สงขลา ‘แม่’ ข้องใจลูกเสียชีวิตจากอุบัติเหตุกลางถนน เชื่อถูกรุมทำร้ายอุ้มมาทิ้ง

พบศพชายนอนเสียชีวิตอยู่กลางถนนสายเอเชียสภาพถูกรถชนหลังหายออกไปจากที่พักในโรงงาน แม่และญาติไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุเผยก่อนตายโทรศัพท์มาหาว่าถูกพรรคพวกอดีตภรรยารุมทำร้าย เกรงว่าอาจจะถูกอุ้มมาทำร้ายเรียกร้องให้ตำรวจเร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริง

23 พ.ค.2565- เมื่อเวลาประมาณ 01.40 น. ตำรวจ สภ.ควนเนียง จ.สงขลา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยรัตภูมิธรรมาวาส ว่าพบศพชายนอนเสียชีวิตอยู่บนถนนบริเวณคอสะพานข้ามคลองรับแพรก ถนนสายเอเชียขาเข้า อ.รัตภูมิ พื้นที่หมู่ 11 ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา  พ.ต.ท.มงคล บัวจันทร์ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.ควนเนียง พร้อมกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวน ลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ  พบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายประภพ ทองอ่อนสี อายุ 33 ปี มีภูมิลำเนาเดิมตามบัตรประชาชนอยู่บ้านเลขที่ 214/1 ม.10 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นอนเสียชีวิตอยู่เกือบๆกลางถนนในสภาพที่แขนขาผิดรูปเอวบิดคล้ายกับถูกรถชน โดยสวมเสื้อยืดสีเทามีเสื้อยีนส์ทับอีกชั้นนุ่งกางเกงขายาวสีดำ สภาพเสื้อผ้ามีรอยฉีกขาด แต่ไม่มีรอยเลือดตามตัว และนอนเสียชีวิตอยู่เพียงคนเดียวไม่มีรถจักรยานยนต์หรือสิ่งของอื่นๆตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะถูกรถชน

จากการสอบถาม นายอรุณ จันทร์สุริวงษ์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยรัตภูมิธรรมาวาส บอกว่า ขณะขับรถจากปฏิบัติภารกิจที่ อ.หาดใหญ่ ก็มาพบผู้เสียชีวิตรายนี้นอนอยู่บนถนนจึงได้แจ้งให้ตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งจากสภาพศพเสื้อผ้าที่ฉีกขาดและแขนขาผิดรูปสันนิษฐานว่าน่าจะถูกรถชนหรือพลัดตกจากรถและถูกรถเหยียบซ้ำ

หลังเกิดเหตุแม่ของผู้ตายและญาติๆได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุเมื่อเห็นร่างลูกชายแม่ถึงกับร่ำให้ด้วยความเสียใจ และไม่เชื่อว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุถูกรถชนและตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีเงื่อนงำแอปแฝงหรือถูกอุ้มมาทำร้าย โดยนางน้อย ทองอ่อน อายุ 54 ปี แม่ของผู้ตายบอกว่าลูกชายทำงานกับตนและพักอยู่ด้วยกันภายในโรงงานคอนกรีตแห่งหนึ่งใน อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 10 กิโลเมตร เป็นผู้ป่วยจิตเวชและเคยเข้ารับการบำบัดยาเสพติดมาราว 5 เดือนและเพิ่งแยกทางกับภรรยาได้ประมาณ 2เดือน 

“ก่อนเกิดเหตุในช่วงค่ำได้หายออกไปจากบ้านพักในโรงงานญาติพยายามช่วยกันตามหาทั้งในโรงงานและบ้านของยายในพื้นที่ ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ แต่ก็ไม่พบ กระทั่งเมื่อช่วงประมาณ 4 ทุ่มลูกชายได้โทรศัพท์มาหาบอกว่าอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแถวๆสี่แยกคูหา อ.รัตภูมิและบอกว่าถูกพวกพรรคของอดีตภรรยารุมทำร้ายแต่สู้ไม่ได้  ขอให้ตนช่วยไปรับด้วย แต่เนื่องจากรถจักรยานยนต์ยางรั่วจึงออกไปรับลูกชายไม่ได้ และบอกให้พยายามหาทางกลับ กระทั่งมาพบว่านอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน ไม่เชื่อว่าลูกชายจะถูกรถชนตายอยากให้ตำรวจสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่ามีเงื่อนงำแอบแฝงหรือไม่ตามที่ลูกชายได้โทรศัพท์มาบอกว่าถูกรุมทำร้ายก่อนที่จะเสียชีวิตอย่างไรก็ตามในส่วนของตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุของการเสียชีวิตว่ามาจากอุบัติเหตุถูกรถชนขณะเดินกลับบ้านหรือมีเงื่อนงำอะไรแอบแฝงตามที่ญาติสงสัยหรือไม่”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระดมกำลังทุกหน่วย ปูพรมตรวจค้น 183 จุด กวาดล้างอิทธิพล ยึดของกลางอื้อ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ระดมกำลังตำรวจสอบสวนกลาง ,กองบัญชาการตำรวจนครบาล ,

'โจ๊ก' เผย 'บิ๊กเต่า' ขอเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีหมิ่นประมาท เป็นครั้งที่ 2

ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องของโจทย์เป็นครั้งที่ 2 ในคดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้องพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

'บิ๊กต่อ-มาดามกุ๊กไก่' ออกงานคู่ครั้งแรก

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร. พร้อมด้วยคุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ประจำปี 2567 ณ ห้องแจ้งยอ

'เอก-ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ' เผย 'บิ๊กโจ๊ก' นัดพบหลายครั้ง เล่าถึงคนอื่นนับ 10 คน

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตั้งแต่มีกรณีที่ ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร.ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทั้ง

'ทักษิณ' บอกวุ่นวาย ปมบิ๊กตำรวจขัดแย้ง ร้องโอ๊ยทันทีหลังเจอถามร่วมจัดโผทหารหรือไม่

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระหว่างพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้อง 'พล.ต.ต.' กูรูกฎหมาย หมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เดินทางมายื่นฟ้องกูรูด้านกฎหมายซึ่งเป็นอดีตตำรวจ ยศพล.ต.ต.ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีจงใจใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด พร้อมเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท