เริ่มอย่างยิ่งใหญ่ “วิจิตร @ นครพนม” นครแห่งความสุขริมโขง เล่าเรื่องราวผ่าน แสง สี เสียง เผยประวัติศาสตร์บนอาคารเก่า ยุคสงครามอินโดจีน
28 พ.ค. 2566 – สืบเนื่องจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งมีเป้าหมายกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านประสบการณ์อันทรงคุณค่า ประทับตาตรึงใจแก่ผู้มาเยือนถิ่นนั้นๆ จึงบรรเจิดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือ Event Marketing ที่มีความแปลกใหม่และอยู่ในกระแสนิยมสามารถจูงใจนักท่องเที่ยวพักค้างแรมเพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดรายได้ในพื้นที่
ทั้งนี้ ททท.ได้เปิดโครงการวิจิตร 5 ภาค ชวนเที่ยวชมงาน แสง สี เสียงตระการตา ในพื้นที่จัดงานทั้ง 5 ภูมิภาค หวังกระตุ้นการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยมีการจัดในสถานที่ท่องเที่ยวใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ 1.ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร 2.ภาคใต้ นครศรีธรรมราช 3.ภาคเหนือ เชียงราย 4.ภาคตะวันออก ระยอง และ 5.ภาคอีสาน นครพนม เพื่อหวังกระตุ้นการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน
โดยจังหวัดนครพนมได้รับเกียรติจาก ททท.จัดงานวิจิตร 5 ภาค @ นครพนม ภายใต้แนวคิด “วิจิตรนครพนม นครแห่งความสุขริมฝั่งโขง” ระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-4 มิ.ย.66 รวม 9 วัน นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ผ่านการเล่าเรื่องด้วยการใช้เทคนิคของแสง สี เสียง ด้วยระบบ 3 D Projection Mapping และ Lighting รวมทั้งสิ้น 15 จุดที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ท้องถิ่น มีระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร
โดยแยกเป็น 8 ลานกิจกรรม 1.ลานแสงสิงแก้ว 2.ลานพนมนาคา 3.ลานจันทร์ส่องหล้า 4.ลานกินลมชมวิว 5.ลานตะวันเบิกฟ้า 6.ลานตรงข้ามโรงเรียนสุนทรวิจิตรนครพนม 7.ลานตรงข้ามรองอาสนวิหารนักบุญอันนา 8.ลานสวรรค์ชายโขง
ส่วน 7 อาคาร ประกอบด้วย 1.หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ 2.โรงแรมรชาโขง หรือเดิมชื่อโรงแรมเฟิร์ส 3.ศาลจังหวัดนครพนม 4.สํานักงาน ททท.นครพนม 5.จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม 6.รองอาสนวิหารนักบุญอันนา หนองแสง และ 7.หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ
ในกิจกรรมครั้งนี้ นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธีเปิดงานวิจิตร 5 ภาค@นครพนม นครแห่งความสุขริมฝั่งโขง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 เวลา 19.00 น. ณ ริมแม่น้ำโขงลานพนมนาคา ใกล้กับลานพญาศรีสัตตนาคราช ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัด เพิ่มอัตราพักค้างคืน สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว นำสู่การกระจายรายได้ในพื้นที่
สำหรับงานวิจิตร 5 ภาค @ นครพนม ทั้ง 15 จุดนั้น ล้วนมีเรื่องราวจากอดีตถึงปัจจุบันควรค่าแก่การศึกษายิ่งนัก เช่น ลานแสงสิงแก้วริมแม่น้ำโขง หน้าวัดพระอินทร์แปลง มีต้นฉำฉ่า(จามจุรี) ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมให้ความร่มรื่นแก่ผู้เข้าไปอาศัยร่มเงามานานอายุกว่า 200 ปี ซึ่งอยู่ในยุคอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์รุ่งเรือง
หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ก่อสร้างเมื่อปี 2503 โดยเมื่อครั้งสงครามอินโดจีน ชาวเวียดนามได้อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาอาศัยร่มพระโพธิสมภาร หลังประธานโฮจิมินห์ประกาศอิสรภาพเป็นผลสำเร็จ ชาวเวียดนามส่วนหนึ่งจึงเดินทางกลับมาตุภูมิ โดยได้ร่วมกันสร้างหอนาฬิกาแห่งนี้ไว้เป็นอนุสรณ์ และเสียงนาฬิกายังดังกังวานอยู่ถึงทุกปัจจุบัน
ส่วนโรงแรมรชาโขง เดิมชื่อโรงแรมเฟิร์สอยู่ใกล้กับหอนาฬิกาฯ มีความเป็นมาที่น่าสนใจ นอกจากเป็นโรงแรมที่อยู่คู่กับจังหวัดนครพนมมาอย่างยาวนานแล้ว โดยตัวตึกออกแบบให้สอดคล้องกับหอนาฬิกา และช่วงที่กองทัพสหรัฐใช้จังหวัดนครพนมตั้งฐานทัพ ทำสงครามกับเวียดนาม ทหารอเมริกันหรือจีไอ ก็ใช้โรงแรมแห่งนี้เป็นที่พักผ่อนขณะเข้ามาเที่ยวในตัวเมือง
ศาลจังหวัดนครพนม(หลังเก่า) สร้างขึ้นเมื่อปี 2460 ใช้พิพากษาคดีความต่างๆ และเมื่อปี พ.ศ. 2483 ประเทศไทยมีกรณีพิพาทกับอินโดจีนฝรั่งเศส อาคารศาลได้ถูกกระสุนปืนและลูกระเบิด ทำให้ผนังแตกร้าว 40 กว่าแห่ง จึงทำการซ่อมแซมพร้อมดัดแปลงใต้ถุนอาคารศาลเป็นห้องขังนักโทษ และใช้งานเป็นที่ทำการศาลจังหวัดนครพนมมาจนถึงวันที่ 3 มีนาคม 2506 จึงย้ายที่ทำการไปยังศาลจังหวัดนครพนมหลังปัจจุบัน
จวนผู้ว่าราชการฯหลังเก่า สร้างขึ้นประมาณปี 2457 โดยพระยาพนมนครานุรักษ์ (อุ้ย นาครทรรพ) วันที่ 12-13 พฤศจิกายน 2498 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระราชินีฯได้เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรจังหวัดนครพนม โดยประทับแรมที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กระทั่งถึงปี 2527 อาคารหลังนี้ถูกปิดตาย เนื่องจากความเก่าและทรุดโทรม และในปี 2548 อาคารถูกยกเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากร ดำเนินการบูรณะในปีถัดมาและจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ในที่สุด
หอสมุดแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถนครพนม เป็นอาคารสามชั้นสไตล์โคโลเนียล สีเหลือง เดิมเป็นอาคารศาลากลางจังหวัด สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชการที่ 5 สมัยที่เกิดกรณีพิพาทไทย-ฝรั่งเศส ตึกหลังนี้เคยถูกฝรั่งเศสยิงปืนใหญ่จากเมืองท่าแขกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมาถล่มจนพรุน ภายหลังปรับปรุงซ่อมแซมใช้เป็นหอสมุดเ พื่อให้เป็นศูนย์รวมแห่งการเรียนรู้ที่จะเอื้อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าแก่นักเรียน นักศึกษา ประชาชนในจังหวัดนครพนม และจังหวัดใกล้เคียง
ส่วน รองอาสนวิหารนักบุญอันนา ชุมชนหนองแสง สร้างมาเมื่อปี 2469 และถือเป็นโบสถ์คริสต์ที่มีความเก่าแก่สวยงามมากแห่งหนึ่งของไทย จุดโดดเด่นที่มองเห็นและสะดุดตาคงหนีไม่พ้นหอคอยคู่สูงอยู่ด้านบนของโบสถ์ส่วนหน้า โบสถ์แห่งนี้เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่ภายหลังจากโบสถ์เดิมที่อยู่ด้านข้างโดนระเบิดเสียหายไปในสมัยสงครามอินโดจีน จึงมีการร่วมใจกันสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์รวมใจและสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะชาวไทย เวียดนาม จีน ลาว เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมสีสันบรรยากาศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม โทร. 042 513 490 หรือ TAT Contact Center โทร.1672 Travel Buddy และสามารถติดตามร่วมกิจกรรมได้ที่ Facebook Fan Page : Vijitr วิจิตร นครพนม เพื่อลงทะเบียนร่วมกิจกรรมเช็คอิน 15 จุดแสดงลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษ อาทิ บัตรส่วนลดร้านอาหาร ร้านกาแฟ รถจักรยานเข่า รวมทั้ง บัตรกำนันที่พักในจังหวัดนครพนม และอื่น ๆ อีกมากมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เซเว่นฯ เปิดตัว แสตมป์เสน่ห์ไทย ให้ลูกค้าสะสม
เซเว่นฯ จับมือ ททท. สร้างปรากฎการณ์ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใครๆ…ก็หลงรัก” ผ่านแคมเปญสุดจึ้งแห่งปีโดยมี “โดราเอมอน” มาสร้างความสนุก ผสมผสานความเป็นไทยครั้งแรก!!! จัดใหญ่ทั่วไทย…แจกใหญ่ทั่วถึงสะสมได้ทั้งรูปแบบดวงแสตมป์ และ M-Stamp บน 7 App ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม ถึง 15 ธันวาคม 2567
ททท. กางแผนปี 68 ดึงต่างชาติเที่ยวทะลุ 40 ล้านคน สร้างรายได้ 3.4 ล้านล้าน
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในงานประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการ ททท. ปี 2568 (Tourism Authority of Thailand Action Plan 2025 : TATAP 2025) ว่า ททท.ตั้งเป้าหมายในปี 2568 สร้างรายได้รวมเพิ่มจากที่ทำได้ในปี 2567 ไปอีก 7.5%