รวบยกแก๊ง 'โจ๋สวะ' ทำปืนเองสาดยิงมั่ว กระสุนฝังกะโหลกสาวนักศึกษาเสียชีวิต

2 พ.ย.2566 - ที่หน้า สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.นครพนม) มอบหมายให้ พ.ต.อ.ณัฏฐพนธ์ พยอมใหม่ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.สภ.ศรีสงคราม ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน แถลงการณ์จับกุมแก๊งโจ๋ป่วนเมือง หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืน ยิงกราดใส่คู่อริ ในงานบุญประเพณีแข่งเรือ เมื่อคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เหตุเกิดในพื้นที่ชุมชนปากอูน เขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เป็นเหตุให้นางสาวธิดาพร โทรัตน์ หรือน้องเปรี้ยว อายุ 23 ปี นักศึกษาสาว ปวส.1 วิทยาลัยการอาชีพศรีสงคราม ชาวบ้านขว้างคลี หมู่ 20 ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ถูกลูกหลง กระสุนปืนยิงเข้าที่ขมับซ้ายเหนือใบหู ขณะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อนกลับบ้าน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังนำตัวส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพนม ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.สภ.ศรีสงคราม ได้สั่งการทีมสืบสวนลงพื้นที่ ตรวจสอบเก็บหลักฐานหาเบาะแสจากภาพกล้องหน้ารถยนต์ของพลเมืองดี ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุได้พอดี รวมถึงสอบสวนพยานบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จนกระทั่งพบหลักฐานสำคัญ สามารถเชื่อมโยงถึงตัวผู้ก่อเหตุได้ พร้อมเสนอศาลจังหวัดนครพนม ออกหมายจับ และติดตามจับกุม เยาวชนป่วนเมืองรวม 3 คน มี 1.ด.ช.เอ็ม (นามสมมติ) อายุ 14 ปี 2.นายตังทอน (นามสมมติ) อายุ 15 ปี และ 3.นายภพ อายุ 17 ปี (นามสมมติ) หรือมีสมยานามเป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นว่าแก๊งจิ๊กโก๋ นอกจากนี้ยังมีการตรวจยึดของกลางที่ใช้ก่อเหตุ เป็นอาวุธปืนแบบไทยประดิษฐ์ ลักษณะเป็นปืนแก๊ปสั้น บรรจุด้วยดินปืน และลูกตะกั่ว ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง เพื่อไว้ก่อเหตุยิงคู่อริ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย สารภาพก่อเหตุจริง อ้างทำไปด้วยความคึกคะนอง หวังยิงคู่อริที่มีเรื่องทะเลาะกัน แต่พลาดไปถูกผู้เสียชีวิต เบื้องต้นทางตำรวจแจ้งข้อหา 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.มีอาวุธปืน ผลิตอาวุธปืน 3.มีเครื่องกระสุนปืน 4.พกพาอาวุธปืน และ 4.ยิงปืนในที่สาธารณะ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเยาวชน ต้องสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพ และยังมีผู้ปกครองของเยาวชนทั้ง 3 คน ต่างคนต่างอ้างพัลวันว่าลูกเป็นคนดีแต่ถูกเพื่อนชักชวนไปในทางที่ผิด

ด้าน พ.ต.อ.ณัฏฐพนธ์ พยอมใหม่ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ลงพื้นที่ ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนม กระทั่งสามารถจับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 ราย เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ยืนยันว่า การจับกุมมีพยานหลักฐานชัดเจน และมีการขออนุมัติศาลจังหวัดนครพนม ออกหมายจับตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิต ทางตำรวจได้ลงพื้นที่ ทำความเข้าใจให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสีย และสร้างความเข้าใจในกระบวนการทางกฎหมาย ยืนยันว่าทางตำรวจดำเนินการตามกฎหมายทุกขั้นตอน สำหรับมาตรการป้องกันปราบปราม จะได้มอบหมายให้ตำรวจในท้องที่ เพิ่มมาตรการเข้ม ในการป้องกันปราบปรามไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก รวมถึงเข้มงวดตรวจสอบ ติดตามพฤติกรรมกลุ่มเยาวชน ที่เสี่ยงก่อเหตุซ้ำ และสร้างความร่วมมือ กับผู้นำชุมชน ท้องถิ่น ขอความร่วมมือผู้ปกครอง ช่วยกันสอดส่องดูแล แจ้งเบาะแส ป้องกันก่อเหตุซ้ำ

ส่วน พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.สภ.ศรีสงคราม เปิดเผยว่า สำหรับหลักฐานที่เชื่อมโยงเอาผิดเยาวชนผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย มีทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ คลิปวงจรปิด พยานในที่เกิดเหตุ ชี้ชัดถึงตัวผู้ก่อเหตุ รับรองไม่ผิดตัว ซึ่งถือว่าเป็นความร่วมมือทุกภาคส่วน ที่ช่วยกันติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ จะได้ดำเนินคดีทุกข้อหา ถึงแม้จะเป็นเยาวชน แต่ทางตำรวจได้ดำเนินคดีถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง พร้อมมีมาตรการเข้มงวด ในการปราบปรามกวาดล้างกลุ่มเยาวชนป่วนเมือง จะต้องไม่เกิดเหตุซ้ำอีก

สำหรับ นางสาวศิรินยา โทรัตน์ หรือปีโป้ อายุ 27 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ยอมรับครอบครัว รวมถึงแม่พี่น้องรวม 4 คน โดยน้องเปรี้ยวเป็นลูกคนที่ 4 ในบรรดาพี่น้อง 5 คน ปกติจะเป็นคนดูแลแม่ เพราะพ่อเสียชีวิตเมื่อหลายสิบปี ที่แล้ว ตั้งแต่น้องเปรี้ยวอยู่ในครรภ์ได้ 8 เดือน ชีวิตครอบครัวมีฐานะลำบากยากจน ทุกคนต้องดิ้นรนไปทำงานต่างจังหวัด คนที่ต้องดูแลแม่อายุ 63 ปี คือ น้องเปรี้ยว อีกทั้งน้องยังอยากเรียนหนังสือ มีการศึกษาที่ดี จึงพยายามหาทางส่งตัวเองเรียนมาตลอด ความหวังคือการจบการศึกษาที่ดี มีงานทำ ไม่คิดว่าจะมาเจอความสูญเสียลักษณะนี้ ทั้งที่ไม่มีเรื่องกับใครมาก่อน และไม่รู้จักคนก่อเหตุ แต่โดนลูกหลง จากการผ่าตรวจพิสูจน์ศพของแพทย์ พบลูกตะกั่วฝังศีรษะ บริเวณแกนสมอง 1 นัด ไม่สามารถผ่าตัดรักษาได้ เป็นเหตุให้เสียชีวิต ทราบข่าวว่า ทางตำรวจจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ แต่ยังเสียใจที่สูญเสียน้องสาว ทั้งที่ยังมีอนาคต แต่ขอชีวิตคืนไม่ได้ ทางครอบครัวขออโหสิกรรม เพื่อเป็นบุญกุศลกับน้องสาว ส่วนคนที่ทำผิดขอให้รับโทษทางกฎหมายถึงที่สุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แก๊งยาเสพติดข้ามชาติ ยัดผงขาว-ไอซ์ มูลค่ากว่า 100 ล้าน ในองค์พระพุทธรูป

ที่หน้ากองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 237 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 23 (ร้อย ตชด.237 กก.ตชด.23) พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) และ  รองผู้บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด

'นครพนม' ขานรับ 'ธวัชบุรีโมเดล' นำร่อง อ.ศรีสงคราม เส้นทางโจรลำเลียงยาบ้าเข้าตอนใน

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 (ผอ.กอ.รมน.2) ผู้บัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 24 (ผบ.นบ.ยส.24)

ตม.นครพนม คุมเข้มสกัด 'แก๊งสแกมเมอร์ทิพย์' ปมเจ๊อ้อยโอนเงิน 39 ล้าน

กรณี ตำรวจกองปราบปราม กองบังคับการ 3 ร่วมกับชุดสืบสวนของกองกำกับการ 5 ตำรวจทางหลวง นำกำลังเข้าสกัดจับกุม ทนายตั้ม-นายษิทรา เบี้ยบังเกิด อายุ 43 ปี ในคดีหลอกลวงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญา

พี่สาวร่ำไห้ตามหา 'ครูวี' เจอมรสุมชีวิตทับถม ชิงลาออกไปเป็นกรรมกรก่อสร้าง

กรณีมีข่าวลือหนาหูว่ามีครูชำนาญการพิเศษ ลาออกไปเป็นกรรมกรก่อสร้างในกรุงเทพฯ หลังประสบมรสุมชีวิตอย่างเดียวดาย และล้มป่วยสารพัดโรค ก่อนจะตัดสินใจลาออก เพื่อรับเงินบำเหน็จ นำไปใช้หนี้เงินกู้

แจงดราม่า! งานตักบาตรพระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด โยนออแกไนซ์รับผิด

จังหวัดนครพนม ได้รายงานข้อเท็จจริง กรณีงาน "มหาบุญแห่งศรัทธานครพนม" โดยตามที่ปรากฏข่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ ประเด็น "ทัวร์ลงยับ นิมนต์พระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด" เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมานั้น

สิ้นท่า 'ท้าวตู้' ตัวตึงค้ายาฝั่งโขง ยอมแฉหมดเปลือกแลกอิสรภาพ

นครพนม-จู่โจมจับกลางลำน้ำ “ท้าวตู้ตัวตึงฝั่งโขง” พร้อมชาวประมงคนไทยรวม 2 ราย ทำทีหาปลาแฝงขนยาบ้า ลูกเล่นอ้างจะแฉชื่อเอเยนต์ เพื่อแลกกับอิสรภาพ