพื้นที่ใหญ่เท่ากับกำมือเด็ก หรือเท่าลูกเทนนิส มีรอยยัก แยก มีทั้งขนาดกลม ขนาดเหลี่ยม ไล่ขนาดลงมาเท่าลูกไข่ไก่ เหรียญ 10 เหรียญ 5 จนเล็กสุดเท่าเหรียญบาท ซึ่งสร้างความตกใจและตื่นเต้นกับเหตุการณที่เกิดขึ้น

หลายคนโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตั้งแต่เกิดมา 40 – 50 ปี ไม่เคยเห็นพายุลูกเห็บลูกใหญ่ขนาดนี่มาก่อน ส่วนเด็กๆ ก็ตื่นเต้น หลังพายุลูกเห็บสงบลง ก็พากันหาถัง กะลังมัง มาตักลูกเห็บเก็บไว้ และถ่ายรูปลงสื่อโซเซียส ครั้งหนึ่งในชีวิตที่มีพายุลูกเห็บเกิดขึ้นในพื้นที่ให้เห็น

โดยหลังเกิดเหตุ นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ มอบหมายให้ นายวินัย โตเจริญ รองผู้ว่าฯ บึงกาฬ ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุวาตภัยและพายุลูกเห็บ เนื่องจากส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนของราษฎรในพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเซกา เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบึงกาฬ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่ด้วย

ส่วนความเสียหายจากการสำรวจเบื้องต้นนั้น มีดังนี้ 1.ตำบลบ้านต้อง มีรายงานบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 6 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 1,3,6,11,12 และ 13) ราว 700 หลังคาเรือน 2.ตำบลน้ำจั้น มีรายงานบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 11 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 1,2,3,4,5,7,8,10,11,12 และ 13) ราว 675 หลังคาเรือน 3.ตำบลท่ากกแดง มีรายงานบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 1 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 14) จำนวน 1 หลังคาเรือน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่ามีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จากทั้ง 3 ตำบล ส่วนพืชผลทางการเกษตรต้องสำรวจเช้าวันนี้ (29 มี.ค.)

โดยหลังพายุสงบ นายวินัย โตเจริญ รองผู้ว่าฯ บึงกาฬ ได้ลงพื้นที่ทันที สำรวจความเสียหาย ร่วมกับ ปภ. หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกระดับ และสั่งการให้ฝ่ายปกครองอำเภอเซกา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อปท. ในพื้นที่ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผุู้ประสบภัย ณ ที่ว่าการอำเภอเซกา พร้อมทั้งสั่งการให้เร่งสำรวจความเสียหาย และเร่งให้การช่วยเหลือ หากความรุนแรงเกินขนาดพื้นที่จะช่วยเหลือ ให้แจ้งอำเภอและจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือตามลำดับต่อไป และให้เตรียมประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย / เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และกล่าวให้กำลังใจกับผู้ประสบภัย.