
14 ก.พ. 2568 – ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. เปิดเผยก่อนร่วมประชุมกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC เพื่อจัดตั้ง Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce ว่า การประชุมวันนี้เป็นการหารือเรื่องรายละเอียดที่ทางการไทยได้รวบรวมข้อมูลมาจากมาตรการปราบปรามกระบวนการคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ทั้งการตัดการจ่ายไฟ ระงับสัญญาณโทรศัพท์-อินเตอร์เน็ต และงดจ่ายน้ำมันตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อกำหนดแนวทางในการทำงานร่วมกัน
ส่วนที่แก๊งอาชญากรมีการย้ายฐานการกระทำผิดจากจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ไปเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชานั้น ส่วนตัวยังคงมองว่ามาตรการ 7 ข้อของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้ผลในการปราบปราบการทำผิดรูปแบบดังกล่าว สิ่งที่ตำรวจทำคือใช้แผนนี้กับประเทศอื่นๆต่อในการแก้ไขปัญหาการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สิ่งหนึ่งที่ตำรวจไทยพบ คือประเทศเพื่อนบ้านล้วนใช้ทรัพยากรทั้งหมดจากประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต สัญญาณโทรศัพท์ และบัญชีธนาคารก็ใช้ของประเทศไทย อีกทั้งคนไทยจำนวนมากมีการไปทำงานฝั่งประเทศกัมพูชาและลาวส่วนนี้ทำให้เรามองว่าเป็นมิติที่ทางการไทยต้องมุ่งระเบิดสะพานโจรล้มปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านใช้ทรัพยากรของไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ใช้มาตรฐานอะไรในการคัดกรองคัดแยกระหว่างเหยื่อกับกลุ่มมิจฉาชีพ พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า ปัจจุบันใช้แบบสอบถามและขั้นตอนของกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) รวมทั้งใช้มาตรการสืบสวนสอบสวนเข้ามาร่วมด้วย โดยใช้ฐานข้อมูลจากระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและข้อมูลจากแต่ละสถานทูตมาเชื่อมโยงกัน ขณะนี้ทางการจีนได้ให้ข้อมูลมาที่ไทยแล้วว่ากลุ่มคนที่ไปทำงานที่ฝั่งประเทศเมียนมา มีรายชื่อ 3,700 คน ที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนในขบวนการค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ที่ผ่านมาจากการที่ตำรวจเราคัดกรองบุคคลเข้าพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เกือบ 100% เต็มใจที่จะเดินทางเข้าไปประเทศเพื่อนบ้านต่อมีอยู่เพียง 2-3 รายเท่านั้น ที่แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่าถูกหลอกลวงมา ยืนยันได้ว่าบุคคลทั้งหมดทางการไทยไม่พบการบังคับขู่เข็ญ ส่วนนี้จึงเป็นข้อมูลที่เราสื่อสารกับทั่วโลกได้ว่าคนที่มาประเทศไทยไม่ได้ถูกประเทศไทยหลอก และตัวเลขเหล่านี้ตนยืนยันว่าเป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วย ไม่มีทางที่หน่วยระดับปฏิบัติการจะสร้างข้อมูลหลอก
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่ตำรวจยืนยันว่าไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย จะเป็นการฟอกขาวให้ข้าราชการในพื้นที่หรือไม่ พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกัน เพราะคนที่ถูกเข้ามาช่วยราชการยังไม่มีความผิด ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ และขอยืนยันว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการว่า หากพบมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นก็พร้อมดำเนินคดีกับทุกคน
ส่วนกรณีที่มีคำสั่งย้ายข้าราชการตำรวจนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์และเมียวดีคอมเพ็ลกซ์หรือไม่นั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส ส่วนที่นายตำรวจดังกล่าวต้องถูกตรวจสอบในช่วงนี้เป็นเพราะอยู่ในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ถึงแม้ว่าก่อนหน้าไม่ได้ทำ แต่หากพบว่าสถานการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นก็จะมีการดำเนินการ
เมื่อถามถึงกรณี นายพล ต. มีกระแสข่าวว่ามีความเกี่ยวข้องกับเมียวดีคอมเพล็กซ์ จะถือว่าผิดจริยธรรมไหม พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตม. ตรวจสอบโรงเรียนในสลัมพม่า กลางเมืองภูเก็ต ไม่พบความผิด
เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. , เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง , เจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดภูเก็ต เข้าไปตรวจสอบสถานที่ซึ่งเป็นกระแสสังคมดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ใน ซ.หัชนานิเวศน์ 2/9 ถ.อนุภาษภูเก็ตการ ต.ตลาดใหญ่
'ทักษิณ' ชี้สหรัฐฯไม่อัปเดตข้อมูล ประณามไทยส่งอุยกูร์กลับจีน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่าตกใจ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีสหรัฐอเมริกาจ่องดออกวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทย ตอบโต้ผู้เกี่ยวข้องส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ว่า เรื่องนี้เกิดจากสหรัฐฯ ไม่มีข้อมูลที่อัพเ
สั่งกวาดล้าง 'แก๊สหัวเราะ' ระบาดหนักสถานบันเทิง อันตรายถึงชีวิต
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงต่างๆ ให้หลีกเลี่ยงการใช้ลูกโป่งแก๊สหัวเราะ หรือการซื้อแก๊ส Nitrous oxide
โชเฟอร์แท็กซี่สตาร์ทรถนอน ชาวบ้านพบหมดสติน้ำลายฟูมปาก รีบแจ้งกู้ภัย
ศูนย์วิทยุกู้ชีพปราการ ได้รับแจ้งว่า พบโชเฟอร์รถแท็กซี่นอนหมดสติในรถแท็กซี่ มีน้ำลายฟูมปาก เหตุเกิดภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ถนนสุขุมวิท
ตำรวจรวบ 'โจ๊ะ บ้านค้อ' เอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่!
ตำรวจขอนแก่นจับกุม “โจ๊ะ บ้านค้อ” เอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมยาบ้ากว่า 6,000 เม็ด หลังซุกซ่อนในป่ามันสำปะหลังและกระทำผิดช่วงกลางคืน อ้างชะล่าใจคิดว่าตำรวจไม่ทำงาน