30 ต.ค. 2566 – ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนมรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา บรรยากาศการท่องเที่ยว คืนวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม เนืองแน่นไปด้วยประชาชน นักท่องเที่ยวเรือนแสน ต่างเดินทางมาชื่นชมความสวยงาม อลังการของเรือไฟ จำนวน 12 ลำ ที่เกิดจากความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านศิลปินเรือไฟ เพื่อสืบสานประเพณี ส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ช่วงงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ
ปี 2566 นี้ เรือไฟส่วนใหญ่ออกแบบลวดลาย เป็นภาพสัญลักษณ์ สื่อถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของ จ.นครพนม อาทิ องค์พระธาตุพนม พญาศรีสัตตนาคราช สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 (นครพนม –คำม่วน) รวมถึงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ บางลำทุ่มทุนสร้างนับล้านบาท ขนาดความยาวประมาณ 70-80 เมตร สูงราว 20-30 เมตร ประดับด้วยตะเกียงไฟโบราณ มากกว่า 20,000-30,000 ดวง โดยเรือไฟที่ส่งเข้าประกวด แยกออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทความสวยงาม และความคิดสร้างสรรค์ เกิดจากความสามัคคี พลังศรัทธา แรงงานไม่มีค่าแรงงาน ไม่หวังค่าจ้างรางวัล
เช่นเดียวกันกับเรือไฟของชาว อ.โพนสวรรค์ ถือเป็นเรือไฟที่สร้างความสนใจกับประชน นักท่องเที่ยวทุกปี ทั้งขนาดความยาว เรียกได้ว่าเป็นเรือไฟใหญ่สุดในโลก ความยาวประมาณ 80 เมตร ความสูงประมาณ 30 เมตร ติดตั้งตะเกียงไฟโบราณ มากกว่า 20,000 ดวง ทุ่มทุนสร้างปีละนับล้านบาท และปีนี้ถือว่าเป็นเรือไฟ ที่สร้างความสวยงาม อลังการ ตื่นตา แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว ไม่แพ้ทุกปี คาดว่าปีนี้ มีประชาชน นักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมในงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ นับแสนคน กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ถูกจับจองเต็ม เชื่อว่าเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
หลังจากเรือไฟถูกปล่อยครบแล้วทั้ง 12 ลำ ผลการประกวดปีนี้ ประเภทสวยงาม ชนะเลิศคว้าถ้วยรางวัลพระราชทาน ประเภทสวยงาม ได้แก่ เรือไฟ อ.โพนสวรรค์ รองชนะเลิศอันดับ 1 เป็นเรือไฟ อ.เมืองฯ และ อันดับ 2 เรือไฟ อ.ท่าอุเทน โดยปี 2565 เรือไฟจาก อ.ธาตุพนม เป็นแชมป์ อ.โพนสวรรค์ และ อ.เมืองฯ เป็นรองแชมป์ตามลำดับ
ส่วนประเภทความคิด ชนะเลิศได้แก่ เรือไฟ อ.ปลาปาก รองชนะเลิศอันดับ 1 อ.นาแก และ อันดับ 2 อ.นาหว้า โดยปี 2565 เรือไฟที่ชนะเลิศคือ อ.ปลาปาก ตามด้วย อ.นาหว้า และ อ.ศรีสงคราม ถือว่าปีนี้เรือไฟ อ.ปลาปาก รักษาแชมป์ไว้ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจงดราม่า! งานตักบาตรพระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด โยนออแกไนซ์รับผิด
จังหวัดนครพนม ได้รายงานข้อเท็จจริง กรณีงาน "มหาบุญแห่งศรัทธานครพนม" โดยตามที่ปรากฏข่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ ประเด็น "ทัวร์ลงยับ นิมนต์พระ 1 พันรูป ปล่อยนั่งตากแดด" เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมานั้น
สิ้นท่า 'ท้าวตู้' ตัวตึงค้ายาฝั่งโขง ยอมแฉหมดเปลือกแลกอิสรภาพ
นครพนม-จู่โจมจับกลางลำน้ำ “ท้าวตู้ตัวตึงฝั่งโขง” พร้อมชาวประมงคนไทยรวม 2 ราย ทำทีหาปลาแฝงขนยาบ้า ลูกเล่นอ้างจะแฉชื่อเอเยนต์ เพื่อแลกกับอิสรภาพ
ทัวร์ลงยับ! นิมนต์พระ 1 พันรูป ตักบาตรริมโขง ปล่อยพระนั่งตากแดดจนเหงื่อชุ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ใช้ชื่อ “Kittichai Kaenjan” โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีข้อความว่า “มนต์พระมานั่งตากแดด จนหลวงพ่อเปียกเมิด บาดเจ้าของนั่งในฮ่ม (พระกะคนใด๋ ฮ้อนเป็นคือกัน) บางอำเภอมาตั้งแต่ตี 3 นั่งถ้าจนหกโมง
เบื้องหลัง 'เรือไฟ' แชมป์เก่า อ.ปลาปาก ไหม้ก่อนไหลโชว์ สูญเกือบล้าน
เบื้องหลังเรือไฟ อ.ปลาปาก มูลค่าเกือบล้านบาท ไฟไหม้ก่อนไหลโชว์ ตะเกียงไส้ยาวจนลามไปอีกดวง กลุ่มผู้สร้างขอนำไปแก้ไข เพื่อทวงบัลลังก์แชมป์คืน เสียดายเงินเหมือนโยนทิ้งน้ำ