28 ต.ค.2566 - ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น้องเปรี้ยว-นางสาวธิดาพร โทรัตน์ อายุ 23 ปี นักศึกษา ปวส. 2 สาขาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาศรีสงคราม ชาวบ้านขว้างคลี หมู่ 20 ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ถูกกระสุนปืนไม่ทราบชนิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่เขม่นกันหน้าเวทีหมอลำ งานบุญแข่งเรือ ในเขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เหตุเกิดเวลาประมาณตีหนึ่ง ซึ่งเป็นวันใหม่ของวันที่ 27 ตุลาคม 2566 โดยกระสุนเข้าที่บริเวณขมับเหนือใบหูด้านซ้าย ขณะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ กลับบ้านกับเพื่อน ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนครพนม หลังถูกนำตัวส่งไปรักษาจากโรงพยาบาลศรีสงคราม
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.สภ.ศรีสงคราม ได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบ เก็บหลักฐาน สอบสวนพยานแวดล้อม ที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มเติม เพื่อหาเบาะแส จากกล้องหน้ารถยนต์ของประชาชน ที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยพบหลักฐานว่ามีกลุ่มวัยรุ่นราว 10 คน ก่อเหตุยกพวกทำร้ายร่างกายกัน หลังเขม่นกันอยู่หน้าเวทีหลอลำ และมีการปาระเบิดปิงปอง พร้อมกราดยิงใส่คู่อริ ประมาณ 3-4 นัด ทำให้กระสุนปืนพลาดถูกน้องเปรี้ยว บาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา พร้อมนำศพส่งไปชันสูตรเก็บหลักฐานเพิ่มเติม พิสูจน์หัวกระสุนที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น โดยในส่วนกลุ่มผู้ต้องสงสัย ได้ควบคุมตัว เยาวชน จำนวน 5 คน มาสอบสวนพร้อมประสานกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบ เขม่าดินปืน เพื่อหาหลักฐานประกอบเชื่อมโยงคดี หาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด วันที่ 28 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ สอบถามพูดคุยถึงความเป็นอยู่ของน้องเปรี้ยว สาวผู้เคราะห์ร้าย พบว่าอาศัยอยู่กับแม่ชื่อ นางวารี โทรัตน์ อายุ 57 ปี โดยมีนายณัฐพงษ์ สิทธิ หรือโล้ อายุ 25 ปี สามี และ น.ส.รัตนาภรณ์ โยลัย หรือปลาย อายุ 16 ปี น้องสาวคนเล็กต่างบิดา
ทั้งนี้ ชีวิตน้องเปรี้ยวเกิดจากพ่อกับแม่แยกทางกัน ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ 8 เดือน ภายหลังแม่ได้สามีใหม่เกิดลูกเพิ่มอีก 1 คน คือ น้องปลาย ปัจจุบันเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนบ้านค้อวิทยาคม นางวารีจึงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกทั้ง 5 คนด้วยลำแข้งของตนเอง ด้วยการว่างจากทำนา ก็ไปทำงานรับจ้างนำเงินมาจุนเจือครอบครัว โดยน้องเปรี้ยวเป็นคนที่ 4 แม้ทางบ้านมีฐานะยากจน แต่ดิ้นรนเรียน กศน.จนจบมัธยมปลาย จึงไปเรียนต่อระดับ ปวส. วิทยาลัยอาชีวศึกษาศรีสงคราม ที่สำคัญน้องเปรี้ยวยังมีลูกชาย 1 คน ที่เกิดจากสามีเก่าคือ น้องบิ๊กบอส อายุ 5 ขวบ ถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าแม่เสียชีวิตแล้ว สำหรับนายโล้สามีใหม่น้องเปรี้ยว นอกจากทำนาแล้ว ยังไม่มีงานอื่นทำเป็นหลัก โดยทั้งนายโล้และน้องเปรี้ยวหารือกัน ว่า ถ้าเรียนจบระดับ ปวส.แล้ว ทั้งสองเตรียมหาช่องทางไปทำงานต่างประเทศ เพื่อสร้างฐานะครอบครัว เพื่อดูแลลูกชายคนเดียว แต่น้องเปรี้ยวกลับมาเสียชีวิต แบบไม่คาดคิด ส่วนมือปืนรายนี้ยังลอยนวลอยู่ ข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โจ๋เมืองคอนสุดเหี้ยม! ยิงแสกหน้าหนุ่มสุรินทร์ ดับคาสวนมังคุด
พ.ต.อ.ประภาส ศรีสังข์จร ผกก. สภ.ลานสกา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงคล้ายกลิ่นศพ ภายในสวนมังคุด
น้ำลด ถนนอันซีนโผล่ จุดเช็กอินริมโขงนครพนมกลับสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจมน้ำนานสัปดาห์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงเริ่มลดลงวันละ 20-30 เซนติเมตร ล่าสุดช่วงเวลา 17.00 น. อยู่ที่ 11.50 เมตร ห่างจากจุดเตือนภัยเฝ้าระวัง 50 เซนติเมตร คือที่ 12 เมตร
ระดับแม่น้ำโขงที่นครพนม วัดได้ 11.79 เมตร ปลอดภัยใกล้สู่ภาวะปกติแล้ว
ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงเริ่มลดปริมาณลง ตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ ล่าสุดอยู่ที่ 11.79 เมตร ห่างจากจุดเฝ้าระวังเตือนภัย 21 เซนติเมตรคือที่ 12 เมตร ถือว่าปลอดภัยใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีกระแสไหลเชี่ยว
ชาวนาระทม น้ำโขงหนุนสูง นาข้าวจมเกือบ 7 หมื่นไร่ 4 อำเภอ จ.นครพนม ตั้งศูนย์รับมือ
ระดับน้ำโขงสูงที่ จ.นครพนม หวนกลับมาอีกครั้ง หลังรับอิทธิพลจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ผนวกกับจีนปล่อยน้ำออกจากเขื่อนไฟฟ้า จึงเกิดผลกระทบต่อเนื่อง
น้ำโขงดีดสูงสุดรอบปี นาข้าวจมบาดาลกว่า 2 หมื่นไร่ จ่อประกาศพื้นที่ประสบภัย
คืบหน้าเกี่ยวกับผลกระทบจากแม่น้ำโขง มีระดับสูงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 10.35 เมตร ถือว่าสูงสุดในรอบปี ห่างจากจุดวิกฤตประมาณ 1 เมตรเศษ คือที่ 12 เมตร หากถึงจุดดังกล่าวจะส่งผลให้ลำน้ำสาขาสายหลัก ไม่สามารถไหลระบายลงน้ำโขงได้ ในทางตรงกันข้ามน้ำโขงจะหนุนเข้าลำ
อพยพร้านค้าริมโขง ระดับน้ำขยับเพิ่มใกล้จุดวิกฤติ จ่อทะลักเข้าตัวเมืองนครพนม
ระดับน้ำโขงที่ จ.นครพนม โดยสถานีวัดระดับน้ำอัตโนมัติฯ กรมทรัพยากรน้ำ ยังคงเพิ่มระดับต่อเนื่อง ล่าสุดเช้าวันที่ 26 สิงหาคม 67 อยู่ที่ระดับ 10.20 เมตร ห่างจากจุดวิกฤตแค่ 1.80 เมตรคือที่ 12 เมตร เป็นการแตะระดับเลข 2 ตัวครั้งแรกในรอบปี