สุดระทึก ! ชาวบ้านนครพนมเลี้ยง “ต่อหัวเสือ” อาชีพเสี่ยงตาย สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ รังตัวต่อลูกค้ากว้านซื้อ เชื่อเป็นเครื่องรางของขลัง
11 ก.ย.2565 – ผู้สื่อข่าวได้รายงานจากจังหวัดนครพนม ในช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสทองของชาวบ้านในพื้นที่ อ.ปลาปาก,อ.นาแก และ อ.วังยาง ที่มีอาชีพสุดเสี่ยงในการเลี้ยงต่อหัวเสือ เพื่อสร้างรายได้ แต่ถือเป็นอาชีพจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มีการสืบทอดจากอดีตจวบถึงปัจจุบัน และยังเป็นอาชีพเสี่ยงตายที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เฉลี่ยปีละนับแสนบาทต่อครอบครัว เพราะเป็นเมนูหายาก และเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะสายเปิบพิสดาร นำขึ้นโต๊ะเป็นเมนูเด็ดอีสาน อาทิ ก้อยลูกต่อ,แกงตัวต่อ,หมกตัวต่อ,ยำลูกต่อหัวเสือ และอีกสารพัดเมนู ยิ่งช่วงไหนหายาก โดยห้วงอากาศแล้ง จะส่งผลให้รังต่อหายาก จึงมีราคาถีบตัวสูงขึ้น ปีนี้ตกราคากิโลกรัมละประมาณ 2,000 บาท
โดยชาวบ้านจะเริ่มเลี้ยงตัวต่อหัวเสือตอนต้นฤดูฝน คือราวเดือน มิถุนายนของทุกปี ใช้วิธีปล่อยเลี้ยงตามธรรมชาติประมาณ 3-4 เดือน จะสามารถเก็บผลผลิตออกสู่ท้องตลาด นำมาปรุงเป็นเมนูเด็ด ซึ่งตัวต่อหัวเสือจะให้ผลผลิตมากสุดราวหลังออกพรรษา ปีนี้ก็ประมาณเดือนตุลาคม และเป็นช่วงสุดท้ายในการเก็บผลผลิต ผู้เลี้ยงบางรายสามารถสร้างรายได้ปีละนับแสนบาท
ทั้งนี้ชาวบ้านอาชีพเสี่ยงต่อเลี้ยงต่อหัวเสือ ให้มีการพัฒนาต่อยอดจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่เก็บผลผลิต จากเดิมใช้วิธีการเผารังต่อ แต่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จึงได้คิดค้นประดิษฐ์ชุดล้วงรังต่อ ที่มีความปลอดภัยสูง ในการล้วงรังต่อ เพื่อลดการสูญพันธุ์แทนการเผาด้วยไฟหรือรมควัน ทำให้สามารถเก็บผลผลิตเพิ่มขึ้นได้รังละ 2-3 รอบ
โดยผลผลิตตัวต่อนอกจากจะขายแม่ตัวต่อและลูกต่อหัวเสือ ยังสามารถขายต่อยกทั้งรัง เพราะมีบางคนมีความเชื่อ ไปทำเป็นเครื่องรางของขลัง นำไปประดับแขวนไว้หน้าบ้าน ร้านค้า ร้านอาหาร เชื่อกันว่าเป็นการต่อเงิน ต่อทอง ต่อยอดลูกค้า โดยขายได้ถึงรังละ 3,000-5,000 บาท แล้วแต่รูปแบบความสวยงามของรังต่อ
ด้าน นายบัญชา ศรีชาหลวง นายก อบต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า พื้นที่ ต.พิมานถือเป็นอีกหมู่บ้านที่ตนเองและชาวบ้าน ได้นำอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน มาพัฒนาต่อยอด ส่งเสริมการเลี้ยงต่อหัวเสือสร้างรายได้เสริมในช่วงฤดูฝน และนำผลผลิตลูกต่อส่งขายในช่วงใกล้งานประเพณีออกพรรษา ราวเดือนกันยายน-ตุลาคม เป็นฤดูกาลที่ต่อให้ผลลิตมากสุด ถือเป็นอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สร้างรายได้ดีเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีราคาตกกิโลกรัมละ 2,000 บาท ปีไหนหายากยิ่งมีราคาแพง
นายบัญชา ระบุว่า ซึ่งชาวบ้านจะใช้ความชำนาญ ในการล่าตัวหัวเสือตามป่าทุ่งไร่ทุ่งนาที่ทำรังตามธรรมชาติ ด้วยการนำเหยื่อประเภท เนื้อสัตว์ แมลงไปล่อ แล้วตามไปหารังต่อ ก่อนเคลื่อนย้ายมารักษาไว้ตามหัวไร่ปลายนาในที่ปลอดภัย ใช้เวลาเลี้ยงแบบธรรมชาติ ประมาณ 4-5 เดือน ก่อนเก็บผลลิตขาย เดิมใช้วิธีรมควัน แต่พัฒนาคิดค้นชุดล้วงรังต่อ เพื่อป้องกันต่อสูญพันธุ์ และเก็บผลผลิตได้หลายครั้ง บางรังสามารถเก็บผลผลิตได้ 2-3 ครั้ง หากรมควันจะได้เพียงครั้งเดียว บางรายสามารถหารังต่อได้เยอะ ก็สร้างรายได้ 50,000-1 แสนบาทต่อปี
นายบัญชา กล่าวว่า ส่วนเมนูเด็ดชาวบ้าน จะนำไปปรุงเป็นก้อยลูกต่อ คั่วต่อหัวเสือ หมกต่อ แกงต่อ ยำลูกต่อ สารพัดเมนู ถือเป็นเมนูเด็ดที่หากินยาก 1 ปีมีครั้งเดียว จึงทำให้มีราคาแพง นอกจากนี้ลูกค้าบางรายมีการสั่งซื้อยกรัง เพื่อนำรังที่แม่ต่อทิ้งรังร้าง ไปทำเป็นเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ ขายได้ราคาสูงตกรังละ 3,000-5,000 บาท ส่วนการดูแลจะต้องมีความชำนาญ และต้องเลี้ยงในที่ปลอดภัย เพราะต่อหัวเสือถือเป็นแมลงที่มีพิษร้ายแรง หากถูกรุมต่อยจำนวนมากอาจอันตรายถึงชีวิต จึงต้องมีความชำนาญในการเลี้ยงดูแล ผู้คิดจะเลี้ยงต้องศึกษาวิธีให้ดีก่อน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระอุ! เลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนม ‘พท.’ ขนทัพหน้าช่วยผู้สมัคร สู้ลูกสาวครูแก้วแชมป์เก่า
ผู้สื่อข่าวจังหวัดนคพนมรายงานความคืบหน้าการเลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนมว่า ยังไม่ทันถึงวันจับสลากได้เบอร์ เพื่อใช้ในการหาเสียงนายก อบจ.นครพนม
อลังการ! อุโมงค์ไฟดาวล้านดวง ชมแสงหลากสีระยิบระยับริมโขงรับลมหนาว
ลานกินลมชมวิว ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม นางสงวน มะเสนา รอง ผวจ.นครพนม นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายก อบจ.นครพนม นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศบาลเมืองนครพนม นางสางนงนุช สีทาน้อย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม
'โตโน่ ภาคิน' สุดปลื้ม รับมอบเหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดชั้น 1 ของสปป.ลาว
ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โตโน่-ภาคิน คำวิลัย ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดงชื่อดัง เข้าพิธีรับประดับเหรียญชัย ชั้น 1 ซึ่งเป็นเหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดของ สปป.ลาว
พ่อไม่ติดใจตำรวจจับตาย มือยิงประธานสภา อบต. รับลูกก่อเหตุเพราะเสพยาบ้า
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 20 หมู่ 7 บ้านต้าย ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนายยุทธพล หมอกต้ายซ้าย หรือไอ้ยุทธ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม ฐานความผิดพยายามฆ่า หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนอาก้าจ่อยิงนายวินัย มณีรัตน์ อายุ 55 ปี ส.อบต.บ้านต้าย 3 สมัย และยังมีตำแหน่งประธานสภา
วิสามัญ คนร้ายยิงประธานสภา อบต. ยิงใส่ตำรวจก่อน เลยถูกตอบโต้ดับคาไร่อ้อย
นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น เข้าตรวจสอบการติดตามจับกุม นายยุทธพล หมอกต้ายซ้าย อายุ 49 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุนายวินัย มณีรัตน์
จนท.ตรึงกำลัง ล่ามือยิงประธานสภา อบต. คนร้ายมีปืนอาก้า ระเบิดมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดจ่อยิง นายวินัย มณีรัตน์ อายุ 55 ปี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโพนจาน บ้านต้าย หมู่ 7 (ส.อบต.ฯ ม.7) ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์