“จ่าเชิด” หึงโหดบุกบ้านพังประตูที่ทำงานบ้านเมียน้อย กระทืบปางตายแม้จะร้องขอชีวิตก็ยังไม่หยุด สุดท้ายคว้ามีดจี้คอขู่ฆ่าตัวตาย จนฝ่ายชายยอมปล่อย แล้วรีบวิ่งหนีฝ่าความมืดไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เวลา 01.30 น.วันที่ 30 ตุลาคม 2564 หลังจากที่ ร.ต.อ.ชินวุธ ศิลปะเสวตร รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ว่ามีคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปในบ้านและพังประตูเข้าไปทำร้ายร่างกายคนภายในบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส ใกล้ปั๊มน้ำมันเชลล์ริมถนนสายเอเชีย 41 ขาขึ้นกรุงเทพมหานคร ตำบลขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังตำรวจและหน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์
ที่เกิดเหตุสร้างลักษณะเป็นร้านกาแฟเป็นบริษัทและที่พักอยู่ในที่เดียวกัน โดยทางปั๊มน้ำมันดังกล่าวได้เปิดรั้วกำแพงไว้ 1 ช่อง เพื่อให้สามารถเข้าออกกันได้กับบ้านหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบกับ นายธนะโรจน์ จันทรโชติวิสิฐ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 1 ตำบลละแม อ.ละแม จ.ชุมพร พร้อมด้วยลูกสาวคือ นางสาวพิมนภัทร์ พรอริยวัฒนกิจ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/14 หมู่ 1 ตำบลขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร ลูกสาว และลูกเขยคือ นายพัสกร ขุนนุช อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/2 หมู่ 2 ตำบลแพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม รอพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่
นางสาวพิมนภัทร์ พรอริยวัฒนกิจ ให้การว่าก่อเกิดเหตุตนเองพร้อมสามีและนางสาวศุภจิตรา ใจดี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 5 ตำบลป่าร่อน อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นหุ่นส่วนทำธุรกิจด้วยกัน มานั่งเรียงพืชใบกระท่อมเป็นมัดบรรจุลงกล่อง เพื่อเตรียมส่งให้ลูกค้า โดยมีผู้มีคุณพ่อคือนายนายธนะโรจน์ จันทรโชติวิสิฐ อายุ 58 ปี ได้จัดเตรียมกับข้าวอยู่ใกล้ๆ จากนั้นพ่อก็ได้เรียกให้มากินข้าวกัน โดยนางสาวศุภจิตราลุกขึ้นไปกินก่อน ส่วนตนเองกับสามี ยังนั่งจัดเรียงพืชใบกระท่อมต่อไปอีก
นางสาวพิมนภัทร์ กล่าวว่าขณะที่กำลังจัดเรียงพืชใบกระท่อมอยู่ โดยตนนั่งหันหลังให้กับประตูซึ่งเป็นกระจก ส่วนสามีหันหน้าไปทางกระจก จนกระทั่งไม่นานก็มีชายฉกรรจ์สวมเสื้อสีน้ำเงินกางขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน สะพายกระเป๋าหนังเดินมาเคาะที่กระจกด้านหน้าพร้อมตะโกนให้เปิดประตูก่อนที่ชายดังกล่าวจะชักอาวุธปืนออกมาจากเอว ตนเองพร้อมสามีตกใจกลัวอย่างมากพากันกระโดดวิ่งหนีไปที่พ่อซึ่งกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับนางสาวศุภจิตรา ในขณะพ่อเองก็ได้ยินเสียงและได้ลุกขึ้นออกมาพร้อมกับบอกว่าไม่ต้องใช้ปืนมาพูดคุยกันดีๆก่อน แต่ไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน ชายคนดังกล่าวเดินผละออกไปที่ประตูหลัง ซึ่งตนเองตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกจนลืมไปว่าประตูหลังไม่ได้ล็อกกุญแจ ซึ่งก็ช้าไปแล้วชายคนดังกล่าวได้เดินไปที่ด้านหลังแล้วเปิดประตูเข้ามา ซึ่งตอนนั้นตนเองกับสามี เห็นท่าไม่ดีต่างวิ่งหนีออกม เพื่อจะไปขอให้คนที่ปั๊มน้ำมันได้ช่วยโทรแจ้งตำรวจ
ด้านนายธนะโรจน์ ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า ชายคนดังกล่าวเป็นตำรวจชื่อที่เรียกกันคือ “จ่าเชิด” เป็นคนขับรถให้กับอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร คนหนึ่ง ซึ่งเคยมาที่นี่และเคยมาทะเลาะกับนางสาวศุภจิตราซึ่งเป็นหุ่นส่วนทำธุรกิจกับลูกสาวตนหลายครั้ง ซึ่งครั้งนี้ตอนเกิดเหตุตนเองก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้เลย เพราะจ่าเชิดได้ถือปืนขู่ไม่ให้ยุ่งและตนก็โดนจ่าเชิดตบหน้าด้วยอาวุธปืนด้วยเช่นกัน จากนั้นจ่าเชิดก็หันไปทุบตีนางสาวศุภจิตราอย่างรุนแรง ตนเองทนดูไม่ไหว จึงต้องเดินหนีออกมาจากบ้านมาอยู่กับลูกที่ปั้มน้ำมันเพื่อรอตำรวจมาที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้นไม่นานเห็นจ่าเชิดออกมาจากบ้านแล้วเดินไปขับรถยนต์กลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อตรวจสอบภายในบ้านก็พบว่าประตูบ้าน เตียงนอนพัง และข้าวของเครื่องใช้ภายห้องเสียหายหลายอย่าง ส่วนนางสาวศุภจิตราไม่อยู่ภายในบ้านแล้วไม่ทราบว่าหนีหายไปไหน ทุกคนจึงช่วยกันตามหาแต่ก็ด้วยความมืดหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
นายธนะโรจน์ กล่าวต่อว่านางสาวศุภจิตรานั้นเป็นหุ้นส่วนของบริษัทตนเองที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสารอาหารสำหรับพืช จำหน่ายกล้าต้นกระท่อม ใบพืชกระท่อมและตอนนี้ต่อยอดแปรรูปพืชใบกระท่อมอยู่ ซึ่งตนเองกับลูกสาว ลูกเขยและนางสาวศุภจิตรา จะทำงานจนดึกดื่นทุกคืน ซึ่งคาดว่าจ่าเชิดอาจจะเกิดความหึงหวง จนก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งตนเองยอมรับว่าสังคมวันนี้อยู่ยากขนาดตำรวจยังก่อเหตุในลักษณะนี้ได้ โดยขาดสติแล้วชาวบ้านจะอยู่เป็นสุขได้อย่างไร เรื่องนี้ตนเองก็จะแจ้งความบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย พกพาอาวุธปืนมาในที่สาธารณะ และข่มขู่ โดยยืนยันจะสู้ให้ถึงที่สุด
ต่อมาเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน นางสาวพิมนภัทร์ พรอริยวัฒนกิจ ได้แจ้งผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ได้พบตัว นางสาวศุภจิตราแล้ว โดยหนีตายไปหลบซ่อนตัวอยู่บ้านชาวบ้านในพื้นที่แห่งหนึ่งห่างจากที่เกิดเหตุเกือบ 1 กิโลเมตร จึงเดินทางไปพบ โดยนางสาวศุภจิตรอยู่ในสภาพใบหน้าบวมแดง ตาข้างซ้ายช้ำเขียวบวมจนตาปิด แขนและขา เขียว ช้ำ เป็นจุดแทบทั้งตัว
นางสาวศุภจิตรากล่าวว่าตนเองกับจ่าเชิดคบหากันมานานกว่า 8 ปี โดยตนเองอยู่ในสถานะเป็นเมียน้อย ได้เช่าบ้านอยู่บริเวณสี่แยกปฐมพรจ่าเชิดจะแวะมาหาเป็นประจำแต่ระยะหลังๆจ่าเชิดมักจะทำร้ายตนเองบ่อยและหนักขึ้นเพราะหึงหวงและสั่งไม่ให้ตนคบกับเพื่อนคนใดเลย จนตนเองทนไม่ไหวต้องบอกขอเลิกแต่จ่าเชิดไม่ยอมเลิก ช่วงหลังตนได้หนีออกมาจากบ้านเช่าแล้วมาพักอาศัยอยู่ในที่ทำงานที่ตนมีหุ้นส่วนไว้ ตนเองพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดเพื่อให้ถูกทุบตี จนครั้งล่าสุดก่อนเกิดเหตุในครั้งนี้ก็ยังถูกจ่าเชิดทำร้ายจับมัดมือมัดเท้าปิดปากมาแล้ว กระทั่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาจ่าเชิดบุกมาที่ทำงานแล้วชกต่อยตบตีกระทืบปางตาย แม้ตนจะร้องขอชีวิตแต่จ่าเชิดก็ยังไม่หยุดตนเองพยายามดิ้นรนวิ่งหนีเข้าไปในครัว แล้วคว้ามีดทำครัวมาจ่อที่คอตนเองแล้วบอกจ่าเชิดว่าหากไม่หยุดตนเองก็ขอแทงตัวตายให้ตาย ทำให้จ่าเชิด ไม่กล้าเข้ามาทำอะไรตนอีก เมื่อสบโอกาสจึงได้วิ่งออกจากบ้านหนีตายไปถึงบ้านแห่งหนึ่งแล้วร้องเรียกขอความช่วยเหลือและให้หลบซ่อน จนกระทั่งเช้าก็ติดต่อไปที่นายธนะโรจน์ผู้เป็นพ่อเพื่อให้ช่วยพาไปโรงพยาบาลรักษาบาดแผล และจะเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีกับ จ่าเชิด ให้ถึงที่สุดต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เดินตามแนวพระราชดำริ...ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมชุมพร
ในช่วงวันที่ 13-15 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมามรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงได้พัดปก คลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่างเคลื่อนลงสู่ทะเลอัน
ภาคใต้เป็นอัมพาต! ชุมพรจ่อน้ำท่วมใหญ่ทั้งจังหวัด ถนน-ทางรถไฟถูกตัดขาด นักท่องเที่ยวอลหม่าน
มีรายงานด่วนว่าได้เกิดน้ำท่วมรางรถไฟระหว่างสถานีวิสัย และสถานีรถไฟสวี โดยทางสถานีรถไฟชุมพรได้ ออกประกาศแจ้งขอปิดทางระหว่างสถานีวิสัย-สวี โดยรถไฟทุกขบวนที่ลงมาจากกรุงเทพมหานคร
ศปช. สั่งเร่งเคลียร์พื้นที่ถนนสายเอเชีย 41 จมบาดาล หลังชุมพร-นครศรีฯฝนตกหนัก
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ชุมพรอ่วม! ฝนถล่มหนัก ดินถล่มทับบ้าน ถนนสายหลักฝั่งอ่าวไทยถูกตัดขาด
จากสถานการณ์ฝนตกหนักครอบคลุมในพื้นที่ จ.ชุมพร ทั้ง 8 อำเภอ ตั้งแต่วันที่ช่วงค่ำวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 14 ธันวาคม ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร
สาวขับบีเอ็มชนดับ 3 ศพแม่ลูก ชิ่งไกล่เกลี่ย
สาวคนขับบีเอ็มเสยท้าย จยย.แม่ลูกดับ 3 ศพ อ้างป่วยไม่มาไกล่เกลี่ยตามนัดหมาย พ่อยืนยันไม่เผาศพจนกว่าคดีจะแล้วเสร็จ ได้รับความเป็นธรรม
ญาติเหยื่อชน 3 แม่ลูกดับ จี้ตรวจสารเสพติดเพิ่ม
ญาติยืนยันไม่เผาศพจะเก็บไว้จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม พบกล้องวงจรปิดจับภาพเดินอุ้มแมวข้ามถนนไปฝั่งขาเข้าคาดเดินเข้าซอยไปซุ่มรอคนมารับ ขณะที่น้องสาวผู้ตายขอตำรวจตรวสารเสพติดเพิ่ม