พ่อแม่หนุ่มแรงงานชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ทนรอไม่ไหวหาหยิบยืมเงินเพื่อนบ้าน 6 หมื่นบาท ส่งให้ลูกชายเป็นค่าตั๋วเครื่องบินกลับไทย เพราะห่วงความปลอดภัยหลังสถานการณ์สู้รบยังรุนแรง วอนรัฐช่วยเหลือทั้งค่าเครื่องบินที่จ่ายเองและหางานประเทศอื่นที่ปลอดภัยให้ทำ เพราะลูกเพิ่งทำงานได้แค่ปีเศษ ยังต้องแบกรับภาระหนี้อีกเกือบครึ่งล้าน
17 ต.ค.2566 - นายบุญรอด เรือโป๊ะ อายุ 58 ปี และนางสถาพร เรือโป๊ะ อายุ 54 ปี ชาวบ้านหนองนา ต.ลำไทรโยง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพ่อแม่ของนายเสรี เรือโป๊ะ อายุ 29 ปี หนึ่งในแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ประเทศอิสราเอล ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ เนื่องจากครอบครัวและตัวลูกชายมีความประสงค์จะเดินทางกลับไทย เพราะเกรงจะได้รับอันตรายจากสถานการณ์สู้รบที่ยังคงรุนแรงและขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากจำนวนแรงงานในอิสราเอลที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับมีมากกว่า 7,000 คน และไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงคิวลูกชายที่จะได้เดินทางกลับ ด้วยความกังวลใจและเป็นห่วงลูกชายมาก พ่อและแม่จึงตัดสินใจไปหยิบยืมเงินเพื่อนบ้าน 60,000 บาท ส่งไปให้ลูกชายเป็นค่าตั๋วเครื่องบินพาณิชย์เพื่อเดินทางกลับเอง
จึงอยากให้รัฐช่วยเหลือค่าเครื่องบินที่เดินทางกลับเอง เพราะพ่อแม่ก็ไม่มีรายได้อะไรแถมยังมีภาระหนี้สินอีกเกือบครึ่งล้าน ทุกวันนี้ก็รอแค่เงินจากลูกชายส่งมาให้ใช้หนี้และเป็นค่ากินอยู่ในแต่ละเดือน แต่เมื่อลูกต้องเดินทางกลับเพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยสงคราม ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนใช้หนี้ที่เหลือ
ทั้งนี้ พ่อและแม่ยังได้วีดีโอคอล พูดคุยกับลูกชายซึ่งยังทำงานอยู่ในสวนอะโวคาโด่ ที่อิสราเอล ซึ่งลูกชายบอกว่าจุดที่ทำงานแม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่สีแดง แต่ก็ได้ยินเสียงปืน ระเบิด และหากสถานการณ์สู้รบรุนแรงยืดเยื้อก็ไม่รู้จะปลอดภัยหรือไม่ จึงอยากจะเดินทางกลับบ้านเอาชีวิตรอดก่อน รอจนกว่าสถานการณ์จะสงบจึงจะตัดสินใจอีกครั้ง ขณะที่พ่อแม่ก็อวยพรให้ลูกปลอดภัยและดูแลตัวเองให้ดี
นายบุญรอด ผู้เป็นพ่อ ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายทำงานที่จ.ปราจีนบุรี แต่ค่าแรงก็ไม่พอใช้จ่ายประกอบกับครอบครัวก็มีภาระหนี้สินด้วย เขาจึงขอเดินทางไปที่อิสราเอล โดยเดินทางไปวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ปัจจุบันทำงานได้ประมาณ 1 ปี 2 เดือน จากกำหนดสัญญา 5 ปี แต่ตอนนั้นไม่มีเงินจึงไปกู้เงินกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก 1 แสนบาท เป็นค่าตั๋วและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานอิสราเอล ซึ่งยอดหนี้ก้อนนี้ต้องชำระคืนปีละ 23,000 บาท หลังจากลูกชายได้ทำงานที่อิสราเอลก็ส่งเงินมาให้ที่บ้านเดือนละ 30,000 – 40,000 บาท จากที่ได้ค่าจ้างเฉลี่ยเดือนละ 50,000 – 60,000 บาทแล้วแต่ว่าช่วงไหนมีโอทีส่วนที่เหลือลูกก็หักไว้ใช้จ่ายที่โน่น
ส่วนเงินที่ลูกชายส่งมาให้ที่บ้านก็จะแบ่งไว้เป็นค่ากินอยู่และไปหาหมอ ที่เหลือก็นำไปใช้หนี้ทั้งหนี้ ธกส.ที่ยังเหลืออีกกว่า 400,000 บาท และจ่ายค่างวดรถอีกเดือนละ 10,000 บาท หากลูกชายต้องเดินทางกลับเพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยสงคราม ครอบครัวก็ต้องแบกรับภาระหนี้สินอีกเกือบครึ่งล้าน ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือทั้งค่าตั๋วเครื่องบินที่พ่อแม่ต้องยืมส่งไปให้ลูก และอยากให้หางานประเทศอื่นที่ปลอดภัยให้ลูกชายทำ เพราะหากทำงานในไทยคงไม่พอใช้หนี้แน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สถานการณ์ในตะวันออกกลางจะยังคงตึงเครียดต่อไปในปี 2026
การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา การเปลี่ยนแปลงอำนาจในซีเรียและเลบานอน การเลือกตั้งในอิสราเอล: สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงเปราะบางและตึงเครียดในปี 2026
หลายหน่วยงาน รุดให้กำลังใจครอบครัว 'จ่าเหิน' ทหารไทยขาขาดรายที่ 8
ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ มอบหมาย พมจ.ร่วมกับหลายหน่วยงาน เยี่ยมให้กำลังใจพร้อมช่วยเหลือซ่อมสร้างบ้านชำรุดให้กับครอบครัวจ่าเหิน ทหารกล้าเหยียบกับระเบิดขาขาดรายที่ 8 สุดเศร้าไม่กล้าบอกข่าวร้ายแม่ป่วยติดเตียงหวั่นช็อก
รัสเซีย เตรียมพร้อมลากยาวสงครามอีกปี
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ตีความคำแถลงล่าสุดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ว่าเป็นหลักฐานแสดงถึงความเต็มใจที่จะทำสงครามในยูเค
ญาติ 'จ่าเริง' รอรับศพจากสมรภูมิ 'เนิน 350' ให้คนทรงทำพิธีเสี่ยงทายตามความเชื่อ
ครอบครัวของ "จ่าเริง" ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ทหารกล้าที่สละชีพ เนิน 350 ปราสาทตาควาย ขณะปะทะกับฝ่ายกัมพูชา ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถนำร่างออกจากสนามรบมาได้ ไปหาหมอทรงหรือร่างทรงในหมู่บ้าน เพื่อทำพิธีทำนายหรือเสี่ยงทาย
ผู้อพยพบุรีรัมย์คิดถึงบ้าน วอนยุติสงคราม ชี้เจรจาไม่จบก็ให้รบให้รู้แพ้ชนะ
ชาวบ้านแนวชายแดนอพยพหนีการสู้รบมาอยู่ศูนย์พักพิงเกือบ 10 วัน อยากกลับบ้านโดยเร็ว ขอรัฐตัดสินใจแก้ปัญหาไทย-กัมพูชาให้ชัด ยายสวดภาวนาขอทหารไทยปลอดภัยกลับครอบครัว พร้อมเสียงสะท้อนไม่อยากเห็นสงครามยืดเยื้อถึงรุ่นลูกหลาน
นายกฯ ลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์พักพิง จ.สุรินทร์ ขอบคุณ ปชช. ให้ความร่วมมืออพยพมาจุดปลอดภัย
ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจประชาชน และเจ้าหน้าที่

