ชาวนาบุรีรัมย์ วอนรัฐบาลลดดอกเบี้ย ช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินได้มากกว่าพักชำระหนี้

ชาวนาบุรีรัมย์วอนรัฐบาลออกมาตรการปรับลดดอกเบี้ย สามารถช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินได้อย่างแท้จริง มากกว่าการพักชำระหนี้ ชี้พักหนี้แค่ 1 ปี เมื่อครบกำหนดยังมียอดหนี้และดอกเหมือนเดิม ซ้ำหลายคนมีหนี้เกิน 3 แสน ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้

27 ก.ย.2566 - หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อย ตามนโยบายรัฐบาลระยะที่ 1 โดยมีมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยที่มีต้นเงินคงเป็นหนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 ก.ย.2566 ไม่เกิน 300,000 บาท และมีสถานะเป็นหนี้ปกติและ/หรือเป็นหนี้ค้างชำระ (หนี้ 0-3 เดือน และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPLs) ได้รับสิทธิในการพักชำระหนี้ระยะแรกดำเนินการ 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2566 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2567

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจความคิดเห็นของชาวนาที่เป็นลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่า เป็นโครงการที่ดี แต่เป็นแค่การยืดระยะชำระหนี้แค่ 1 ปีเท่านั้น ไม่ได้ช่วยลดภาระหนี้สินให้กับชาวนาอย่างแท้จริง หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย จึงจะเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระหนี้สินให้กับชาวนาได้อย่างแท้จริง ขณะที่หลายคนซึ่งมียอดหนี้เกิน 300,000 บาท ก็ไม่เข้าเงื่อนไขหลักเกณฑ์ตามที่รัฐกำหนด ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้

นายประสิทธิ์ กมลรัมย์ อายุ 67 ปี ชาวนาบ้านโคกสูง ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ทำนา 80 ไร่ เป็นหนี้ ธ.ก.ส.อยู่กว่า 5 แสนบาท แต่ละปีต้องจ่ายดอกเบี้ยประมาณ 7 หมื่นบาท ถ้ารวมต้นและดอกเบี้ยก็จะประมาณปีละแสนกว่าบาท แต่ส่วนมากจะจ่ายแค่ดอกเบี้ยเพราะขายผลผลิตไม่ได้ราคาเพียงพอที่จะมีเงินไปจ่ายทั้งต้นและดอกเบี้ย ส่วนตัวมองว่าโครงการพักชำระหนี้เป็นโครงการที่ดี เพราะสามารถยืดระยะเวลาการชำระหนี้ให้ชาวนาได้ ที่ผ่านมาตนก็เคยเข้าร่วมโครงการสามารถนำเงินที่พักหนี้ไปหมุนทำอย่างอื่นได้ แต่ปีนี้รัฐมีเงื่อนไขจำกัดยอดหนี้ไม่เกิน 300,000 บาท คงไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสามารถเข้าโครงการได้

อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้อยากฝากให้รัฐบาลพิจารณาออกมาตรการปรับลดดอกเบี้ยให้กับชาวนามากกว่า ถึงจะเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระหนี้สินได้อย่างแท้จริง เพราะการพักชำระหนี้ชาวนาเมื่อครบกำหนดแล้วก็ต้องชำระหนี้และดอกเบี้ยเหมือนเดิม

ด้าน นางราตรี สุมาลี อายุ 60 ปี ชาวนา ต.ถลุงเหล็ก อ.เมืองบุรีรัมย์ บอกว่า ทำนาทั้งหมด 6 ไร่ เป็นหนี้ ธ.ก.ส. อยู่กว่า 1 แสนบาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยปีละกว่า 3 พันบาท หากรัฐมีโครงการพักชำระหนี้ก็จะเข้าโครงการ เพราะที่ผ่านมาเคยเข้าร่วมโครงการ สามารถนำเงินไปหมุนเวียนใช้จ่ายอย่างอื่นได้ แต่ไม่ได้แบ่งเบาภาระหนี้สินได้อย่างแท้จริง เพราะเมื่อครบกำหนดต้องหาเงินมาชำระหนี้เหมือนเดิม แต่หากปีไหนขายทำนาขาดทุน ต้องไปหยิบยืมเงินนอกระบบมาจ่าย จึงอยากให้รัฐพิจารณาออกมาตรการลดเงินต้นหรือดอกเบี้ยให้กับชาวนา มากกว่าโครงการพักชำระหนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผลสำรวจชี้ คนไทยกระเป๋าฉีกพบมีหนี้สิน 20-50%ของรายได้ แถมเสี่ยงถูกเลิกจ้างสูง

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับความยากจน หนี้สิน และการเลิกจ้างงาน” ระหว่างวันที่ 15-19 กรกฎาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,146 คน สำรวจผ่านทางออนไลน์และภาคสนาม

'ภูมิธรรม' ยันยังไม่เลิก 'ไร่ละพัน' แจง 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' หวังช่วยชาวนาอีกทาง

'ภูมิธรรม' แจงไม่ได้ยกเลิกไร่ละพัน พร้อมดึงกลับมาใช้ถ้าราคาข้าวตก ย้ำคนละส่วนกับปุ๋ยคนละครึ่ง ชี้ สส. รุมค้าน เหตุไม่เข้าใจถ่องแท้ไปฟังเกษตรกรมา

'ทักษิณ' ประกาศลุยเต็มสูบช่วยงานรัฐบาลหลังสิงหาคม

'ทักษิณ' เยือนสุรินทร์ บวชพระใหญ่ 334 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลในหลวง ถ่อมตัวจากไทยไป 17 ปี ปราศรัยไม่ค่อยเป็นแล้ว แต่หวังคนไทยหลุดบ่วงหนี้สิน แย้มหลังสิงหาคม​ รัฐบาลโชว์ผลงานเป็นรูปธรรม

ผวากระทบฐานเสียงรัฐบาล! หลังครม.เลิกไ่ร่ละ 1 พัน ดัน 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' แทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาการประชุมครม.ได้หารือวาระต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว นายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามขึ้นมากลางวงประชุม ถึงกรณีโครงการของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือชาวนาผ่านโครงการปุ๋ยคน