19 ธ.ค. 2565 – เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและชุดประดาน้ำ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง (บ้วนเต็กเซี่ยงตึ๊ง) ได้รับแจ้งขอสนับสนุนให้เข้าช่วยเหลือ นำตัว นายสุชาติ สมุทรสาร อายุ 50 ปี อดีตครูโรงเรียนเอกชน ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ออกมาจากบ้านพัก เนื่องจากติดอยู่ภายในบ้านเลขที่ 107 หมู่ 2 ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มาเป็นระยะเวลากว่า 4 ชั่วโมงแล้ว ภายหลังจากมวลน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลหลากเข้าท่วมภายในบ้าน จนไม่สามารถออกมาจากตัวบ้านได้ และน้ำท่วมสูงภายในบ้านระดับหน้าอกถึงลำคอ หรือกว่า 2 เมตร ประกอบกับบ้านหลังดังกล่าวอยู่ในสวนยางพารา มีลำคลองล้อมรอบ และอยู่ห่างจากพื้นที่สูงที่น้ำท่วมไม่ถึงประมาณ 1 กิโลเมตร ทางบรรดาญาติและครอบครัวจึงไม่สามารถนำตัวออกมาเองได้ และต่างอยู่ในอาการที่เป็นกังวล เนื่องจากระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ จึงจำเป็นต้องวางแผนร่วมกับ นายสะอาด ขันเงิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.แหลมสอม และผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ถึงสภาพพื้นที่เพื่อกำหนดจุดเส้นทางในการเข้าออกเพื่อให้ปลอดภัยที่สุด ก่อนจะเดินสำรวจ และนำเปลตะกล้า เข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว เพื่อใช้เป็นที่นอนชั่วคราวให้ผู้ป่วยนอนออกมา พร้อมทั้งได้เชือกผูกตามระยะทาง ในการช่วยพยุงตัว และไต่ออกมาเนื่องจากน้ำไหลเชี่ยวกราด ก่อนจะไปถึงภายในบ้านพบว่าระดับน้ำเหลือเพียงแค่นิดเดียวก็จะถึงเตียงของผู้ป่วยแล้ว จึงได้นำตัวผู้ป่วยใส่เปลตะกล้าออกมา พร้อมกับนำภรรยาผู้ป่วยออกมาด้วย ซึ่งเป็นไปอย่างทุลักทุเล เนื่องจากระยะทางที่ไปกลับประมาณ 2 กิโลเมตร ก่อนจะทำการนำตัวฝ่ากระแสน้ำออกมาได้อย่างสำเร็จ และปลอดภัย ท่ามกลางความลุ้นระทึกของชาวบ้านที่รอคอยอยู่บริเวณข้างนอก
หลังจากนำตัวออกมาปรากฏว่าผู้ป่วยมีอาการซึมลง ทางมูลนิธิฯ จึงได้ประสานไปยังศูนย์นเรนทรตรัง สั่งการให้นำรถกู้ชีพฉุกเฉินของ รพ.ย่านตาขาว มารับช่วงต่อบริเวณถนน และเร่งนำตัวเข้าไปทำการรักษาและตรวจร่างกายในทันที โดยใช้ระยะเวลาในการช่วยเหลือทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง
นายณรงค์ ตุลยสุข หรือโดโด้ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง เปิดเผยว่า บรรเทาตรังได้รับแจ้งจากท้องถิ่น และนายณัฐวุฒิ สังข์สุข นายอำเภอปะเหลียน ว่าน้ำป่าไหลหลากพื้นที่บ้านหาดเลา ตำบลแหลมสอม และตำบลปะเหลียน ก็ได้จัดชุดตอบโต้ภัยพิบัติของมูลนิธิฯ ออกมาพร้อมกับเรือท้องแบน และชุดเฉพาะกิจ ทั้งหมด 15 นาย เข้าพื้นที่มาช่วยเหลือ ก่อนจะได้รับการขอความช่วยเหลือให้เข้าช่วยผู้ป่วยติดเตียงที่ติดอยู่ภายในบ้านออกมาจากบ้าน ก็ได้มีการวางแผนประเมินสถานการณ์ สอบถามผู้นำท้องถิ่นที่คุ้นชินและสภาพของพื้นที่ ก่อนจะทราบว่าสามารถเดินเข้าไปได้ ก็จะนำเชือกผูกไว้เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดิน ระยะทางไปกลับประมาณ 2 กิโลเมตร ลำบากเป็นอย่างมาก เพราะแสงสว่างมีไม่เพียงพอ กระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง ซึ่งความลึกตลอดระยะทางประมาณสะเอว ถึงหน้าอก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งหลังจากนำออกมาข้างนอกแล้วผู้ป่วยมีอาการซึม เพราะโรคประจำตัว และป่วยติดเตียงเดิมอยู่แล้ว และได้ประสาน รพ.ย่านตาขาว มารับตัวส่งต่อเข้าทำการรักษา
ด้านนางลัดดาพร สมุทรสาร อายุ 54 ปี ภรรยาของผู้ป่วยรายดังกล่าว กล่าวว่า น้ำมาแรงและมาเร็วมาก จนไม่สามารถเคลื่อนย้ายสามีออกมาได้ทัน จนระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะยกเตียงสามีให้สูงขึ้น โดยระดับน้ำเหลือแค่นิดเดียวก็จะถึงเตียงแล้ว หากไม่ได้กู้ภัยเข้าไปช่วยก็คงจะจมอยู่ตรงนั้น เพราะตนยอมแล้ว เนื่องจากจะนำออกมาเองก็ไม่ได้ เพราะเส้นทางลำบากและน้ำเชี่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งได้กู้ภัยเข้าไปช่วยก็ดีใจมาก ลำพังเพียงตนคนเดียวสามารถออกมาได้ แต่เพราะความเป็นห่วงสามีจึงต้องเฝ้าอยู่กับเขา โดยสามีป่วยเป็นผู้ป่วยติดเตียง เป็นไต ระยะสุดท้าย ซึ่งต้องฟอกไตตลอด เป็นความดัน ไขมัน โรคตับ โรคตา เบาหวาน และยังมีแผลกดทับ
ขณะที่ นายสะอาด ขันเงิน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 กล่าวว่า ตอนแรกครอบครัวของผู้ป่วยคิดว่าน้ำคงมาไม่เยอะ แต่ปรากฏว่าน้ำกลับมามากและเร็ว จึงทำให้ติดอยู่ในบ้านกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งระดับน้ำที่บ้านสูงประมาณเกือบ 2 เมตร ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.แหลมสอม ขณะนี้ชาวบ้านเดือดร้อนประมาณ 140 ครัวเรือน และหมู่ 6 , 5 ต.แหลมสอม ก็เข้าท่วมแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้น้ำก็ยังคงทรงตัว ซึ่งน้ำที่ท่วมครั้งนี้ถือว่าหนักในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา และที่เคยท่วมหนักสุดตอนช่วงปี 2562
อย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากใน จ.ตรัง ได้รับความเดือดร้อนแล้วจำนวน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.นาโยง อ.ปะเหลียน อ.ห้วยยอด และ อ.ย่านตาขาว รวมผู้เดือดร้อนแล้วประมาณกว่า 2,000 ครัวเรือน โดยจะหนักสุดในพื้นที่ 15 หมู่บ้านของ ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถเก็บข้าวของหรือขนย้ายได้ทันเนื่องจากน้ำป่าได้หลากลงมาอย่างรวดเร็ว และต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอดไว้ก่อน โดยหากฝนไม่ตกเพิ่มคาดว่าสถานการณ์คงจะคลี่คลายลงในเร็ววัน ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โฆษกศปช. เผยกรณี 'น้ำผุด' อ.เชียงดาว มอบหน่วยงานลงพื้นที่ศึกษาแนวทางใช้ประโยชน์
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศปช. ได้เคยประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้เฝ้าระวังฝนตกหนักในพื้นที่ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย.ไปแล้วก่อนหน้านี้
พยากรณ์ 10 วันล่วงหน้า ตั้งแต่ 18 พ.ย. อากาศเริ่มเย็นลงอีกครั้ง
กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม. : (นับตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 07.00 น.วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.) 10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 15 -24 พ.ย. 67
กรมอุตฯ ประกาศเตือนพายุ 'โทราจี' ฉบับสุดท้าย
นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ “โทราจี” ฉบับที่ 10 โดยมีใจความว่า
อุตุฯ เตือนฝนฟ้าคะนอง 31 จังหวัด 'เหนือ-อีสาน' อุณหภูมิสูงขึ้น
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ตอนบนมีฝน/ฝนฟ้าคะนอง