ปัตตานีปะทะเดือด! วิสามัญกองกำลังติดอาวุธ 2 ศพ

14 มี.ค.2567 - เมื่อเวลา 05.00 น. พ.อ.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ พอ.ภาคภูมิ จันทรักษ์ ผบ.ทพ.44 นำกำลังร่วมกว่า 50 นาย เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 192/2 ม.1 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ตั้งอยู่ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาส เนื่องจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีบุคคลตามหมายจับคดีความมั่นคงเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านเช่าดังกล่าว เบื้องต้นน่าจะเป็นกลุ่มของ นาย อับดุลเลาะ มูดอ และ นายหมัดไซฟูดดีน ลอแม่ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับหลายหมาย

โดยเจ้าหน้าที่ไปถึงได้ทำการปิดถนนสายดังกล่าวทันที เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุปะทะและประชาชนจะได้รับอันตราย เจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าเป็นบ้านเช่าห้องแถวชั้นเดียวติดกัน 8 ห้อง บ้านต้องสงสัยเป็นห้องแรกเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพร้อมได้เรียกบุคคลภายในบ้านออกมา กระทั่งมีคนตะโกนออกมาจากชาวบ้าน ก่อนจะเดินออกมา เจ้าหน้าที่ได้สอบถามและทราบว่ามีอีก 2 คนที่ซ่อนตัวและไม่ยอมออกมา เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญผู้นำท้องที่มาเจรจาให้ออกมาแสดงตัว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

กระทั่งเวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ยังคงใช้การเจรจาอย่างต่อเนื่องโดยการสลับผู้นำท้องที่และผู้นำศาสนาเพื่อหวังให้ผู้ต้องสงสัยมอบตัว ปรากฏว่าคนร้ายที่ซ่อนตัวในบ้านได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ที่พยายามปิดล้อมหน้าบ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกระโดดหลบกระสุน เมื่อเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธ เจ้าหน้าที่จึงได้เพิ่มความระมัดระวังกันพื้นที่ให้ปลอดภัยพร้อมกับการเจรจาอย่างต่อเนื่อง แต่คนร้ายก็ยังคงยิงใส่และถูกเจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้

ต่อมาเวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สน้ำตา จำนวน 2 ลูก ก่อนจะบุกเข้าไปภายในบ้านเพื่อหวังยุติเหตุรุนแรง แต่ปรากฏว่าไม่พบตัวคนร้าย จึงได้รีบออกมาจากตัวบ้าน พร้อมกับวางแผนอีกครั้ง โดยเชื่อว่าคนร้ายน่าจะขึ้นไปหลบซ่อนตัวบนฝ่าใต้หลังคา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการใช้เหล็กยาวกระทุ้งฝ่าหลังจากทำให้คนร้ายยิงสวนใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดการยิงปะทะกันขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว การปะทะเกิดขึ้นเป็นระยะ กระทั้งหนึ่งในคนร้ายถูกกระสุนปืนตกลงมาที่พื้นเสียชีวิตหนึ่งราย โดยข้างศพมีอาวุธปืน ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ส่วนคนร้ายที่เหลือยังคงหลบซ่อนตัว เจ้าหน้าที่ภายนอกยังคงเจรจาให้คนร้ายที่เหลือออกมามอบตัวเพื่อลดความสูญเสีย แต่คนร้ายไม่ฟังยังคงยิงต่อสู้และเกิดการปะทะกันสนั่นทำให้ฝ่าเพดานเปิดกว้างและเห็นตัวคนร้ายที่ใช้คานปูนเป็นกำบังทำให้ยากต่อการจับกุมและคนร้ายยังคงใช้อาวุธยิงสวนเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะถอยออกมา

จากนั้นเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ใช้โดร่นบินเข้าไปในบ้านเพื่อดูความเคลื่อนไหวของคนร้าย ก่อนจะเห็นตัวคนร้ายที่พยายามหนีไปอีกฝั่งของบ้านอีกหลังโดยการใช้คานปูนบังตัวไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้บุกเข้าไปอีกครั้งก่อนมีการยิงปะทะกันอีกระยะเกือบ 3 นาทีทำให้คนร้ายถูกยิงเสียชีวิตเป็นรายที่สองอยู่บริเวณคานใต้หลังคาด้านหลังบ้าน

จากการตรวจสอบคนร้ายที่เสียชีวิต เบื้องต้น ทราบชื่อ นายฮัมดี สะลอ ผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 หมาย และนายราชิตร มะยูโซะ หมายจับ 2 หมาย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบอีกครั้งว่าใช่บุคคลทั้งสองหรือไม่

จากการสอบถามบุคคลที่เช่าบ้าน ให้การว่า คนร้ายทั้งสองคนตนไม่รู้จัก แต่ทราบว่าได้ขอเช่าบ้านอีกหลัง อย่างไรก็ตามจากรายงานข่าวเชื่อว่าคนร้ายที่เสียชีวิตพยายามเคลื่อนไหวในพื้นที่ในช่วงรอมฎอนคาดว่าจะมีการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ แต่โชคดีชาวบ้านได้แจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนและเข้าตรวจสอบ กระทั่งคนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิตดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะที่มีการปะทะนั้น นักข่าวพยายามหลบกระสุนปืน ซึ่งได้ยินกระสุนปืนผ่านบนหัวนักข่าวเพียงไม่กี่เมตร ซึ่งนักข่าวทุกคนปลอดภัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จนท. เร่งหาหลักฐาน ไล่กล้องวงจรปิด หาเบาะแสเหตุระเบิดแคมป์ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม

ความคืบหน้าคนร้ายระเบิดแคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม อ.เทพา จ.สงขลา คนงานบาดเจ็บ 3 ราย ทรัพย์สินเสียหาย และมีการวางระเบิดอีก 2 ลูกเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้นักเรียนที่กำลังเข้าค่ายกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี

คนร้ายชักปืน จี้พนง.ร้านสะดวกซื้อ ชิงเงินสด 1.2 ล้าน หนีลอยนวล

ร.ต.อ.มณฑล บัวพัว รอง สว.(สอบสวน) สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการณ์ลางา ว่า เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์พนักงานร้านสะดวกซื้อ ได้เงินไปกว่า 1 ล้านบาทหลบหนีไป เหตุเกิดหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส ต.ลางา อ.มายอ

เปิดภาพนาทีโจรใต้ขว้างไปป์บอมบ์ ชาวบ้านรอดหวุดหวิด

พ.ต.อ.อลัมต์ เมฆารัฐ ผกก. สภ.ทุ่งยางแดง ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้างใส่จุดตรวจยุทธศาสตร์น้ำดำ ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี

'ผบ.ฉก.ทพ.43' นำกำลังปิดล้อมตรวจค้น จับมือบึ้มกลางเมืองปัตตานี

พันเอกปรเมธ ศานุพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้นำเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการร่วม จำนวน 30 นาย บังคับใช้กฎหมาย เข้าปิดล้อมตรวจค้น