ชาวเลเกาะหลีเป๊ะ เฮลั่น! ศาลยกฟ้องคดีเอกชนขับไล่ 15 ราย จี้เพิกถอนเอกสารสิทธิมิชอบ

แฉดีเอสไอ-อุทยานประสานเสียงให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิไม่ถูกต้องบนเกาะหลีเป๊ะ แต่ไม่มีคำตอบเป็นเหตุให้เอกชนเดินหน้าสร้างรีสอร์ทหรู ชาวอูรักลาโว้ยโล่ง ศาลยกฟ้อง 15 ราย กสม.ลงพื้นที่สำรวจบาฆัด-สุสาน

25 ม.ค.2566 - ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ได้สั่งการให้ดำเนินคดีกับรีสอร์ทหรู2-3 แห่งที่ปลูกสร้างบนที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา โดยเอกชนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินน.ส.3 แปลงที่ 11 แต่เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมอุทยานฯ ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่ได้อยู่ใน น.ส.3 เลขที่ 11

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการรายงานของดีเอสไอที่ส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบสอบข้อมูลฯ ระบุว่า การตรวจสอบที่ดินแปลงที่ 11 พบว่ามีความคลาดเคลื่อนด้านตำแหน่งและเนื้อหา ประกอบกับการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ พ.ศ.2493 พบว่ามีการทำประโยชน์ไม่เต็มแปลงพื้นที่ บางส่วนยังมีสภาพเป็นป่าชายหาด ป่าดิบชื้นและทุ่งหญ้าธรรมชาติ ดีเอสไอจึงเสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เช่นเดียวกับกรมอุทยานฯ ก็ได้เคยส่งเรื่องให้กรมที่ดินจำหน่ายแบบการแจ้งครอบครองที่ดิน ส.ค.1 และเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน น.ส.3 มาแล้วหลายครั้ง แต่ปัจจุบันกรมที่ดินยังไม่ดำเนินการแต่อย่างใด

นายพันธ์พงศ์ คงแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า อุทยานฯ เคยดำเนินคดีกับเอกชนที่บุกรุกที่ดินอุทยานฯ ไปแล้วเมื่อ 4-5 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่ได้ย้ายมา โดยตอนนั้นเขาได้สร้างรากฐานของรีสอร์ท อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้วได้มีการสร้างรีสอร์ทแห่งใหม่อีก อุทยานฯ จึงได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดี โดยขณะนี้เจ้าของรีสอร์ทได้ร้องขอความคุ้มครองจากศาลปกครอง

ด้านนายยาลา ใบกาเด็ม นายอำเภอเมือง จ.สตูล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ได้สั่งการให้มีการสำรวจและพิสูจน์ลำรางสาธารณะและเส้นทางดั้งเดิมของชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ ว่าขณะนี้ตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด โดยชุดแรกดูเอกสารแผนที่ต่างๆ ที่หน่วยงานอื่นถืออยู่ หากพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนกับเส้นทางหรือลำรางสาธารณะก็ต้องดำเนินการตามกฏหมาย ส่วนคณะกรรมการอีกชุดหนึ่งให้มีหน้าที่สอบสวนเชิงประชาคมกับชาวบ้านเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีลำรางสาธารณะและทางเดินดั้งเดิมอยู่จริงหรือไม่ อย่างไร โดยสั่งการให้ทำอย่างเร็วที่สุดเพื่อรายงานไปยังคณะกรรมการสอบสวนชุดพล.ต.อ.สุรเชษฐ์

“เราต้องไปหาหลักฐานของแต่ละหน่วยงาน เพราะอำเภอไม่มีภาพถ่ายที่บอกว่ามีลำรางสาธารณะบนเกาะหลีเป๊ะ และเข้าใจว่าบางจุดที่ชาวบ้านร้องเรียน ตอนนี้กลายเป็นรีสอร์ทไปแล้ว เราจะไปยกเลิกหรือแจ้งอะไรเขาก็ไม่ได้ ทำได้คือต้องพิสูจน์โดยการย้อนไปดูแผนที่เดิม หลักๆ ก็ต้องกลับไปที่กรมที่ดิน ว่าออกเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่”นายยาลา กล่าว

ขณะที่นายภูวนาถ บัวเนียม ทนายความของชาวเลเกาะหลีเป๊ะ เปิดเผยว่าในวันเดียวกันนี้ศาลแพ่งจังหวัดสตูล ได้อ่านคำพิพากษากรณีที่เอกชนฟ้องชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ 15 ราย เพื่อขับไล่ออกจากพื้นที่บนที่ดินแปลงที่ 11 โดยศาลระบุว่าเอกชนไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย เพราะชาวบ้านต่างยืนยันกันว่าทุกคนอยู่มาก่อน และเมื่อมีการสืบพยาน โจทย์ไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนถึงที่มาของการออกเอกสารสิทธิ ซึ่งศาลมองว่าเป็นการออกทับที่ดินชาวบ้านที่อยู่มาก่อน จึงยกฟ้องทั้ง 15 ราย

นางพรนิภา คันทิก ชาวเล 1 ในผู้ตกเป็นจำเลย กล่าวว่า ตนและชาวบ้านทั้งหมดต่างรู้สึกดีใจมากที่ศาลยกฟ้อง โดยบ้านที่ตนอาศัยอยู่เป็นบ้านเดิมที่ปู่ย่าตายายและพ่อแม่เคยอยู่ซึ่งบรรพบุรุษของตนเป็นชาวเลกลุ่มแรกที่เข้ามาอยู่บนเกาะหลีเป๊ะ พร้อมกับโต๊ะฆีรี

“เราอยู่มากันมานาน แต่จู่ๆ เมื่อปี 2564 เขามาฟ้องขับไล่ พวกเราจึงสู้คดีในศาล เพราะที่นี่เป็นที่ที่พวกเราอยู่มาก่อน เรามีทะเบียนบ้าน มีประวัติเคยเรียนหนังสือที่นี่ตั้งแต่รุ่นแม่ พวกเราชาวเลรู้สึกดีใจมาก ที่ยกฟ้อง” นางพรนิภา กล่าว

ด้านนางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และคณะ ได้ลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะเพื่อตรวจสอบเรื่องร้องเรียน โดยนางปรีดากล่าวว่า เมื่อตอนที่กรมอุทยานฯ ได้ทำการสำรวจพื้นที่ตามมาตรา 64/65 ตาม พรบ.อุทยานฯ ฉบับใหม่ แต่ชาวเลร้องเรียนมายัง กสม.ว่า บาฆัด (พื้นที่ทำมาหากินตามวิถีของชาวอูรักลาโว้ย รวมทั้งเพิงพักชั่วคราว) พื้นที่จิตวิญญาณ เช่น สุสาน ไม่ได้รับการสำรวจจากอุทยานฯ ภายใน 120 วัน ดังนั้น กสม.จังได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมทั้งเป็นตัวกลางในการประสานให้กรมอุทยานฯ ศูนย์ดำรงธรรม และชาวเล ร่วมกันสำรวจ

นางปรีดากล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมาตนและคณะ ได้ร่วมกันสำรวจพื้นที่บาฆัดและสุสานย่านเกาะราวี และในวันเดียวกันนี้ได้มีการสำรวจบริเวณเกาะต่างๆ พบว่ามีบาฆัดและสุสานทั้งหมด 178 จุด โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดเสนอเป็นรายงานส่งไปยังรัฐบาล

“บนเกาะราวี เคยมีหมู่บ้านชาวเลอาศัยอยู่ มีต้นมะพร้าวใหญ่ มีแหล่งน้ำจืด แต่ชาวบ้านถูกย้ายมาอยู่เกาะหลีเป๊ะ สิ่งที่เราจะเสนอในรายงาน คือเรื่องสิทธิดั้งเดิมของชาวเลเพราะเขาเคยทำมาหากินมานาน รวมไปถึงเรื่องธุรกิจและสิทธิมนุษยชนต้องเป็นไปตามหลักกติกาสากลและรัฐธรรมนูญ คิดว่าควรทำเรื่องเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรมของชาวหลีเป๊ะ” นางปรีดา กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลนัดฟังคำสั่ง 'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องหมิ่น 'อัจฉริยะ' 6 ส.ค. ปัดมีคนเรียก 10 ล้าน แลกแฉ

ศาลนัดฟังคำสั่ง 'โจ๊ก' ฟ้องหมิ่น ‘อัจฉริยะ’ 6 ส.ค. 'บิ๊ก ตร.' ย้อนถามกลุ่มนายพลชลบุรีโดนคดีกลับไม่ถูกปลดออก ปัดมีคนเรียกเงิน 10 ล้าน แลกแฉนายพล

วิจารณ์แซ่ด! อัยการปราบทุจริตฯ สั่ง สอท. ส่งสำนวนคดีเว็บพนันพันบิ๊กตร. ให้ ป.ป.ช.

'อัยการปราบทุจริตฯ' ร่อนหนังสือด่วนที่สุดให้ 'สอท.' รับสำนวนคดีเว็บพนันพันบิ๊กตำรวจ ไปส่ง ป.ป.ช. ทั้งที่ อสส. ยังไม่ได้มีคำสั่งชี้ขาดข้อหารือ วิจารณ์เเซ่ดบรรทัดฐานใหม่

'เด็จพี่' ร้องDSI สอบทุจริต บ.NT-เอกชน ฮั้วประมูลจัดซื้อจัดจ้าง งบเกือบพันล้าน

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อและอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางยื่นเอกสารต่อ ร.ต.อ.วิษณุ

ไต่สวนมูลฟ้อง 'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องหมิ่น 'อัจฉริยะ' เผยดีลกันแล้วบิ๊กโจ๊กจะยอมถอนฟ้องทุกคดี

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุงศาล นัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เป็นโจทก์ฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตน

'รังสิมันต์' ซัดนายกฯตั้ง ผบ.ตร. ไม่โปร่งใส สังคมได้แต่จินตนาการความสามารถ 'บิ๊กต่อ'

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ นายเศรษฐา ทวีสิน