25 ธ.ค. 2566 – ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนมรายงานความคืบหน้ากรณีนายตำรวจประจำตู้ยาม ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ถูกชายป่วยจิตจากการเสพยาบ้าจนหลอน ใช้อาวุธมีดจ้วงแทงเสียชีวิต
ที่ศาลาตั้งศพบำเพ็ญกุศล ภายในวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้ากับการเสียชีวิต ของ ร.ต.ท.อิสราวุฒิ โกพลรัตน์ หรือหมวดอี๊ด อายุ 56 ปี รอง สวป.สภ.ธาตุพนม จากการปฏิบัติหน้าที่เข้าไประงับเหตุผู้ป่วยจิตคลุ้มคลั่ง ทราบชื่อคือ นายอานุเดช ไชยปัญญา หรือเดช อายุ 49 ปี เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 9 บ้านโชคอำนวย ต.อุ่มเหม้า โดยเป็นทาสยาบ้าที่ผ่านการบำบัดฟื้นฟูมานานเกือบ 20 ปี แต่อาการไม่หายขาด เนื่องจากไม่กินยารักษาต่อเนื่อง จนกระทั่งก่อเหตุสลด จู่โจมเข้าทำร้ายร่างกายตำรวจนายดังกล่าว พร้อมใช้มีดปลายแหลมยาว จ้วงแทงตามลำตัว และต้นคอจนเสียชีวิตคาที่ โดยนายตำรวจผู้ตายมีความคุ้นเคยกับคนร้ายรายนี้ดี เพราะไประงับเหตุหลายครั้ง และทุกครั้งสามารถเจรจากันลงตัว รวมถึงเป็นอีกคนที่คอยดูแลแทนญาติพี่น้อง และด้วยความหวังดีต่อประชาชนมาตลอด สุดท้ายพลาดท่าถูกทำร้ายจนเสียชีวิต
จากการลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านละแวกนั้น ทราบข้อมูลว่านายเดช มือมีด มีประวัติเกี่ยวพันกับยาเสพติด เสพยาบ้ามานานนับสิบปี จนสมองรับไม่ไหวกลายเป็นคนป่วยจิต คุ้มดีคุ้มร้ายอาละวาดกับญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านจนเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านในหมู่บ้าน ขณะที่ทางฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่เคยนำตัวไปบำบัดฟื้นฟูรักษาแต่ไม่หายขาด เนื่องจากนายเดชหวนกลับมาเสพยาบ้าอีก เมื่อเกิดอาการหลอน ผู้ใหญ่บ้านจะโทรแจ้งให้มาระงับเหตุเสมอ จนนายเดชทาสยาบ้าสนิทกับนายตำรวจผู้นี้ เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าตู้ยามรักษาการในพื้นที่ ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ห่างจากพื้นที่เกิดเหตุประมาณ 2 -3 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้หมวดอี๊ดเกิดความเชื่อมั่น แต่ด้วยความไว้ใจสุดท้ายก็ถูกนายเดชฉวยโอกาสก่อเหตุตอนเผลอ ใช้มีดจ้วงแทงแบบขาดสติจนเสียชีวิต
หลังเกิดเหตุมีชาวบ้านเห็นว่า มือมีดได้นำอาวุธปืนพกสั้น ที่อยู่ในเข็มขัดคาดเอวในชุดนอกเครื่องแบบติดตัวไปด้วย และยังขโมยรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านขับหลบหนีไป เพื่อย้อนกลับไปที่ตู้ยามรักษาการของตำรวจ โชคดีไม่พบใคร อีกทั้งไม่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนทำร้ายคนอื่น ขณะที่ชาวบ้านพบนายเดชอยู่ในอาการจิตเพี้ยน ได้พยายามพูดคุยให้สงบสติอารมณ์ เพื่อรอกำลังตำรวจมาจับกุมตัว โดยมีรอยเลือดเปื้อนเสื้อผ้าเต็มร่างกาย ก่อนที่กำลังตำรวจจะเข้าจู่โจม ควบคุมตัวได้ และมีร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้กับหมวดอี๊ด จึงส่งตัวไปให้แพทย์ รพ.สมเด็จพระยุพราชธาตุพนม รักษาบาดแผลแล้วนำไปสอบสวนที่ สภ.ธาตุพนม เบื้องต้นแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าคนตาย ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน นอกจากนี้ชุดสืบสวนตรวจพบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางผ่านบางช่วง ว่า ก่อนเกิดเหตุหมวดอี๊ดผู้ตายขับรถกระบะส่วนตัวไปควบคุมเหตุ และถูกทำร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
สอบถาม นางมยุรี โกพลรัตน์ อายุ 79 ปี อดีตข้าราชการครู แม่นายตำรวจผู้ตาย เปิดเผยว่า มีลูก 5 คน ผู้ตายถือเป็นเสาหลักครอบครัว รับราชการเป็นตำรวจ เคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง มีลูกชาย 3 คน ซึ่งทุกคนยังเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา เคยนึกเสมอว่าการทำงานรับราชการตำรวจ มีความเสี่ยงตลอดเวลา กระทั่งเกิดความสูญเสียกับครอบครัว ยอมรับว่าเสียใจมาก แต่ก็ภาคภูมิใจที่ลูกชายได้ทำหน้าที่ดีที่สุดในการรับราชการ สิ่งที่กังวลคือหลาน ที่กำลังจะมีอนาคต อยากฝากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูแลสวัสดิการทุนการศึกษา นอกจากนี้ปัญหายาเสพติดอยากให้ปราบปราบขั้นเด็ดขาด เพราะเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียกับใครอีก
ส่วน นางกนกนาฏ โกพลรัตน์ อายุ 29 ปี ภรรยาผู้ตาย เปิดเผยว่า แต่งงานอยู่กินกับผู้ตายมาตั้งแต่ปี 2562 โดยสามีเคยมีภรรยามาก่อน แต่ล้มป่วยจนเสียชีวิต มีลูกชายมาก่อน 3 คน ยังเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ส่วนตนมีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุแค่ 1 ปี 6 เดือน ยอมรับว่าสามีเป็นคนรักในอาชีพตำรวจ รับราชการมาตั้งแต่ปี 2535 จบโรงเรียนพลตำรวจภูธรภาค 4 รุ่น 22 ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นรอง สวป.สภ.ธาตุพนม ทำหน้าที่หัวหน้าตู้ยามรักษาการ ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม ที่ผ่านมายอมรับคนร้ายสนิทกับสามี เพราะเคยดูแลช่วยเหลือ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง รู้ทั้งรู้ว่าป่วยจิตและมีอารมณ์แปรปรวน เคยคลุ้มคลั่งพยายามจะทำร้ายร่างกายคนอื่น สุดท้ายเจรจาจนอาการสงบ
ยอมรับว่าสามีเคยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า บางครั้งรู้สึกกังวลเพราะอยู่ใกล้ชิดกับคนป่วยจิต แต่เป็นหน้าที่ดูแลประชาชน ต้องทำถึงขนาดเกลี้ยกล่อมให้กินยาป่วยจิต เนื่องจากญาติพี่น้องไม่สามารถพูดคุยได้ สุดท้ายไม่คิดว่าจะเป็นคนฆ่าสามี ถามว่าเสียใจมากหรือไม่ ยอมรับไม่มีอะไรทดแทนได้ แต่ต้องทำใจเพราะเป็นการเสียชีวิตในหน้าที่ ส่วนการดูแลเยียวยา สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือทุนการศึกษาลูกทุกคน เพราะสามีคือเสาหลักดูแลทุกด้าน
นอกจากนี้สำหรับปัญหายาเสพติดในประเทศไทย อยากให้รัฐบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมมือปราบปรามอย่างเด็ดขาด ยิ่งคนที่อ้างป่วยจิต รับโทษสถานเบามาก อยากให้แก้กฎหมาย หากทำผิดทุกคนต้องได้รับโทษสาสมคือ ชีวิตแลกด้วยชีวิต ไม่ต้องอ้างว่าป่วยจิต ซึ่งกฎหมายดูเหมือนจะคุ้มครองคนผิดมากกว่าด้วยซ้ำ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แก๊งยาเสพติดข้ามชาติ ยัดผงขาว-ไอซ์ มูลค่ากว่า 100 ล้าน ในองค์พระพุทธรูป
ที่หน้ากองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 (ร้อย ตชด.237 กก.ตชด.23) พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) และ รองผู้บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด
'นครพนม' ขานรับ 'ธวัชบุรีโมเดล' นำร่อง อ.ศรีสงคราม เส้นทางโจรลำเลียงยาบ้าเข้าตอนใน
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 (ผอ.กอ.รมน.2) ผู้บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 24 (ผบ.นบ.ยส.24)
สนธิกำลังจับแก๊งขนยาบ้า ลอบขายช่วงลอยกระทง ยึดของกลาง 2.5 แสนเม็ด
ตำรวจ ทหาร ปกครอง จ.บุรีรัมย์ สนธิกำลังร่วมตำรวจ จ.สุรินทร์ ตามไล่ล่าติดตามจับกุม ทีมขนลำเลียงยาเสพติด ที่จะขนมาขายช่วงเทศกาลลอยกระทง ได้ยกแก๊ง 9 คน ยึดของกลางยาบ้า กว่า 2.5 แสนเม็ด ยาไอซ์จำนวนหนึ่ง กระสุนปืนอีก 14 นัด
ตำรวจแถลงจับเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ ของกลางยาบ้า 41 ล้านเม็ด
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.สำราญ นวลมา และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง
ทหารพราน ปะทะเดือด กลุ่มค้ายาชายแดน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ยึดยาบ้า 2 แสนเม็ด
ภายหลังจากที่หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ วางมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนช่วงประเพณีลอยกระทงประจำปีนี้
'ทวี' ตื่น แม่สร้างห้องขังดูแลลูกติดยา รุกจับมือทุกฝ่ายดูแลก่อนออกสู่สังคม
“ทวี”เยี่ยม “เอ็ม” หนุ่มบุรีรัมย์ที่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น ครบ 1 อาทิตย์หลังแม่ทนไม่ไหวสร้างห้องขังลูกเหตุเพราะติดยา พร้อมประกาศเดินหน้ากวาดล้างยาเสพติดอย่างจริงจัง และสร้างคนให้มีความรู้ความสามารถทัดเทียมนานาประเทศ