หัวอกแม่! วอนพาลูกสาวเหยื่อสงคราม กลับบ้านอย่างปลอดภัย

แม่น้ำตาตก วอนทางการไทยเร่งช่วยเหลือลูกสาวให้กลับบ้านอย่างปลอดภัย  หลังรู้ลูกถูกจับเป็นตัวประกัน ขณะที่แรงงานจังหวัดเร่งประสานงานร่วมทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด

8 ต.ค.2566 – จากกรณีจับแรงงานไทยที่ไปทำงาน ที่ประเทศอิสราเอลอย่างถูกต้อง ซึ่งล่าสุด พบแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันคือ นางณัฐฐาวรี มูลกัน หรือ โย อายุ 35 ปี ชาวอ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ล่าสุดนางอรวรรณ หินตะ  แรงงานจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่พบนางบุญญาริน ศรีจันทร์  อยู่บ้านเลขที่ 159 ม. 14 ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น  แม่ของ นางณัฐฐาวรีแรงงานไทยในอิสราเอลที่ได้รับการยืนยันชัดเจนว่าถูกจับตัวไป

นางบุญญาริน  กล่าวว่า  ลูกสาวไปทำงานบรรจุมันเทศญี่ปุ่น ที่อิสราเอลนานกว่า 5 ปีแล้ว  และพบกับกับหนุ่มไทยที่ไปทำงานด้วยกันคือนายบุญถม พันธ์ฆ้อง   ซึ่งที่บ้านของ น.ส.ณัฐฐาวรี ที่ขอนแก่น ตนเองจะอยู่กับหลานสาววัย 8 ปี  2 คน  ซึ่งตามปกติลูกสาวจะโทรศัพท์มาพูดคุยด้วยทุกวัน จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมารู้ข่าวว่าลูกถูกควบคุมตัวจากเพื่อนของลูกสาวที่ไปทำงานด้วยกัน จึงพยายามติดต่อไปหาลูกหลายครั้ง  แต่ยังติดต่อไม่ได้  

“ตอนนี้ห่วงลูกสาวมาก   ก่อนหน้านี้เคยบอกให้ลูกกลับมาอยู่บ้าน แต่น้องโยบอกว่าขอทำงานต่ออีก 2 ปี  ให้ครบกำหนดสัญญา  จึงจะดินทางกลับไทย  ตอนนี้ขออย่างเดียวคือให้รัฐบาลพาลูกสาวและคนไทยทั้งหมดกลับบ้านอย่างปลอดภัย” นางบุญญาริน ระบุ

ขณะที่นางอรวรรณ หินตะ  แรงงานจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า  แรงงานจังหวัดได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูล แจ้งให้กับทางครอบครัวแรงงานไทยได้ทราบ  เพื่อคลายความกังวล  พร้อมกับให้การดูแลอย่างใกล้ชิด  โดยนายพิพัฒน์  รัชกิจประการ  รมว.แรงงานได้ส่งความห่วงใย และประสานข้อมูลต่างๆมาถึงครอบครัวของแรงงานไทย และกำชับให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมหากสามารถอพยพแรงงานไทยได้  ก็ตะพาทุกคนกลับบ้านทันที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ พูดถึง 'อาจเป็นโอกาสสุดท้าย' สำหรับข้อตกลงเรื่องตัวประกัน

แม้จะมีความพยายามระหว่างประเทศอย่างแข็งขัน แต่การหยุดยิงในสงครามฉนวนกาซายังไม่บรรลุผลสำเร็จ ระหว่าง

ปรบมือ ตร.ท่องเที่ยวพะงันทำงานรวดเร็ว ช่วยสาวอิสราเอลได้กระเป๋าเงินคืน

11 ส.ค.2567 – เมื่อวันที่ 10 ส.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันได้รับแจ้งว่านักท่องเที่ยวชื่อ MISS NOGA LEV อายุ 24 ปี สัญชาติ อิสราเอล เดินทางมายังหน่วยบริการตำรวจท่องเที่ยวเพื่อขอความช่วยเหลือเมื่อเวลา 19.00 น ว่าตนเองได้ทำกระเป๋าสตางค์หล่นบริเวณหน้าเซเว่นอีเลฟเวน สาขาศรีธนู ม.8 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และได้มีหญิง ไม่ทราบสัญชาติ ลักษณะเป็นหญิงสาวเอเชีย ได้หยิบกระเป๋าผู้แจ้งขึ้นมาแล้วหยิบเอาไป โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 เวลา 00:30 น. ได้รายงานให้ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันออกสืบสวนสอบสวนบริเวณที่เกิดเหตุ ต่อมาเวลา 19:30 น. ของวันที่ 10 สิงหาคม 2567 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันเก็บรวบรวมข้อมูล พยาน หลักฐาน จึงได้ออกสืบสวนบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง บริเวณรอบนอก พบรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่หน้าร้านอาหาร บริเวณบ้านศรีธนู เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันจึงได้เข้าไปตรวจสอบภายในร้าน พบผู้ต้องสงสัย รูปพรรณตรงตามหลักฐานจากกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบถามผู้ต้องสงสัยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ทราบชื่อ นางสาวจุฑารัตน์ เทพทุ่งหลวง สัญชาติไทย อายุ 23 ปี นางสาวจุฑารัตน์ให้การยอมรับ ตนเองได้ไปที่เซเว่นอีเลฟเว่นจริงเพื่อไปซื้อสินค้า และได้พบกระเป๋าสตางค์สีน้ำเงินลายดอกไม้ วางอยู่บนพื้นหน้าตู้กดเงินสด ตนจึงได้หยิบกระเป๋าสตางค์ใบนั้นขึ้นมาและเดินเข้าไปข้างในเซเว่นอีเลฟเว่น โดยมีการเปิดดูเพียงเล็กน้อยทราบว่าบัตรและเงินสดจำนวนหนึ่ง ตนเองก็ได้ทำการเลือกซื้อสินค้าต่อ จนกระทั่งเลือกซื้อสินค้าเสร็จและได้เดินมาชำระเงินที่เคาท์เตอร์ได้เดินออกจากร้านพร้อมสินค้าและกระเป๋าสตางค์ ได้เอาเงินผู้เสียหายไปใช้จำนวน 2,959 บาท เบื้องต้นเชิญตัวพบพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อสอบปากคำ และ ให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป ทั้งนี้ MISS NOGA LEV นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมตำรวจท่องเที่ยวในการช่วยเหลือตนได้อย่างรวดเร็วในครั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนและภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวตามนโยบายกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว.

ทอ.เตรียมเครื่องบิน Airbus และ C-130 รับคนไทยในอิสราเอล หากสถานการณ์มีความรุนแรง

พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมกำลังพล อากาศยาน