23 มี.ค.2566 - ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีตำรวจ 3 นาย แต่งกายชุดนอกเครื่องแบบ ได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองจังหวัดสมุทรปราการ ก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆ จนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้าน
ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถบันทึกเหตุการณ์ตำรวจชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจน จากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราม ขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆ จะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้าน ขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปรามไว้
ล่าสุด นายทศพร มีสัตย์ อายุ 43 ปี หนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของ สภ.เมือง สมุทรปราการ ตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น
นายทศพล กล่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่ 13 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 02.00 น. สถานที่เกิดเหตุคือ ร้าน New Project ถ.ศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ 8 คน ไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามประสานักท่องเที่ยวปกติ จนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้าย ระหว่างนั้นกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนาน ในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้น ปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ 4 คน เป็นตำรวจถึง 3 คน มาทราบภายหลัง หลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่ แต่แทนที่เรื่องจะจบ กลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอ ทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าว
จากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกัน ไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้าน จึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้า ตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่า ทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไป ตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณี
จนกระทั่งมีรถสายตรวจของ สภ.สำโรงเหนือ มาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจ โดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใด ซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจของ สภ.สำโรงเหนือ ว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมือ อีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของ สภ.เมืองสมุทรปราการ ไม่ใช่ของ สภ.สำโรงเหนือ ระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของ สภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใด จนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความ จึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกัน และมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของ สภ.สำโรงเหนือ 2 นายและตำรวจของกองกำกับการสืบสวนจังหวัดอีก 1 นาย ซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชน ด้วยเช่นกัน
พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือน ผกก.สภ.เมือง สมุทรปราการ เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวและความคืบหน้าทางคดี โดยกล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุไม่นานทางสายตรวจได้เข้าระงับเหตุจนแยกย้ายกันกลับ จากนั้นในวันต่อมา พบว่ามีกลุ่มของตำรวจ คือ ส.ต.อ.จตุพงษ์ เสร็จกิจ อายุ 32 ปี สังกัด สภ.สำโรงเหนือ / ส.ต.อ.ศรัณยพงศ์ นิธิเกียรติศิริ อายุ 29 ปี สังกัด กก.สส.ภ.จว.สมุทรปราการ / ส.ต.อ.ศุภกร จันทร์ขจร อายุ 27 ปี สังกัด สภ.สำโรงเหนือ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความเอาผิดกลุ่มคู่กรณีในข้อหาทำร้ายร่างกาย หลังจากที่มีการแจ้งความพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันและสอบสวนจนทราบตัวของกลุ่มคู่กรณีตามที่มีการระบุชี้ตัวจึงมีการออกหมายเรียกอีกฝ่ายมาพบ ซึ่งอีกฝ่ายก็ประสงค์แจ้งความกลับเช่นกัน และกล่าวอ้างว่าฝ่ายของกลุ่มตำรวจมีการใช้ปืนยิงข่มขู่
ตนเองจึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนไปรวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมจนพบว่าภาพจากล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจนว่ามีตำรวจหนึ่งในกลุ่มใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าข่มขู่จริง ผู้ที่ใช้ปืนยิงคือ ส.ต.อ.ศุภกร จันทร์ขจร อายุ 27 ปี สังกัด สภ.สำโรงเหนือ ส่วนตำรวจที่ถูกชกต่อยกับคู่กรณี คือ ส.ต.อ.จตุพงษ์ เสร็จกิจ อายุ 32 ปี สังกัด สภ.สำโรงเหนือ พนักงานสอบสวนจึงพิจารณาแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และพกพาอาวุธปืนไปในทางเมืองสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ ยิงปืนในที่สาธารณะ หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีทั้งสองฝ่ายตามพยานหลักฐานที่พบ
ส่วนความผิดทางวินัยได้ทำเรื่องและส่งสำนวนเบื้องต้นให้ทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดพิจารณาแล้ว ส่วนผับดังกล่าว ขณะนี้สั่งปิดยังไม่มีกำหนดและอยู่ระหว่างสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่ามีการปล่อยปละละเลยในการให้นำอาวุธปืนเข้าไปในร้านด้วยหรือไม่ หากพบความผิดก็จะต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับทางเจ้าของร้านดังกล่าว ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนุ่มปากน้ำโดนยิงสาหัส ซิ่งจยย.หนีตาย 10 กม. ขอความช่วยเหลือชาวบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ รับเหตุยิงกันบริเวณอู่รถเมล์เก่า ริมถนนสุขุมวิท ทิศทางมุ่งหน้าปากน้ำ ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
นายจ้างปืนโหด! จ่อยิงลูกน้องกลางอกดับคาห้องพัก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ รับแจ้งมีเหตุยิงกัน มีผู้เสียชีวิต ภายในหอพักแห่งหนึ่ง ซอยศรีด่าน 5 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
องค์การจัดการน้ำเสีย ชูแนวคิดน้ำเสียอยู่ร่วมกับชุมชนได้
ศูนย์บริหารจัดการคุณภาพน้ำ เทศบาลเมืองแพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ มีความสามารถในกำรบำบัดน้ำเสีย 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือรองรับน้ำเสียจากคนได้ประมาณ 10,000 คน
จับได้แล้ว หนุ่มหื่นเสพยาบุกหอพัก หวังข่มขืนนักเรียน ม.3
พนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ คุมตัว นายวรวัตร(หรือเอฟ) จันทร์อินทร์ ผู้ต้องหาที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามเด็กนักเรียนหญิง ม3 วัย 14 ปีแล้วบุกถึงห้องพักหมายข่มขืน
พนักงานดับเพลิงคลั่ง! ไล่แทงเพื่อนร่วมงาน ดับ 1 เจ็บ 3
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทแทงกันภายในซอยด่านสำโรง 45/1 ตำบลสำโรงเหนือ
แก๊งโจ๋เหิม! ไล่ฟัน 2 เยาวชน หนีตายเข้าบ้าน ยังปามีด-ก้อนหินใส่ซ้ำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาททำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในซอยศรีด่าน 3/5 ตำบลสำโรงเหนือ