จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา 'ลิลลี่' เป็นธุระจัดหาเด็กสาววัย 18 สนองความใคร่นักร้องดัง

แฟ้มภาพ ผู้เสียหายอายุ 18 ปี เข้าพบพนักงานสอบสวน

12 ต.ค.2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้เผยแพร่คำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ลิลลี่ ตัณฑ์เอกชน เป็นจำเลยในฐานความผิด “เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไป เพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม” หลังติดต่อแฟนคลับที่เป็นเด็กสาววัย 18 ปี ให้ไปมีเพศสัมพันธ์กับแร็ปเปอร์ชื่อดัง เหตุเกิดระหว่างวันที่ 6 - 11 ก.พ.2564 ที่บ้านพักของแร็ปเบอร์ ในตำบลศิลา อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง โดยเชื่อตามหลักฐานการสนทนาทางโซเชียลมีเดีย พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนที่ผู้เสียหายเรียกร้องเงินชดเชย 3 ล้านบาท ศาลให้ยกคำร้อง เพราะเชื่อว่า ผู้เสียหายสมัครใจมีเพศสัมพันธ์

ทั้งนี้ คำฟ้องโดยสรุปของพนักงานอัยการ ระบุว่า จำเลยบังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ระหว่างวันที่ 6 - 11 ก.พ.2564 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น โดยกระทำการเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งนางสาวดำ(ขอสงวนชื่อจริง) ผู้เสียหาย อายุ 18 ปี เพื่อการอนาจารให้มีเพศสัมพันธ์กับนายแร็พ (ขอสงวนชื่อจริง) และผู้เสียหายได้มีเพศสัมพันธ์กับนายแร็พ จนสำเร็จความใคร่ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 15 มี.ค. 2564 ภายหลังการกระทำผิด จำเลยได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ

ในส่วนของผู้เสียหายยังขอเรียกค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 คำร้อง ระบุว่า ขณะเกิดเหตุผู้ร้องมีอายุเพียง 18 ปี อายุยังน้อยด้อยภาวะและการศึกษา และยังคงศึกษาอยู่ และมีภูมิลำเนาอยู่ จ.สตูล ถูกจำเลยกระทำการเพื่อสนองความใคร่ของนาย ท.เป็นธุระจัดหาและล่อลวงไปเพื่อการอนาจารซึ่งผู้ร้อง มายังจังหวัดขอนแก่นด้วยค่าใช้จ่ายหรือค่าเดินทางของจำเลย

โดยจำเลยลวงผู้ร้องว่า ให้มาคอยดูแลและให้ช่วยงานนายแร็พ ขณะเตรียมทำเพลง เนื่องจากนายแร็พเป็นศิลปินนักร้องใน จ.ขอนแก่น และผู้ร้องเป็นแฟนคลับเท่านั้น ไม่ได้แจ้งว่า ผู้ร้องต้องสนองความใคร่แต่อย่างใด หากผู้ร้องรู้ ผู้ร้องคงไม่ได้เดินทางมาหาจำเลยและนายแร็พ ซึ่งจำเลยแจ้งผู้ร้องว่า จะให้มาช่วยงานประมาณ 10 วัน มีค่าจ้างวันละ 1,000 บาท ที่พักและอาหารฟรี รวมถึงค่าเดินทางไปกลับระหว่าง จ.สตูล-ขอนแก่น จำเลยจะออกให้ทั้งหมด
อีกทั้งจำเลยยังหน่วงเหนี่ยวผู้ร้องไว้ระหว่างวันที่ 6 – 11 ก.พ.2564 โดยผู้ร้องอยู่ภายในที่พักที่จำเลยจัดหาไว้เท่านั้น เพื่อสนองความใคร่ของนายแร็พ ต่อไปเป็นจำนวนหลายกรรมต่างกัน

ผู้ร้องยังเด็กและมีภูมิลำเนาอยู่ จ.สตูล อยู่ต่างพื้นที่ เดินทางมาคนเดียว ไม่มีที่ไปหรือที่พึ่งในขณะเกิดเหตุ และกำลังสับสนและกลัว จึงขาดภาวการณ์ตัดสินใจอย่างเท่าทันและรอบคอบ จึงได้ยินยอมจำเลยและนายแร็พ ไปก่อนในขณะนั้นโดยไม่เต็มใจ

ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ล่อลวงผู้ร้องไปดังกล่าว เป็นเหตุทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย อับอาย และเมื่อผู้ปกครองผู้ร้องทราบจากการเป็นข่าวทางทีวีและสื่อโซเชียล ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้ร้องจึงขอเรียกค่าสินไหมทดแทนอื่นๆ อันมิใช่ตัวเงินสำหรับที่ผู้ร้องต้องเสียหายจากการละเมิดของจำเลยและสูญเสียสิทธิเสรีภาพ ที่เป็นเหตุให้ต้องได้รับความเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัส ตลอดจนได้รับความอับอายทั้งตัวผู้ร้องและผู้ปกครอง

ผู้ร้องจึงขอศาลได้โปรดมีคำพิพากษาบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวนเงินทั้งสิ้น 3 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สนธิ' ร้องเรียนสภาทนายความ สอบมรรยาท 'ทนายษิทธา-ทนายเดชา'

ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อม

ตร. เรียก 'เจ๊อ้อย' ให้ข้อมูลเพิ่ม 2 คดี 'ทนายตั้ม' วางแผนเป็นผู้จัดการมรดก-เงิน 39 ล้าน

พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย จำนวน 39 ล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆไปแล้วจำนวนหลายปาก รวมถึงสืบพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง

สาวไส้ 'ทนายตั้ม' เปลี่ยนพินัยกรรม ตั้งตัวเป็นผู้จัดการมรดก 'เจ๊อ้อย'

ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย แจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความกับพวก ในข้อหาฉ้อโกง

ทนายตั้มมีข่าวดี! กกต.ยันอยู่บัญชีสำรอง สว.จนกว่าศาลตัดสิน

'แสวง' ยันทนายตั้มยังไม่ขาดคุณสมบัติ ยังอยู่ในบัญชีสำรองสว.ได้ จนกว่าศาลจะพิพากษา ส่วนคำร้องสว.หมอเกศ และคนอื่น รอสำนักงานมัดรวมสำนวนส่งกกต.ภายในพ.ย.นี้