GISTDA จับมือ วช. และชลบุรี เลือกพัทยาต่อยอด COVID-19 iMap Platform สู่การพัฒนาระบบการแสดงผลที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจนำร่องระดับเจ้าหน้าที่ก่อนพัฒนาเป็นระบบสำหรับประชาชน
08 ธ.ค.2564 - ห้องบอลรูม 1-2 โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา จ.ชลบุรี นายวุฒิศักดิ์ สิงหเดโช นายอำเภอบางละมุง เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยมีตัวแทนส่วนงานราชการที่เกี่ยวข้องในเขตจังหวัดภาคตะวันออกเข้าร่วม
โดยกิจกรรมในครั้งนี้ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมมือกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมดำเนินงานวิจัยโครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อพัฒนาเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจ
นางกานดาศรี ลิมปาคม รองผู้อำนวยการ GISTDA เผยว่า โครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 นี้ เป็นโครงการที่ใช้ภูมิสารสนเทศมาช่วยวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดจนนำไปสู่การควบคุมพื้นที่ได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ พร้อมขยายระบบให้รองรับผู้ใช้งานได้เพิ่มขึ้น รวมถึงพัฒนาเพื่อให้รองรับการบริหารจัดการในระดับพื้นที่/จังหวัด ให้เป็นระบบการแสดงผล (Dashboard) เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการกำหนดมาตรการต่างๆ ในระดับพื้นที่ให้กับ 5 จังหวัดต้นแบบ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก ชลบุรี และภูเก็ต
นางกานดาศรีระบุอีกว่า จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมีแรงงานที่เป็นประชากรแฝงจำนวนมาก และเป็นจังหวัดหนึ่งใน 3 จังหวัด ที่อยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีความสำคัญในด้านพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมต่างๆ โดยรัฐบาลมีเป้าหมายในการเสริมสร้างให้ EEC เป็นประตูเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาคเอเชีย เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 จึงได้รับผลกระทบทั้งในด้านการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และแรงงาน โดย GISTDA ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบูรณาการข้อมูลที่เรียกว่า “COVID-19 iMap Platform” ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือให้กับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัด (ศปกจ.) โดยเชื่อมโยงข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศที่มีอยู่จำนวนมาก เช่น ข้อมูลที่ตั้งของสถานที่ ข้อมูลด้านสาธารณสุข ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ และด้านประชากร จากหน่วยงานทั้งหมด 9 กระทรวง รวม 17 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กองบัญชาการกองทัพไทย และสภากาชาดไทย พัฒนาเป็นระบบศูนย์กลางข้อมูล (Data Center) เพื่อนำไปใช้ในการติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์ วางแผน สนับสนุนการทำงานประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการทรัพยากรด้านสาธารณสุข ฟื้นฟูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์อย่างทันท่วงที
นางกานดาศรี กล่าวต่อว่า COVID-19 iMap Platform เป็นระบบที่ใช้บริหารสถานการณ์ในระดับประเทศ แต่เนื่องจากบริบทที่แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัดตามภูมิภาค ทำให้ต้องจำเป็นที่ต้องส่งเสริมและลงไปแก้ไขปัญหาต่างๆเฉพาะพื้นที่ ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2564 GISTDA จึงได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดำเนินงานวิจัยโครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งนอกจากการขยายระบบเพื่อให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้รองรับการบริหารจัดการในระดับพื้นที่/จังหวัด โดยขยายขอบข่ายการเชื่อมโยงข้อมูลให้ครอบคลุม นำข้อมูลเหล่านี้นำมาวิเคราะห์ร่วมกันและแสดงผลในรูปแบบของแผนที่ดิจิทัลและระบบการแสดงผล เป็นการนำข้อมูลมาสรุปให้เห็นเป็นภาพในหน้าเดียว สำหรับรองรับการเปลี่ยนแปลง หรือมาตรการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ในการกำหนดมาตรการต่างๆ ในระดับพื้นที่ของจังหวัดต้นแบบ เมื่อมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พื้นที่ศึกษาที่เป็นตัวแทนของบริบทต่างๆในครั้งนี้จะดำเนินการ วิเคราะห์เชิงลึกในด้านสาธารณสุข และด้านเศรษฐกิจ ในมิติของสาธารณสุข ทีมผู้วิจัยได้พัฒนาดัชนีชี้วัดความปลอดภัยต่อการติดเชื้อโควิด-19 หรือ “COVID-19 Safety Index” ขึ้น โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ ปัจจัยต่างๆในหลากหลายมิติ ทั้งด้านสถานการณ์การติดเชื้อ ด้านศักยภาพ/ความเพียงพอของระบบสาธารณสุข ด้านความหนาแน่นของประชากรและพื้นที่เสี่ยง และการจัดสรรวัคซีน เพื่อการบริหารจัดการเชิงพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วนเพื่อสังเคราะห์และตรวจสอบความถูกต้องก่อนการเผยแพร่สู่ภาคประชาชนผ่านระบบเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ด.ช.อินทัช'เบิ้ลแชมป์โลก ทัพเจ็ตสกีไทยคว้าแล้ว6รุ่น ศึก2024WGP#1ที่พัทยา
ทัพเจ็ตสกีไทยคว้าแชมป์วันเดียว 6 แชมป์โลกโดย ด.ช.อินทัช หลงนิยม ทำแชมป์ให้ไทยคนเดียว 2 รุ่นในศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก 2024 WGP#1 Waterjet World Cup ที่หาดจอมเทียน พัทยา เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.
เปิดเทศกาลแห่งความสนุกต้อนรับศักราชใหม่บนชายหาดพัทยา
เพิ่มดีกรีความอลังการในการจัดงานเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้นในทุก ๆ ปี สำหรับการจัดงานเทศกาลแห่งความสุข ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยเมืองพัทยา-องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ล่าสุดสำหรับการจัดงาน "PATTAYA COUNTDOWN 2025" (พัทยา เคาท์ดาวน์ 2025) ในธีม “CARNIVAL of HAPPINESS” (คาร์นิวัล ออฟ แฮปปี้เนส)
'สรวงค์'ดันเจ็ตสกีไทยที่1โลก เข้าเป้ากีฬาหนุนท่องเที่ยว ศึกชิงแชมป์โลก11-15 ธ.ค.นี้ที่พัทยา
เตรียมเปิดศึกเจ็ตสกีชิงแชมป์โลก WGP#1 เวิลด์คัพ 2024 ในวันที่ 11-15 ธันวาคมนี้ ณ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา โดยมี 5 กิจกรรม จัดเต็มสีสันกีฬาชายหาดระดับโลก ทั้งชิงแชมป์โลกเจ็ตสกี, แข่งเจ็ตสกีเหาะตีลังกา, งานแสดงเจ็ตสกีที่จะเปิดตัวรุ่นใหม่ครั้งแรกของโลก, ถ่ายแบบ 4 สาวญี่ปุ่น และแข่งเพาะกายกับเจ็ตสกี ล่าสุด ปิดรับสมัคร ดึงทีมนานาชาติมาไทย 3,000 คน ตามเป้า สร้างเม็ดเงินเศรษฐกิจกว่า 450 ล้าน ด้าน รมว.สรวงศ์ เทียนทอง มองอนาคตอีก 2 ปี สามารถสร้างเม็ดเงินชาติทะลุ 650 ล้านบาท/ปี ได้แน่ พร้อมดันคนไทยทำกีฬาสู้กับชาวต่างชาติ สร้างชื่อเสียงเป็นกีฬาความเร็วทางน้ำ อันดับ 1 ของโลก ประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยว “เกมส์ดีที่สุดในโลก ต้องมาชมที่เมืองไทยเท่านั้น”