ป้าสุดเศร้า โดนศาลสั่งยึดบ้านขายทอดตลาดไม่รู้ตัว หลังถูกปลอมเอกสารค้ำประกันซื้อรถยนต์

8 พ.ย.2564 - เจ้าหน้าที่ศาลจังหวัดตราด นำคำสั่งศาลจังหวัดตราด บังคับให้นางวิรัชดา หาญชนะ ย้ายออกจากบ้านเลขที่ 56 ม.2 ต.บางปิด อ.แหลมงอบ จ.ตราด ที่นายจิรภัทร วรฉัตร ฟ้องศาลจังหวัดตราด เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ภายหลังประมูลบ้านหลังนี้ได้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 แต่นางวิรัชดา หาญชนะ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเดิมไม่ยอมย้ายออก

สืบเนื่องจากบ้านเลขที่ 56 ม.2 ต.บางปิด อ.แหลมงอบ จ.ตราด ของนางวิรัชดา ถูกบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง ฟ้องร้องศาลให้ยึดทรัพย์สิน ที่นางวิรัชดา เป็นผู้ค้ำประกันรถยนต์ ให้กับนายวิชัยยศ ทองดี ผู้เช่าซื้อ เมื่อปี 2555 โดยมีผ่อนชำระงวดรถได้เพียง 2-3 งวด แล้วถูกบริษัทไฟแนนซ์ยึดรถยนต์ไป

ต่อมาทราบว่า พนักงานบริษัทไฟแนนซ์ ไม่ได้นำรถยนต์ที่ยึดได้ ไปส่งมอบให้กับบริษัท ทำให้บริษัทไฟแนนซ์ ต้องฟ้องร้องต่อศาลและมีหมายศาลมาถึง นายวิชัยยศ และนางวิรัชดา เนื่องจากเกิดความเสียหายประมาณ 700,000 บาท แต่ผู้รับหมายศาล คือ นายณัฐวุติ ทองดี ลูกชายนายวิชัยยศ ทองดี หลังจากรับหมายแล้ว ไม่ยอมนำหมายส่งให้กับนายวิชัยยศและนางวิรัชดา เนื่องจากนายณัฐวุติ ทองดี ปลอมแปลงเอกสาร ทั้งคนเช่าชื้อและคนค้ำประกัน

และเมื่อปี 2562 ศาลจังหวัดตราด บังคับคดี มีคำสั่งให้ยึดบ้านนางวิรัชดา หาญชนะ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 จากนั้นบริษัทไฟแนนซ์ ได้ประกาศขายทอดตลาดเมื่อประมาณปี 2563 เปิดราคาประมูลครั้งแรกราคา 540,000 บาท แต่ยังไม่มีใครซื้อ กระทั่งเปิดประมูลเป็นครั้งที่ 4 นายจิรภัทร วรฉัตร เป็นชนะการประมูลครอบครองบ้านเลขที่ 56 ม.2 ต.บางปิด อ.แหลมงอบ จ.ตราด ในราคา 400,000 บาท พร้อมค่าโอนประมาณ 30,000 บาท

นางวิรัชดา กล่าวว่า บ้านหลังนี้ตนเองและสามีสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงมา 24 ปี แล้ว วันนี้ตนเองไม่มีบ้านอยู่แล้ว เพราะถูกศาลสั่งยึดบ้าน เพราะเป็นผู้ค้ำประกันรถยนต์ให้กับนายณัฐวุฒิ ทั้งที่ตนเองไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เมื่อตรวจสอบและลำดับเหตุการณ์ จึงทราบว่า เมื่อปี 2555 ตนเองและน้องชาย เคยบอกกับนายณัฐวุฒิ ซึ่งเป็นคนรู้จักกันว่า น้องชายอยากได้รถยนต์ 1 คัน เอาไว้ใช้ ซึ่งนายณัฐวุฒิ ได้ขอเอกสารบัตรประชาชนทั้งตนเองและน้องชาย เพื่อนำไปเช็คเครดิต แล้วก็หายไป จนปี พ.ศ. 2562 ถูกหมายศาลบังคับคดียึดบ้าน จนทราบภายหลังว่า คนปลอมเอกสารลายเซ็นของตนเองเพื่อนำไปค้ำประกันรถยนต์

นางวิรัชดา ยังกล่าวต่อว่า หลังจากถูกศาลสั่งยึดบ้านแล้ว ได้พยายามช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ทั้งแจ้งความ ร้องทุกข์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งขอให้ทนายอาสาเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาไม่เคยไปขึ้นศาล ไม่เคยได้รับหมายศาลแต่อย่างใด ซึ่งวันนี้ไปศาลครั้งแรก เพราะถูกคนซื้อฟ้องคำไล่ให้ออกจากบ้านหลังนี้ ตนเองรู้สึกเสียใจมากที่ไม่มีโอกาสที่ได้ต่อสู้ในชั้นศาลเลย และอยากขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ

และก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่าย จะส่งมอบบ้านกัน เจ้าหน้าที่พนักงานศาลจังหวัดตราด ได้อ่านคำสั่งศาลจังหวัดตราด บังคับให้นางวิรัชดา หาญชนะ ออกจากบ้านหลังนี้ เพราะสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย คือ นายจิรภัทร วรฉัตร ที่ซื้อบ้านมาจากการประมูลเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 พร้อมให้นางวิรัชดา หาญชนะ ขนทรัพย์สินภายในบ้านออกทั้งหมด เหลือไว้เพียงตัวบ้าน ส่วนโอ่งจำนวน 2 ใบ ที่สำหรับเก็บน้ำไว้ใช้ช่วงหน้าแล้ง นางวิรัชดา หาญชนะ ไม่สามารถเอาไปได้ แต่จะทุบทิ้ง จนทำให้ทั้งนางวิรัชดาและนายจิรภัทร วรฉัตร เกิดการโต้เถียงกันเล็กน้อย จากนั้นนางวิรัชดา หาญชนะ ได้ให้นายวิเชียร หาญชนะ สามี ใช้ขวางทุบโอ่งทิ้งทันที เพราะไม่สามารถขนย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปได้

ส่วนนายจิรภัทร วรฉัตร กล่าวว่า ตนเองทราบว่ามีการประกาศขายทอดตลาดบ้านหลังนี้ จึงได้ตัดสินใจซื้อ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้มีปัญหา แต่พอซื้อแล้วนางวิรัชดา หาญชนะ ไม่ยอมออกจากบ้าน ทำให้ตนเอจำเป็นต้องฟ้องศาลเพื่อบังคับให้นางวิรัชดา หาญชนะ ออกจากบ้านหลังนี้ และตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุการณ์ก่อนนี้เลย

สำหรับ นายณัฐวุติ ทองดี ถูกนายวิชัยยศ ทองดี และนางวิรัชดา หาญชนะ แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ลุย 'เกาะกูด' ยันของไทย ไม่มีวันยอมเสียดินแดนให้ใคร

'อนุทิน' ลงพื้นที่เกาะกูด ลั่นรัฐบาลนี้ไม่มีวันยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว พร้อมขอบคุณก๋งวัย 92 ปี ยืนยันเป็นของไทย 100%

‘ภูมิธรรม’ ทุบฝ่ายต้านบิดเบือน MOU เกาะกูด ทำผลประโยชน์ชาติสั่นคลอน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง "ผลประโยชน์ชาติสั่นคลอน เมื่อการเมืองบิดเบือน MOU เกาะกูด" ระบุว่าการจุดประเด็นทางการเมืองเรื่อง MOU 44 ในช่วงนี้ ได้สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยในหลา