
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 สั่งติดตามเร่งคดีฆ่าชาวแคนาดา พบใช้หนังสือเดินทางของคนอื่นเข้ามาทางประเทศมาเลเซีย พร้อมติดต่อสถานทูตตรวจสอบประวัติ
6 ก.พ. 2565 – ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เวลา 15.20น. จากกรณี Mr.Singn Mandeep (นายซิง แมนดีฟ) ชาวแคนาดา ถูกคนร้ายสองคนใช้อาวุธปืนรัวยิงกว่า 10 นัด เสียชีวิต บริเวณหน้าวิลล่า Aโรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ตำบลราไวย์ เหตุเกิดเมื่อเวลา22.30น.วันที่ 4 ก.พ.65
ล่าสุดพลตำรวจโท อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า ได้สั่งการให้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และผู้กำกับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต แบ่งงานใหัทุกหน่วยที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้ง ตม. ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน กองสืบสวนภาค 8 และสืบสวนภูธรจังหวัด และ สภ.ฉลอง มาช่วยกัน อันดับแรกให้รู้ก่อนว่าผู้ตายเป็นใคร เพราะว่า เบื้องต้นเขาใช้พาสปอร์ตหนังสือเดินทางที่ไม่ใช่ชื่อเขา เป็นชื่อของคนอื่นและในลักษณะไม่ใช่ของตัวเอง เอามาใช้เดินทางเข้ามาตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2565 เข้ามาทางมาเลเซีย มาภูเก็ตโดยเครื่องบินส่วนตัว มาเช่าบ้านอยู่ที่เกิดเหตุ ที่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ในพื้นที่ของ สภ.ฉลอง
พลตำรวจโท อำพล ระบุว่า ปรากฎว่า จากการ ตรวจสอบ เข้ามาเช่าตั้งแต่เดือน พ.ย.แสดงว่าเขาเข้ามา และคนร้ายสองคนที่เข้ามาได้มีพยานได้เห็นบ้างได้สอบปากคำไปแล้ว แบ่งงานให้ทำทางด้านกล้องวงจรปิด ทางด้าน ตม. และติดตามสถานที่พักต่างๆ เกี่ยวกับลักษณะคนร้ายว่าไปพักที่ไหนก่อนที่จะทราบว่าคนร้ายมารถอะไรหรือยานพาหนะอะไร
“วันนี้ทุกหน่วยจะสรุปผลการปฏิบัติตั้งแต่เมื่อวานนี้ให้ทราบ จะได้รู้ว่ามีประเด็นสาเหตุอะไรกันบ้าง ที่เขาเป็นคนอินเดีย จริงๆชื่อจิมมี่ แต่ใช้ชื่อคนอื่นมา ลองดูว่าประเด็นสาเหตุจะมีอะไรบ้าง ติดต่อสถานทูตแคนาดาด้วย ดูประวัติเขาด้วยว่ามีประวัติอะไรบ้าง มีโกรธเคือง หรือ มีความผิดอะไรบ้าง มีหนีคดีอะไร หรือมีเรื่องอะไรเกี่ยวพันกับกลุ่มคนไหนบ้าง รวมทั้ง ผู้เสียชีวิตเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ ทางตม.ภูเก็ต หน่วยงานตำรวจท่องเที่ยวที่ประสานไปจะสรุปให้ว่ามีอะไรบ้างขอให้ประชุมก่อน และทางการอินเดียได้ประสานไป ทางญาติและเพื่อนของเขาคงเดินทางมาให้ข้อมูลบ้าง แบ่งงานกันไปทำแล้ว วันนี้ที่ประชุมคงสรุปและรายงานให้ทราบ” พลตำรวจโท อำพล ระบุ
จากนั้น พลตำรวจโท ได้ร่วมเป็นประธานการประชุมติดตามคดีฯ โดยมี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมสรุปรายงานการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กต. เร่งชี้แจงทูตอินเดีย รื้อถอนสิ่งก่อสร้างเพื่อควบคุมพื้นที่ ไม่ใช่เทวสถาน
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงแนวทางของกระทรวงการต่างประเทศ ต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการประชุม เช่น วานนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
กองทัพแจงรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแปลกปลอมในพื้นที่อธิปไตยไทย ไม่ใช่ศาสนสถาน
ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ตามที่มีการเผยแพร่ภาพและคลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีลักษณะคล้ายประติมากรรมทางศาสนา ในพื้นที่ใกล้แนวชายแดนไทย–กัมพูชา จนก่อให้เกิดความห่วงกังวลและการตีความที่หลากหลายในสังคมนั้น
นายกฯ ลั่นทำลายรูปปั้นสัญลักษณ์เขมร เทียบไม่ได้กับทหารไทยขาขาด มองอินเดียตำหนิ ให้เป็นเรื่องแค่ 2 ประเทศ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ภายหลังมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ GBC ระดับเลขานุการ ระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชาที่ จ.จันทบุรี
'นักข่าวเทวดา' ซัดทหารไทยเมาสงคราม สื่อ-กองเชียร์สิ้นคิดทำลายรูปปั้นเทพเจ้าฮินดู จี้รัฐบาลขอโทษอินเดียด่วน
นายประวิตร โรจนพฤกษ์ นักเคลื่อนไหว และผู้สื่อข่าวประจำข่าวสดภาคภาษาอังกฤษ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า นี่ก็อาการเมาสงคราม! ถามจริง ตอนนี้เมาจนสังคมขาดสติ ไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้าง และสร้างความรู้สึกยี้ให้กับต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ?
อินเดียดราม่า! ออกโรงตำหนิไทยรื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าฮินดูในพื้นที่พิพาท ทำร้ายจิตใจผู้ศรัทธาทั่วโลก
เพจ Army Military Force โพสต์ข้อความว่า อินเดียแถลงตำหนิไทย กรณีรื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าในพื้นที่พิพาท ชี้กระทบความรู้สึกผู้ศรัทธาทั่วโลก
คดีพลิก! ผบ.ตร. เผยวัตถุปริศนาว่อนสุวรรณภูมิ เป็นแสงเครื่องบิน-หมู่ดาว ไม่พบบินโดรนพื้นที่ต้องห้าม
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงการตรวจพบโดรนรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า ได้รับรายงานเหตุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าพบวัตถุลักษณะคล้ายโดรนบินอยู่บริเวณปลายเส้นทางบินรันเวย์ที่ 1 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังรับแจ้งได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค

