จนท.รัฐลงข้อมูลที่เกิดผิด ทำผู้เฒ่าลีซอไร้สัญชาติ ผลตรวจ 'ดีเอ็นเอ' ยืนยันชัด-เร่งแก้ไข

เจ้าหน้าที่รัฐบันทึกสถานที่เกิดผิดทำผู้เฒ่าลีซอไร้สัญชาติมา 70-80 ปี ดีเอสไอตรวจดีเอ็นเอยืนยันเป็นผู้เฒ่าชาวเขาดั้งเดิม “ครูแดง” วอนเร่งรัดกระบวนการสานฝันผู้เฒ่าให้ได้รับรองสิทธิ

14 พ.ย.2566 - คณะของมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) นำโดยนางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานด้านสิทธิมนุษยชนและสถานะบุคคลของพชภ.ได้นำคณะเจ้าหน้าที่อำเภอแม่จัน นำโดยนายวรากร สิทธิเดชะ ปลัดอำเภองานทะเบียนและบัตร และน.ส.ณัฎฐ์นรี มงคลดี ปลัดอำเภองานสำนักงาน ลงพื้นที่หมู่บ้านเฮโก หมู่ที่ 19 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายเพื่อติดตามเรื่องการพิจารณาการขอสัญชาติไทยตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูง พ.ศ.2543 ของกลุ่มผู้เฒ่า “ชาวเขาติดแผ่นดิน” ซึ่งมีการระบุรายการสถานที่เกิดไม่ตรงตามข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ พชภ.ได้ดำเนินการแก้ปัญหาผู้เฒ่าไร้สัญชาติที่เป็นชาวเขาดั้งเดิม แต่ถูกบันทึกรายการสถานที่เกิดผิด โดยร่วมกับสำนักทะเบียนอำเภอแม่จัน กรมการปกครอง และนักวิชาการด้านกฎหมายสัญชาติ นำไปสู่การมีหนังสือลงวันที่ 13 กันยายน 2562 โดยอธิบดีกรมการปกครอง ทำให้เกิดกรณีตัวอย่างที่แก้ไขปัญหาได้สำเร็จอย่างไรก็ตาม พชภ.พบว่ามีผู้เฒ่าชาวลีซูอีก 3 ราย ที่ถูกบันทึกรายการสถานที่เกิดผิดจากความจริง ทั้งนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ร่วมพิสูจน์ทางสารพันธุกรรม หรือการตรวจ DNA กับคู่ตรวจที่เป็นบุคคลสัญชาติไทย และพบว่าผู้เฒ่าทั้ง 3 คนมีผลตรวจตรงกับบุคคลสัญชาติไทย เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน และมีการทำประชาคมหมู่บ้านรอบรับแล้ว

นางเตือนใจกล่าวว่า ผู้เฒ่าหมู่บ้านเฮโก 8 คน เป็นชาวลีซอหรือชาวเขาดั้งเดิมที่เกิดในประเทศไทย แต่ถูกลงบันทีกสถานที่เกิดผิดเพราะผู้สำรวจไม่เข้าใจเรื่องภาษา และลงบันทึกผิดว่าเกิดนอกเขตประเทศไทย ขณะนี้ทั้ง 3 คนยังไม่ได้ถูกส่งชื่อไปที่กรมการปกครองหลังจากพิสูจน์ดีเอ็นเอแล้วเมื่อ 8 เดือนก่อน ขั้นต่อไปหากนายอำเภออนุมัติและกรมการปกครองตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ถูกต้องแล้ว ก็ต้องทำหนังสือแก้ไขสถานที่เกิด และทำหนังสือรับรองการเกิดในประเทศไทยย้อนหลัง จากนั้นจึงยื่นคำร้องขอลงรายการสัญชาติไทยตามระเบียบ 43 (การได้สัญชาติไทยตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูง พ.ศ.๒๕๔๓)

“ผู้เฒ่าลีซอกลุ่มนี้อายุเกิน 70 ปีปีแล้ว คนที่อายุมากสุด 88 ปี แก่ชรามาก เดินต้องใช้ไม้เท้า จึงควรดำเนินการแก้ไขให้พวกท่านอย่างเร่งด่วนเพราะนอกจากพวกท่านอายุมากแล้ว สุขภาพก็ไม่ดี พวกท่านพิสูจน์ดีเอ็นเอแล้ว 3 คน ส่วน อีก 5 คนที่ไม่มีคู่ตรวจดีเอ็นเอ เพราะอายุเกิน 80 ปีเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่เหลือใครที่จะมาร่วมพิสูจน์ แต่ได้มีการทำประชาคมหมู่บ้านโดยมีผู้แทนดีเอสไอ กรมการปกครอง สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติภาคประชาสังคมและสำนักงานผู้แทนทะเบียนแม่จัน มาร่วมเป็นพยาน กรณีนี้จะเป็นกรณีศึกษาสำหรับผู้ที่ถูกบันทึกข้อมูลผิด ซึ่งอธิบดีกรมการปกครองหนังสือเวียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้แจ้งสำนักทะเบียนทุกแห่งว่าหากมีการบันทึกข้อมูลผิด สามารถแก้ไขตามความเป็นจริงได้โดยใช้พยานที่น่าเชื่อถือ” ครูแดง กล่าว

นางเตือนใจกล่าวว่า การแก้ไขครั้งนี้ควรต้องเร่งด่วน เพราะผู้เฒ่าอายุมากแล้ว เรื่องออกจากอำเภอภายในเดือนธันวาคมนี้เพราะพิสูจน์ดีเอ็นเอและทำประชาคมกันมาแล้วเกือบครบ 1 ปีที่มีการแก้ไขบันทึกที่ผิดพลาด เชื่อว่าหากเรื่องเข้าสู่กรมการปกครองและกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารจะเห็นใจและเข้าใจประเด็นนี้ และคงช่วยเร่งรัดโดยเฉพาะปีหน้าเป็นปีสังคมผู้สูงวัย ควรแก้เรื่องนี้ให้เป็นกรณีตัวอย่าง

“เป็นความฝันของผู้เฒ่าที่ต้องการบัตรประชาชน หรือได้รับการรับรองสิทธิเหมือนกับคนรุ่นเดียวกันที่ได้สัญญาติไทยกันหมดแล้ว เหลือเพียงผู้เฒ่ากลุ่มนี้ที่ถูกบันทึกผิด เราจึงควรช่วยกันสานฝันของพวกท่านให้เป็นจริง เพราะพวกท่านต่างร่วมกันพัฒนาประเทศไทยมายาวนาน และเลี้ยงดูลูกหลานให้เป็นกำลังของบ้านเมือง”นางเตือนใจ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผู้เฒ่าไร้สัญชาติสุดเศร้า ตายก่อนได้บัตรประชาชนนับสิบราย เหตุกระบวนการยังล่าช้า

นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการ พชภ.และคณะเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิ พชภ. ได้จัดเวทีกระบวนการเพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้เฒ่าไร้สัญชา

ไทย-ลาว ร่วมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา

มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) พร้อมเครือข่ายเด็กกายดี ร่วมกิจกรรมการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ชาวบ้านปากอิง ร้องขาดผู้ใหญ่บ้านนานกว่า 2 ปี การพัฒนาติดขัด ประปามีปัญหา

ตัวแทนชาวบ้านบ้านปากอิงเหนือ หมู่ 2 ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย ได้เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อนายอำเภอเชียงของ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนเนื่องขาดผู้นำชุมชนในตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านโดยนายบุญจันทร์ จันทร์ทิพย์ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านปากอิง หมู่ 2 ได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่มีผู้ใหญ่บ้านมาแล้ว 2 ปี ด้วยมีคำสั่งให้ผู้ใหญ่บ้านคนล่าสุดหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนในด้านกิจกรรมของคนในชุมชน ขาดการพัฒนาการจัดตั้งของบประมาณและโครงการต่างๆของภาครัฐ รวมถึงงานประเพณีต่างๆ ขาดการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการ

ชาวเชียงของ เดือดร้อนหนัก ร้องหน่วยงานรัฐระงับเอกชนขนส่งถ่านหินก่อมลพิษฟุ้งกระจาย

ชาวบ้าน 200 คน 2 หมู่บ้านใน อ.เชียงของ สุดทน เดือดร้อนหนัก บ.เอกชนขนถ่านหินจากลาวก่อมลพิษ แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายรอบแต่เงียบ-นายอำเภอสั่งระงับขนชั่วคราวก่อนสอบหาข้อเท็จจริง