ชาวนาจำใจขายข้าวเปลือกเกี่ยวหนีน้ำ แม้ได้ราคาต่ำ โรงสียันรับซื้อตามสภาพไม่ได้กดราคา

ชาวนาทยอยนำข้าวเปลือกสดที่เกี่ยวหนีน้ำไปขายตามโรงสีอย่างต่อเนื่อง แม้จะได้ราคาต่ำเพียงกิโลกรัมละ 8-9 บาท วอนรัฐบาลพยุงราคาไม่ให้ต่ำกว่า 15 บาท ด้านผู้ประกอบการโรงสีแนะชาวนารอให้ข้าวแก่เต็มที่และตากให้แห้งก่อนนำมาขาย หากซื้อข้าวคุณภาพต่ำโรงสีก็เสี่ยงขาดทุนเพราะส่งออกไม่ได้

3 พ.ย.2564 - ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงสีสหพัฒนาค้าข้าว ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้มีชาวนาจากหลายอำเภอ เช่น อ.สตึก อ.แคนดง และเขตรอยต่อจาก จ.สุรินทร์ บางส่วน ได้ทยอยนำข้าวเปลือกที่เกี่ยวสด และเกี่ยวหนีน้ำท่วมมาขายอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ช่วงนี้จะได้ราคาต่ำ เพียงกิโลกรัมละ 8-9 บาทก็ตาม แต่ชาวนาก็จำเป็นต้องนำมาขาย เพราะต้องนำเงินไปเป็นค่าเก็บเกี่ยวและใช้จ่ายในครอบครัว โดยชาวนา บอกว่า หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือพยุงราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 15 บาท หรือตันละ 15,000 บาท เพราะปีนี้ประสบปัญหาหลายอย่าง ทั้งช่วงต้นฤดูที่ประสบปัญหาภัยแล้งต้นข้าวแห้งตาย ต้องลงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกทดแทนข้าวที่ตาย รวมถึงค่าปุ๋ยก็ราคาแพงขึ้น แต่พอถึงช่วงที่จะเก็บเกี่ยวกลับมาเจอปัญหาน้ำท่วม ทำให้ไม่ได้ผลผลิตเต็มที่เท่าที่ควร

นางวิริยาภรณ์ สุดคนึง อายุ 38 ปี ชาวนาบ้านซาด ต.สระบัว อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ที่ต้องนำข้าวเปลือกมาขายช่วงนี้ เพราะจำเป็นต้องนำเงินไปจ่ายค่าเก็บเกี่ยวและใช้จ่ายในครอบครัว ก็ยอมรับว่าราคาข้าวที่ได้ค่อนข้าวต่ำไม่คุ้มกับต้นทุน เพราะช่วงต้นฤดูประสบปัญหาภัยแล้งข้าวแห้งตาย ต้องลงทุนซื้อพันธุ์ข้าวใหม่มาปลูกทดแทนข้าวที่ตาย อีกทั้งค่าไถ ค่าปุ๋ยก็แพงขึ้น พอมาถึงตอนเก็บเกี่ยวก็มาเจอปัญหาน้ำท่วมอีก ทำให้ข้าวบางส่วนแช่น้ำเสียหายได้ผลผลิตไม่เต็มที่ จึงอยากฝากให้รัฐบาลช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นการชดเชยเยียวยาหรือพยุงราคาข้าวให้สูงกว่านี้ เพื่อเป็นการแบ่งภาระและช่วยเหลือชาวนาด้วย

ด้านนายศุภสิทธิ์ อึ้งพัฒนากิจ เจ้าของโรงสีสหพัฒนาค้าข้าว อ.สตึก กล่าวว่า ช่วงนี้ซึ่งยังเป็นช่วงต้นฤดู ก็มีชาวนานำข้าวเปลือกมาขายไม่คึกคักเท่าที่ควรเฉลี่ยวันละประมาณ 100 รายเท่านั้น ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นข้าวที่ชาวนาเกี่ยวหนีน้ำท่วมแล้วนำมาขายสด โดยไม่ได้ตากลดความชื้นเลย อาจเพราะมีความจำเป็นที่ต้องนำเงินไปใช้จ่าย ซึ่งทางโรงสีก็ยืนยันว่ารับซื้อตามสภาพข้าวและกลไกตลาด ไม่ได้มีการกดราคาแต่อย่างใด แต่หากเป็นไปได้ก็อยากแนะให้ชาวนารอให้ข้าวแก่สุกเต็มที่ หรือตากให้แห้งก่อนแล้วค่อยนำมาขาย เพราะจะได้ราคาที่สูงขึ้นกว่านี้ ซึ่งก็จะเป็นผลดีกับตัวชาวนาเอง เพราะจริงแล้วหากเป็นข้าวสดโรงสีส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรับซื้อเพราะไม่มีสถานที่ตาก ทั้งเกรงว่าหากรับซื้อที่เปียกชื้นหรือคุณภาพต่ำไว้ ทางโรงสีก็ต้องแบกรับความเสี่ยงที่จะประสบปัญหาขาดทุนได้ เพราะหากข้าวที่รับซื้อไว้เสื่อมคุณภาพก็จะไม่สามารถส่งออกได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป้า 67 ป่วยหลายโรค หาบเร่ขายของเลี้ยงชีพ หวังได้เงินหมื่น เฟส 2 หวั่นตกหล่น บัตรคนจนก็ไม่มี

บุรีรัมย์ ป้า 67 ป่วยความดัน มีก้อนเนื้อที่คอ แต่ต้องหาบเร่ขายของเลี้ยงชีพและลูกพิการ หวังได้เงินหมื่น เฟสสอง มาแบ่งเบา

กระทรวงเกษตรฯ เคาะช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่! วงเงิน 3.8 หมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากกรณีมติของที่ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิตครั้งที่

โฆษกศปช. เผยกรณี 'น้ำผุด' อ.เชียงดาว มอบหน่วยงานลงพื้นที่ศึกษาแนวทางใช้ประโยชน์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศปช. ได้เคยประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้เฝ้าระวังฝนตกหนักในพื้นที่ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย.ไปแล้วก่อนหน้านี้

ชาวนาเฮ! รัฐบาลเคาะแจกไร่ละ 1 พันบาท เล็งปรับโครงสร้างเกษตรทั้งระบบ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันนี้ เห็นชอบหลักการช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท