ฝนกระหน่ำชุมพรต่อเนื่อง ขยายวง 8 อำเภอ ท่วมทางรถไฟ-ถนนเอเชียอัมพาต ดับ 2 ราย

ชุมพรสถานการณ์น้ำท่วมยังอ่วม ตาย 2 ศพ ทางรถไฟ ถนนสายหลักเอเชีย41 คมนาคมเป็นอัมพาตขึ้นล่องภาคใต้ถูกตัดขาด ฝนยังตกกระหน่ำไม่หยุดทำให้พื้นที่ขยายวงกว้าง 8 อำเภอ

13 พ.ย.2564 - หลังจากฝนยังตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องหลายวันครอบคลุมทั้งจังหวัด ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมได้ขยายวงกว้างท่วมบ้านเรือนราษฎรทั้ง 8 อำเภอ โดยเฉพาะ อ.หลังสวน อ.สวี และ อ.ทุ่งตะโก ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้อย่างหนัก โดยทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร ได้สรุปสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนที่ตกใน 12 ชั่วโมง

โดยมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ อำเภอสวี มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 11 ตำบล 82 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,509 ครัวเรือน 4,635 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย จากกรณีไฟช็อตขณะขนย้ายข้าวของหนีน้ำคือ นายเจริญศักดิ์ เหล่าสังข์สุข อายุ 45  ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ที่ 11 ตำบลนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร และนางสาวธิดา เหล่าสังข์สุข อายุ 19 ปี ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ศพ เป็นพ่อลูกกัน

อำเภอหลังสวน มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 9 ตำบล 37 หมู่บ้าน 7 ชุมชน ราษฎรได้รับเดือดร้อน 548 ครัวเรือน 1580 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 1 หลัง

อำเภอทุ่งตะโก มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน3 ตำบล 19 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 600 ครัวเรือน 1200 คน โรงเรียน 1 แห่ง วัด 1 แห่ง  ความเสียหายอยู่ระหว่างสำรวจ 

ในขณะที่ถนนสายเอเชีย 41  ซึ่งเป็นถนนสายหลักสำหรับขึ้นลงภาคใต้ลงไปทาง จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาจนล่าสุดในวันนี้เข้าสู่วันที่ 2 แล้ว รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้แล้ว เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลหลากเข้าท่วมสูงบนถนนเอเชีย41 หลายจุดตั้งแต่ บางจุดน้ำเข้าท่วมสูงถึง 80 เซนติเมตร ตั้งแต่บริเวณตำบลขุนกะทิง อ.เมืองชุมพร อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน ทำให้ต้องปิดการจราจรรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ทำให้มีรถจอดติดสะสมหนาแน่นอยู่ตามปั๊มน้ำมันและอยู่สองข้างทางจำนวนมาก โดยผู้ที่จะสัญจรล่องลงทางภาคใต้หากจะเดินทางต่อต้องเลี่ยงไปใช้ถนนเพชรเกษม จากสี่แยกปฐมพรไป จ.ระนอง ส่วนขาขึ้นต้องเลี่ยงไปใช้ถนนสายพะโต๊ะ-ระนอง ซึ่งเป็นเส้นทางอ้อมไปทางฝั่งอันดามันมีระยะทางไกลกว่า 200 กิโลเมตร

ขณะที่ฝ่ายประชาสมพันธ์ของสถานีรถไฟชุมพร ประกาศด่วน เนื่องจากมีน้ำท่วมบนทางรางรถไฟ การรถไฟจึงมีความจำเป็นต้องประกาศปิดทางในเส้นทางสายใต้ ช่วงระหว่างสถานีสวี - เขาสวนทุเรียน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 เวลา 20.25 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีมวลน้ำไหลท่วมถนนเพชรเกษม ทำให้ไม่สามารถขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์ได้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบผู้โดยสารที่เดินทางมากับขบวนรถในเส้นทางสายใต้ ต้องหยุดรอการเปิดทาง จำนวน 8 ขบวน ดังนี้

1.ขบวนรถด่วนที่ 86 (นครศรีธรรมราช - กรุงเทพ) รอการเปิดทางที่สถานีหลังสวน 2. ขบวนรถด่วนที่ 84 (ตรัง - กรุงเทพ) รอการเปิดทางที่สถานีท่าชนะ 3. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 32 (ชุมทางหาดใหญ่ - กรุงเทพ) รอการเปิดทางที่สถานีละแม 4. ขบวนรถเร็วที่ 172 (สุไหงโกลก - กรุงเทพ) รอการเปิดทางที่สถานี ไชยา 5. ขบวนรถพิเศษขนส่งสินค้าห่อวัตถุด่วนที่ 986 (สุไหงโกลก - กรุงเทพ) รอการเปิดทางที่สถานีสุราษฎร์ธานี

6.ขบวนรถเร็วที่ 171 (กรุงเทพ - สุไหงโกลก) รอการเปิดทางที่สถานีชุมพร 7. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31 (กรุงเทพ - ชุมทางหาดใหญ่) รอการเปิดทางที่สถานีชุมพร และ 8. ขบวนรถพิเศษขนส่งสินค้าห่อวัตถุด่วนที่ 985 (กรุงเทพ - สุไหงโกลก) รอการเปิดทางที่สถานีสะพลี

ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้สั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ดูแลด้านความปลอดภัย จัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มให้กับผู้โดยสารบนขบวนรถและภายในสถานี ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังสังเกตการณ์ระดับน้ำตลอดเวลา สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อพนักงานรถไฟ ตำรวจรถไฟ หรือ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และปิดการเดินทางโดยรถไฟทุกขบวนที่จะผ่านจังหวัดชุมพรขึ้นล่องทางภาคใต้

สำหรับการช่วยเหลือขณะนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรรพกำลังกันนำข้าวกล่องและน้ำดื่ม นั่งเรือ ออกไปให้กับผู้ประสบภัยในจุดที่ไม่สามารถใช้รถเข้าไปได้ ส่วนที่สามารถนำเรือ หรือเดินฝ่ากระแสไปได้ ก็จะกระจายกันออกไปมอบให้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป หากประชาชนต้องการทราบข้อมูลสถานการณ์น้ำ สามารถติดต่อสอบถามได้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร โทรศัพท์/โทรสาร 077.502257 - 077501207 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทศบาลนครศรีธรรมราช ปักธงเหลือง มวลน้ำจากคีรีวงไหลเข้าตัวเมือง หลังฝนตกหนัก

มวลน้ำจากพื้นที่คีรีวงกำลังไหลเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราชและเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช หลังจากที่ฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (25 พฤศจิกายน 2567) ส่งผลให้พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเริ่มมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น

พยากรณ์ 10 วันล่วงหน้า ตั้งแต่ 27 พ.ย. ลมหนาวพัดแรงขึ้น

กรมอุตุนิยมวิทยา อัปเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม. : (นับตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 07.00 น. วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.) 10 วันล่วงหน้า

อุตุฯ เตือนอากาศเย็น มีหมอกบางตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้น ใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง

ศปช. ส่งจนท.-เครื่องจักร เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อุทกภัย 3 จังหวัดใต้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง

ผอ.ศปช. สั่งเกาะติดฝนถล่มภาคใต้สัปดาห์นี้ เสี่ยงวาตภัยน้ำท่วมฉับพลันใน 10 จังหวัด

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า หลังวานนี้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.เมือง และ ศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง

โฆษกศปช. เผยกรณี 'น้ำผุด' อ.เชียงดาว มอบหน่วยงานลงพื้นที่ศึกษาแนวทางใช้ประโยชน์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศปช. ได้เคยประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้เฝ้าระวังฝนตกหนักในพื้นที่ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย.ไปแล้วก่อนหน้านี้