สะเทือนใจ กระบะนายฮ้อย ซิ่งข้ามเลนชนรถเจ้าของโรงแรม ก่อนเสียหลักพุ่งอัดก๊อปปี้ร้านค้าข้างทางพังยับ หนูน้อยวัย 4 ขวบ นั่งกินข้าวเตรียมตัวไปโรงเรียนโดนอัดกระแทกอย่างแรงอาการสาหัสก่อนสิ้นใจที่ รพ. แม่คว้าลูกสาว 5 ขวบอีกคนกระโดดหนีตาย กระบะตีนผีอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนี ตร.เร่งติดตามตัวดำเนินคดี พ่อแม่ร้องไห้แทบขาดใจสูญเสียลูกชายที่กำลังน่ารัก
7 พ.ย.2565 - เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ร.ต.ท.อิงครัต สุขตาม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน และเสียหลักพุ่งชนร้านค้าข้างทางมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และข้าวของพังเสียหาย ที่บริเวณบ้านไทยโยง ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมหน่วยกู้ชีพ อบต.บ้านบัว
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะตอนเดียว ยี่ห้อนิสสัน สีเขียว ทะเบียน บฉ-1820 บุรีรัมย์ ลักษณะเป็นรถนายฮ้อยใช้สำหรับบรรทุกวัวควาย อยู่ในสภาพพุ่งชนอัดก๊อปปี้กับร้านขายของริมถนน ด้านหน้าพังเสียหาย แต่ไม่พบผู้ขับขี่อยู่ภายในรถ และบริเวณที่รถกระบะคันดังกล่าวพุ่งชนก็มีทั้งโต๊ะหินอ่อนขนาดใหญ่แตกหัก ข้าวของภายในร้านพังกระจัดกระจายเสียหายเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ยังพบรอยเลือดอยู่ในจุดเกิดเหตุด้วย
จากการสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ ด.ช.ธีรพล หรือน้องแสตมป์ วัยเพียง 4 ขวบ เพราะถูกแผ่นโต๊ะหินอ่อนที่รถพุ่งชนกระแทกอย่างแรงและทับตัวน้อง ซึ่งหลังเกิดเหตุผู้เป็นพ่อได้นำตัวน้องส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนแล้ว แต่น้องทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนรถยนต์อีกคันที่กระบะคันดังกล่าวพุ่งชนก่อนจะเสียหลักพุ่งเข้าร้านค้าข้างทาง คือ รถปิคอัพ ยี่ห้อฟอร์ดเรนเจอร์ ทะเบียน ยก-6483 นครราชสีมา ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่คนขับไม่ได้รับบาดเจ็บและยังรอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ
ส่วนคนขับกระบะที่พุ่งเข้าไปในร้านค้าชนเด็กเสียชีวิตได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนี ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ร้านเกิดเหตุติดตั้งไว้บันทึกภาพเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งนาทีนั้นได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้เป็นแม่ด้วยความตกใจที่เห็นลูกชายถูกชนแล้วแผ่นหินอ่อนทับตัวอยู่ ก่อนจะยกหินอ่อนออกแล้วอุ้มลูกให้สามีรีบพาส่ง รพ.
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลบุรีรัมย์ พบนายนพดล สิงหพันธ์ อายุ 33 ปี และ น.ส.พัชรวรรณ เพชรเลิศ อายุ 29 ปี พ่อและแม่ของ ด.ช.ธีรดล หรือน้องแสตมป์ นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินแทบจะขาดใจ เพราะยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียลูกชายที่กำลังน่ารัก ส่วน ด.ญ.ศิรินทร์ทิพย์ หรือน้องสตังค์ วัย 5 ขวบ ลูกสาวคนโต ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ก็ร้องไห้ตลอดเวลาต้องมีญาติคอยปลอบเพราะยังขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความสะเทือนใจให้กับญาติและพยาบาลที่ทราบข่าว
จากการสอบถาม น.ส.พัชรวรรณ ผู้เป็นแม่ เล่าทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังถักเปียให้น้องสตังค์ ลูกสาวคนโตวัย 5 ขวบ และป้อนข้าว น้องแสตมป์ ลูกชายคนเล็ก วัย 4 ขวบ อยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน จู่ๆ ไม่รู้รถกระบะคันดังกล่าวมาจากไหนตอนนั้นตนทำได้แค่ผลักลูกสาวออกเพื่อไม่ให้ถูกชน แต่ลูกชายซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งจึงคว้าไม่ทันทำให้ถูกแผ่นหินอ่อนที่กระบะขับรถกระแทกอย่างแรงและทับตัวน้องจนสลบ ตนก็ใช้กำลังที่มียกแผ่นหินอ่อนออกแล้วอุ้มลูกชายที่หมดสติส่งต่อให้สามีรีบพาส่ง รพ. ก็คิดว่าน้องแค่สาหัส แต่พอไปถึงห้องฉุกเฉินหมอพยาบาลบอกว่าได้ช่วยปั๊มหัวใจช่วยเต็มที่แล้วแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตน้องไว้ได้ ตอนนั้นแทบช็อกทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้เพราะไม่คิดว่าจะสูญเสียลูกไป
ส่วนคนที่ชนดูจากสภาพก็คล้ายกับคนเมา หลังเกิดเหตุก็หลบหนีไปเลยไม่มีแต่คำขอโทษหรือช่วยเหลืออะไรเลย ก็อยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวมาตรวจแอลกอฮอล์และดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนายอนันต์ เครือทอง เจ้าของโรงแรม เล่าว่า หลังกลับจากส่งลูกไปเรียนในตัวเมืองก็กำลังขับรถกลับ แต่พอมาถึงจุดเกิดเหตุ รถกระบะที่ขับสวนมาจะมุ่งหน้าเข้าเมืองก็ข้ามเลนมาชนเต็มแรงจนรถหมุนกลางถนนเกือบจะไปชนเสาไฟฟ้าข้างทางเคราะห์ดีที่ประคองเอาไว้ได้ จากนั้นรถคันดังกล่าวก็เสียหลักไปพุ่งชนร้านค้าจนมีเด็กบาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิต ก็อยากให้คนขับกระบะออกมาแสดงความรับผิดชอบ และอยากฝากถึงผู้ขับขี่ว่าควรใช้สติ
ขณะที่ น.ส.มนพัทธ์ สิริพัชรมณฑ์ หัวหน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลบุรีรัมย์ บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียใจให้กับพ่อแม่เป็นอย่างมากที่ต้องมาสูญเสียลูกชายในวันที่กำลังน่ารัก ก็ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจกับหมอ พยาบาลด้วยเช่นกัน เพราะถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น จึงอยากสะท้อนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้มาตรการจริงจังกับผู้ขับขี่รถบนท้องถนน ทั้งความพร้อมของรถ และสมรรถภาพของผู้ขับขี่ หากไม่พร้อมก็ไม่ควรปล่อยให้มาขับรถ หากเป็นไปได้ก็อยากให้ตำรวจตั้งด่านตรวจถาวรอย่างจริงจัง เพื่อตรวจสอบคนขับขี่ที่ไม่พร้อมโดยเฉพาะผู้ที่เมาแล้วขับควรจะใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก เพราะปัจจุบันสถิติอุบัติเหตุก็ยังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปิดศูนย์ 10 วันอันตรายปีใหม่ สังเวย 436 ศพ เจ็บ 2,376 ราย
ศปถ. สรุปผล 10 วันอันตรายปีใหม่ เสียชีวิต 436 ราย เจ็บ 2,376 คน เกิดอุบัติเหตุ 2,467 ครั้ง สั่งถอดบทเรียนวิเคราะห์ข้อมูลทุกมิติ ขับเคลื่อนสร้างความปลอดภัยทางถนนนตลอดทั้งปี
สุดหวาดเสียว! คนร้ายโปรยตะปูเรือใบเกลื่อนถนน ตร.เร่งล่าตัว
เพจเฟซบุ๊ก “พีอาร์ยางยนต์ 99 จำหน่าย ยางรถยนต์ ตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ ปะยาง 24 ชม.” ตั้งอยู่ถนนกะโรม ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์การออกไปให้บริการปะเปลี่ยนยางลอรถยนต์นอกสถานที่
8 วัน ดับ 363 ศพ กทม.แชมป์ตาย บังคับใช้กม.เข้ม
8 วันอันตราย ตายแล้ว 363 ราย บาดเจ็บ 2,090 คน กทม.เสียชีวิตสูงสุด ศปถ.กำชับทุกภาคส่วนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จุดพักรถ
หนุ่มใหญ่วัย 53 ยิงเพื่อนบ้านดับ ขณะกินเลี้ยงปีใหม่ รับเจอหน้าทะเลาะกันประจำ
คืบหน้า ตำรวจ สภ.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ คุมตัวหนุ่มใหญ่วัย 53 ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
'อนุทิน' ควง 'เนวิน' ทำพิธียกยอดฉัตร วงเวียนรัชกาลที่ 1 เสริมมงคลรับปีใหม่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานในพิธียกยอดฉัตรตามโครงการปิดทองเบิกฟ้า สักการบูชา มหาราช รัชกาลที่ 1 ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช(รัชกาลที่ 1)
รวบ 2 เยาวชน ยิงตัดขั้วหัวใจลูกชาย อบต.ดับกลางถนน
ตำรวจ สภ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ รวบทันควัน 2 เยาวชน 16 และ 14 ปี ยิงตัดขั้วหัวใจลูกชาย อบต.ดับกลางถนน ขณะขี่ จยย.กลับจากเที่ยวรถแห่กับกลุ่มเพื่อน จะไปเคาว์ดาวน์กับครอบครัวเหลือแค่ 3 นาทีจะถึงวันปีใหม่ ยายร้องไห้แทบขาดใจ มือปืนอ้างอีกฝ่ายจะใช้มีดฟันจึงยิงสวนขอโทษครอบครัวพร้อมรับผิด