คุก 3 ปี ปรับ 3 แสน! เตือนซื้อไม้สวอป หวังติดโควิดเอาเงินประกัน

4 ก.พ.2565 – พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขอเตือนผู้ที่ตั้งใจติดเชื้อโควิด-19 เพื่อหวังจะได้เงินประกัน มีโทษหนักทั้งโทษปรับและโทษจำคุก อีกทั้งยังเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนี้

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังคงอยู่ในห้วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทประกันหลายแห่ง มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด และได้มีการทำประกันโควิด-19 ให้แก่ผู้คนที่สนใจ ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการติดโรคโควิด-19 โดยไม่ได้ตั้งใจ ให้มีเงินในการรักษาจุนเจือครอบครัวในระหว่าง ที่ไม่ได้ทำงาน แต่กลับมีคนบางกลุ่มอาศัยช่องว่างในการแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่มิชอบ โดยการทำพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงให้ตนเองติดโรคโควิด-19 เพื่อหวังจะเอาเงินประกัน ดังเช่นที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ในกรณีที่มีการทักข้อความเพื่อขอซื้อไม้ swab ต่อจากผู้อื่นที่ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา(COVID-19) ให้ตนมีความเสี่ยงในการติดเชื้อดังกล่าว เพื่อที่จะได้รับเงินประกัน ซึ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากถึงความเหมาะสม โดยผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ส่วนมากมีความเห็นไปในทางที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นการเพิ่มภาระทางสาธารณสุขโดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำความเดือดร้อนของประชาชนอีกด้วย

ถ้ามีการกระทำในลักษณะดังกล่าว นอกจากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและอาจอันตรายถึงชีวิตแล้ว หากมีการติดโควิด-19 โดยเจตนาจริง เพื่อหวังจะได้เงินประกัน อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฉ้อฉลประกันภัย ตามมาตรา 114/4 แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 และมาตรา 108/4 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 4 ) พ.ศ.2562

ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดเรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยทุจริตหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการเรียกร้อง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรค ว่าติดเชื้อมาจากสาเหตุอื่นที่ไม่เป็นความจริง ก็จะเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งทางบริษัทประกันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการจ่ายเงินประกันได้ และอาจถูกทางบริษัทประกันฟ้องร้องกลับก็เป็นได้

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าวนอกจากจะผิดกฎหมายและเกิดผลเสียกับตัวผู้กระทำแล้ว ยังเป็นการเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสต่อสังคมโดยรวมด้วย ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการปฏิบัติตามนโยบายสาธารสุข และคำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในภาพรวม รวมถึงขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องผู้ที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงและสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยหากพบเห็นเบาะแสหรือพบการกระทำความผิดอื่นๆ สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่อ' สั่งนครบาลสอบด่วน! ป้ายซื้อขายพาสปอร์ต ผิดจริงฟันแน่

'ผบ.ตร.' สั่งตรวจสอบที่มาของป้ายโฆษณาภาษาจีน รับทำหนังสือเดินทาง-ขอสัญชาติต่างๆ กำชับ สตม. ตรวจสอบ คัดกรองคนต่างด้าว เจอกระทำผิดฟันตามกฎหมายทุกมิติ

‘บิ๊กเอก’ ยกเสียงสะท้อนจากตำรวจ เจ็บปวดผู้มีอำนาจข่มขืนองค์กร ถึงเวลาต้องปฏิรูปตร.

อีกเสียงสะท้อนจากนายตำรวจ ที่สื่อสารออกมา อย่างเจ็บปวด เปรียบเทียบให้เห็นภาพองค์กรตำรวจ ผู้มีอำนาจทางการเมือง อดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทำอะไรไว้ ควรที่จะปฏิรูปตำรวจอีกหรือไม่

'อดีตผช.ผญบ.' ยิงกำนันสาวเจ็บสาหัส ก่อนฆ่าตัวตายหนีความผิด

'อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน' ใช้อาวุดปืน .38 จ่อยิงกำนันสาว ต.แก่งโสภา จนบาดเจ็บสาหัส กลางงานเลี้ยง ก่อนยิงตัวเองเสียชีวิตหนีความผิด

จับแล้ว! ปู่หื่นล่วงละเมิดหลานสาว 7 ขวบ ซ่อนตัวในคราบผ้าเหลือง

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบ TOP G จับกุม นายหนูกุน หรือจ่อย อายุ 57 ปี

นายกฯ นำยึด 'โทลูอีน' สารตั้งต้นยาเสพติด ล็อตใหญ่ 90 ตัน

'เศรษฐา' ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบับ นำยึด 'โทลูอีน' สารตั้งต้นยาเสพติดล็อตใหญ่กว่า 90 ตัน พบต้นทางเกาหลีใต้ปลายทางเมียนมา กำชับ ตร. ดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ หลังเกิดเหตุปะทะ อ.เชียงดาว