'กาโตะ' ขึ้นโรงพักเคลียร์ใจ 'สื่อ' จ่อควงกันออก 'โหนกระแส' อีกรอบ

‘สมีกาโตะ’ ขึ้นโรงพักเคลียร์ใจ ‘คนข่าวตัวดำ-เณรเอ’ ปมจ่าย 3 แสน ยิ้มสู้พร้อมยกมือไหว้กราบขอโทษยอมรับชะตากรรมทุกอย่าง อ้างตกเป็นเหยื่อ 2 ทอด ทั้ง ‘สีกาตอง-พระดอน’ จ่อควงออก ‘โหนกระแส’ อีกรอบ

9 พ.ค. 2565 – ผู้สื่อข่าวรายงานจังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องสอบสวนชั้น 2 สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.อาคม จ้อนนุ้ย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้เชิญนายพงศกร จันทร์แก้ว อายุ 23 ปี หรือ “สมีกาโตะ” มาสอบสวนปากคำในคดีที่นายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช นายไพฑูรย์ อินทศิลา อุปนายก/ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช แจ้งความดำเนินคดีกับนายพงศ์กร หรือสมีกาโตะ กรณีระบุกลางรายการโหนกระแสทางช่อง 3 ว่าได้จ่ายเงิน 3 แสนบาทให้นักข่าวในท้องภถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเคลียร์ปิดข่าวคลิปฉาวเสพเมถุนสีกาตอง สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับสื่อมวลชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างมาก

โดยเฉพาะนายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้นำคลิปพร้อมข้อความไลน์ สลิปการโอนเงินจากพระกาโตะ ไปให้สีกาตองหลายครั้งรวมกว่า 2 แสนบาทเปิดโปงผ่านรายการ “ระคนข่าวกับคนข่าวตัวดำ ทางเพซบุ๊กไลฟ์”ไพฑูรย์ อินทศิลา รวมทั้งนายยุทธนา ที่นำเสนอข่าวในเพจสมาคมสื่อมวลชนเป็นเพจแรกก็ถูกมองว่าเป็นผู้รับเงิน 3 แสนดังกล่าวด้วย แม้ต่อมาพระครูวินัยธรสุวิจักขณ์ หรือ “พระดอน “ จะออกมายอมรับว่าเป็นคนรัยเงินจากอดีตพระกาโตะ 3 แสนมาเพื่อเคลียร์ปิดข่าวกับนักข่าวในท้องถิ่น โดยได้ไปที่บ้านนายไพฑูรย์ เป็นที่แรกหลังจบรายการ “ระคนข่าว” ในเวลาประมาณ 23.00 น.คืนวันที่ 26 พ.ค. 2565 นั้น

โดยนายพงศกร หรือสมีกาโตะ ได้เดินทางมาพร้อมบิดา อดีตข้าราชการตำรวจวัย 62 ปี เข้าพบ พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย พนักงานสอบสวน ในเบื้องต้นสมีกาโตะ แจ้งความประสงค์กับพนักงานสอบสวนว่าอยากจะพบนายยุทธนา และนายไพฑูรย์ เพื่อกราบขอโทษอย่างเป็นทางการที่ทำให้เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง พ.ต.ท.อาคม จึงประสานนายยุทธนา แลบะนายไพฑูรย์ ให้ทราบและเดินทางมาพบในห้องสอบสวนชั้น 2 ซึ่งทันทีที่ทั้งสองเดินทางเข้าไปในห้องพบ พ.ต.ท.อาคม กำลังสอบสวนปากคำสมีกาโตะอยู่อย่างเคร่งเครียด อดีตพระกาโตะ ได้หันมาเผชิญหน้ากับนายยุทธนา และนายไพฑูรย์ ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรและยกมือไหว้ขอโทษอย่างอ่อนน้อมและสำนึกผิด

“ผมต้องกราบขอโทษและยอมรับผิดทั้งน้ายุทธนา หรือ “น้าเณรเอ” และ “คนข่าวตัวดำ ไพฑูรย์ อินทศิลาและพี่น้องนักข่าวในนครศรีธรรมราชทุกท่าน ผมรู้จักชื่อเสียง“น้าเณรเอ” และลุงไพฑูรย์” มานานแล้วแต่ไม่เคยมีโอกาสได้พบตัว วันนี้ดีใจมากที่ได้พบตัวเป็นๆ ผมไม่ได้ตั้งใจกล่าวหา แต่ผมถูกพระคนกลางโทรมาเร่งบอกว่าเรื่องแดงขึ้นมาแล้วต้องรีบเอาเงินไปเคลียร์นักข่าว 3 แสนเพื่อไม่ให้เรื่องฉาวไปมากกว่านี้ ผมจึงนำเงินสดไปโอนเข้าบัญชีส่วนตัวผมและโอนเข้าบัญชีพระดอนซึ่งบัญชีธนาคารกรุงไทยไปให้ 3 แสนบาท โดยผมโอนให้ในเช้าวันที่ 22 เม.ย. 2565 ก็แปลกใจเหมือนกันว่าให้เงินไปแล้วแต่ลุงไพฑูรย์ และน้าเณรเอ ยังเปิดโปงคลิปฉาวต่อเนื่อง ถามพระอาจารย์ดอน ท่านก็บอกว่าจะปิดข่าวเลยทีเดียวคงไม่ได้ เพราะทาง บก.เขาสั่งให้ติดตามแต่เรื่องจะค่อยๆ เงียบไปในที่สุด“ อดีตพระกาโตะ กล่าว

ขณะที่ พ.ต.ท.อาคม กล่าวว่า วันนี้ทั้งผู้เสียหายและผู้ที่ถูกกล่าวหามาพบหน้ากันแล้วก็ให้เจรจากันอย่างลูกผู้ชาย มีอะไรที่อยากจะพูดคุยกันก็คุยกันให้หมด เปิดอกคุยไปเลย ไม่ต้องปิดบัง

สมีกาโตะ จึงจับมือนายไพฑูรย์ พร้อมกล่าวว่า “ความจริงผมตั้งใจว่าจะสึกในปลายปี 2565 เพราะการก่อสร้างโครงการสำคัญต่าง ๆ จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ แต่เมื่อเกิดเรื่องและพระอาจารย์ดอนโทรมาสอบถาม ผมก็เล่าความจริงให้ทราบทั้งหมด และยอมรับผิดจะสึก เพราะรู้ตัวว่ากระทำผิดร้ายแรงเสพเมถุนต้องปาราชิก แต่พระดอน บอกว่าไม่ต้องสึกขอให้โอนเงิน 3 แสนไปให้เพื่อนำไปให้นักข่าวปิดข่าวฉาวนี้ ผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์และอยู่ในความสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมจึงรีบโอนเงินไปให้พระอาจารย์ดอนในเช้าวันที่ 22 เม.ย. 2565 แต่ข่าวออกยังนำเสนออย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.2565 จนตัดสินใจขอสึกในคืนวันที่ 30 เม.ย. 2565 เวลาประมาณ 21.30 น.โดยทำพิธีสึกที่กุฏิพระอาจารย์ดอน วัดวังตะวันออก

ผมไม่ได้สอบถามเรื่องเงิน 3 แสน และเพิ่งมาสอบถามวันที่โฟนอินในรายการโหนกระแส จึงรู้ว่าพระอาจารย์ดอน ไม่ได้จ่ายเงินเคลียร์นักข่าวเลย เงิน 3 แสนบาทยังอยู่ครบถ้วน แต่ผมกล่าวระบุในรายการโหนกระแสไปแล้วว่าจ่าย 3 แสนเคลียร์นกข่าวท้องถิ่นทำให้นักข่าวท้องถิ่นในจังหวัดนครศรีธรรมราชเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว จึงอยากจะกราบขอโทษน้าเณรเอ ลุงไพฑูรย์ และนักข่าวในจังหวัดนครศรีธรรมาชทุกคนทุกท่าน อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ผมไม่สามารถติดต่อพระอาจารย์ดอนได้ และท่านอาจารย์ดอนยังไม่ได้คืนเงิน 3 แสนให้กับผม ถ้าเป็นไปคืนเงิน 3 แสนให้ผมด้วย

ผมไม่ได้รู้จักกับสีกาตองมาก่อนเลย แต่เขาทักผมมาทางออนไลน์ตั้งแต่ปลายปี 2564 และบอกว่าจะเข้ามาหาที่วัด ถามว่ามีเวลาว่างวันไหน ซึ่งในขณะนั้นผมไม่ว่างเลยต้องตระเวนรับกิจนิมนต์เทศน์ทุกวันต่อเนื่อง เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไร่จะกลับกรุงเทพไปก่อน หลังจากนั้นเขาก็กลับมาอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2565 และเข้ามาถวายเพลกับแม่ของเขา และเป็นครั้งเดียวที่เขาเข้ามาถึงวัดเพ็ญญาติ ในขณะที่แม่ของเขาก็บอกว่าลูกเขาป่วยเป็นไบโพลาร์มีปัญหาเรื่องอารมณ์ ไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และฝากให้ช่วยและนำอบรมสั่งสอนด้วย และได้มีการขอเบอร์โทร/ไลน์กัน ต่อมาสีกาตองก็เริ่มส่งข้อความไลน์เข้ามาคุยต่อเนื่องข้อความที่นักข่าวนำออกมาเปิดเผย จนกระทั้งผมบอกว่าเหนื่อยมาก และรู้สึกปวดหลังเพราะการนั่งรถเดินทางไปไกลๆ ต่อเนื่อง สีกาตองจึงบอกว่า “อยากไปนวดให้จัง” และข้อความอื่นๆ ในเชิงชู้สาว โดยผมก็เผลอใจตามไปด้วย จึงเป็นที่มาของการนัดมารับไปยังสันเขื่อนกะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช เขาก็ขอนวดให้และเริ่มทาน้ำมันเขียวนวดแผ่นหลังผม จนผมมีอารมณ์ทางเพศเลยเถิดถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กัน หรือเสพเมถุนกัน ยอมรับว่าทางวินัยสงฆ์ ปาราชิกขาดจากความเป็นพระไปแล้ว

หลังจากนั้นเขาเริ่มคุยเรื่องเงิน ขอเงิน อ้างเป็นหนี้เท่านั่นเท่านี้ โอนไปให้เท่าไหร่ก็ไม่จบที่หนัก ๆ 30,000, 40,000 แต่ก็ไม่จบ จึงเริ่มรู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ และเขาก็ข่มขู่หากไม่ให้พบกัน จนต้องจำใจไปมีอะไรกันอีกเป็นครั้งที่ 2 หลังจากนั้นเขาขอเงินอีก 100,000 บาท แล้วทุกอย่างจะยุติไม่รบกวนกันอีก เป็นพี่น้องต่อกัน และจะยุติกหารติดต่อกันอีก พอโอนไปให้ 100,000 ก็ยังไม่จบขอเพิ่มอีกอ้างจะซื้อโน๊ตบุ๊คจึงโอนไปให้อีก 20,000 บาท ก็ไม่จบ เขาบอกว่าขอของกำนัลเป็นสร้อยหรือแหวนทองคำ เพื่อเป็นที่ระลึก ผมตัดสินใจไม่ให้และขอตัดขาดจากกันเด็ดขาด จนกระทั่งมีคลิปฉาวเปิดโปงทางสื่อมวลชนดังกล่าว อย่างไรก็ตามผมไม่โกรธแค้นหลวงพี่น้อย ไม่โกรธน้าเณรเอ และลุงไพฑูรย์ ทุกคนทำถูกต้องแล้ว ผมผิดเองที่ไปเผลอใจทำผิดรุนแรงถึงขั้นปาราชิก พี่หลวงย้อยท่านก็ทำถูกแล้ว ผมไม่โกรธและผมไม่เคยรู้จัก หรือมีเรื่องโกรธแค้นอะไรกับหลวงพี่ย้อยมาก่อนเลย

ในขณะนี้ผมบล็อกเบอร์โทรศัพท์ทุกเบอร์ ไม่รับของใครเลย เพราะหากรับสายนักข่าวโทรมาเมื่อพูดก็จะแตกประเด็นกว้างขวางออกไป เรื่องไม่จบเสียที ผมอยากให้เรื่องจบได้แล้ว อย่างไรก็ตามขอให้เบอร์พ่อกับน้าเณรเอ ลุงฑูรย์เอาไว้เพื่อประสานงานติดต่อกัน และจะร่วมกั้นแก้ไขปัญหาในเรื่องคดีให้ยุติด้วยดี และอาจจะนัดกันไปรายการโหนกระแสอีกครั้ง แต่ขอให้พ้นช่วงนี้ไปสักระยะหนึ่ง”

จากนั้น สมีกาโตะ ขอถ่ายภาพร่วมกันเป็นหลักฐาน โดยมีบิดาของสมีกาโตะ และสื่อท้องถิ่นอีก 1 คน ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและเป็นหลักกฐานการเคลียร์ใจ ก่อนที่บิดาของสมีกาโตะ จะแลกเบอร์โทรศัพท์กับนายยุทธนา แต่งวงศ์ และนายไพฑูรย์ อินทศิลา โดยก่อนจากกันสมีกาโตะ กล่าวขอโทษพร้อมยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมย้ำอีกว่า “ผมคงมีบุญมาแค่นี้และพร้อมยอมรับกับวิบากกรรมที่เกิดขึ้น และผมยังต้องไปต่อสู้กับการตรวจสอบของ ปปป. แต่ผมไม่ได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสมาตั้งแต่ต้น จึงไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย”

ทางด้านนายยุทธนา และนายไพฑูรย์ กล่าวว่า พร้อมให้อภัยสมีกาโตะ และให้กำลังใจในการต่อสู้ชีวิตและทำความดีต่อไป โดยเมื่อได้พูดคุยเปิดใจกันทุกเรื่องทำให้รู้สึกเอ็นดู สงสารสมีกาโตะ เพราะดูเหมือนเขาจะตกเป็นเหยื่อทั้งสีกาตองและพระดอน ปัญหาตอนนี้คือติดต่อพระดอนไม่ได้อยากจะพบและเปิดใจพูดกับพระดอนให้เคลียร์เหมือนกับสมีกาโตะ เพราะเราเดินอยู่บนเส้นทางสื่อมวลชนมาตลอด นายไพฑูรย์ เป็นสื่อมวลชนมา 32 ปี นายยุทธนากว่า 15 ปี เรื่องนี้เสียหายมาก เราจะต้องปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีที่สร้างมายาวนาน นักข่าวแจ้งความไม่ได้หวังจะเรียกค่าเสียหายใดๆ และหากทุกคนเปิดใจพูดความจริงให้สังคมรับรู้ว่าที่ผ่านมานักข่าวเมืองนครศรีธรรมราชไม่สามารถใช้เงินเคลียร์ปิดปากได้ หากติดต่อพระดอนได้ อยากท่านออกมาพูดชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง และอาจจะติดต่อขอ “หนุ่ม กรรชัย”ไปร่วมออกรายการโหนกระแสอีกครั้ง เพราะเรื่องถูกเปิดเผยกลางรายการ ก็ควรจะจบในรายการโหนกระแสเช่นกัน ซึ่งนอกจากเราที่เป็นตัวแทนสื่อ 2 คนแล้วต้องมีทั้งสมีกาโตะ พระดอน ร่วมรายการด้วยทุกอย่างก็จบลงได้อย่างหมดข้อกังขา ส่วนเรื่องคดีของสมีกาโตะ และพระดอน เขาก็ต่อสู้กันเอาเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กองทัพภาคที่ 4 ชี้แจงปม 3 ทหารใช้ปืนแบลงค์กันยิงข่มขู่นักมวย พร้อมสอบเอาผิดวินัย-อาญา

กองทัพภาคที่ 4 ชี้แจงกรณี 3 ทหารกราดยิง 20 นัดข่มขู่นักมวยขณะวิ่งออกกำลังกายริมถนน-ยึดปืนปืนแบลงค์กันของกลางพร้อมตั้ง กก.สอบเอาผิดทั้งวินัยและอาญา

จับเรือประมงเวียดนาม รุกล้ำน่านน้ำไทย ตั้ง 3 ข้อหาหนัก

พลเรือโท พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ได้สั่งการให้เรือหลวงสัตหีบ ลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ โดยเวลา 11.15 น. วันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา เรือหลวงสัตหีบ ตรวจพบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม

อึ้งไม่ฟุ่มเฟือย! 'รมว.ยธ.' ใช้งบ 6 แสน รับตัว 'แป้ง นาโหนด'

'ทวี' แจงงบใช้ 6 แสน นำตัว ‘แป้ง นาโหนด’ กลับไทยดำเนินคดี ยันถูกกว่าใช้เครื่องบินพาณิชย์ เผยตำรวจหารือราชทัณฑ์ ส่งเข้าส่วนกลางได้หรือไม่

หมดสติ 11 ราย ลูกเรือสูดก๊าซไข่เน่าในห้องเก็บปลาใต้ท้องเรือ สาหัส 4

เกิดเหตุระทึกที่เรือประมงลำหนึ่งที่จอดเทียบท่าบริเวณแพปลาแห่งหนึ่ง หมู่บ้านด่านภาษี ม.9 ต.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช