10 ม.ค.2568 - ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ได้ยื่นคำร้องขอสืบพยานบุคคลก่อนฟ้องในคดีที่ พนักงานอัยการ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม อดีตทหารเรือ ผู้ต้องหายิง นายลิม คิม ยา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวกัมพูชา เสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยคำร้องระบุว่า ด้วย สน.ชนะสงครามได้มีหนังสือถึงผู้ร้อง เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ขอให้สืบพยานไว้ก่อนฟ้องคดี เนื่องจากพยานเป็นชาวต่างชาติและจะเดินทางกลับประเทศ โดยปรากฎข้อเท็จจริงว่า
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. เวลากลางวัน นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ได้พา อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดติดตัวไปยังบริเวณ วงเวียน 13 ห้าง ถนนสิบสามห้าง แขวงบวรเดช เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร อันเป็นบริเวณในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร จากนั้นผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ โดยเจตนาฆ่า นาย ลิม คืน ยา (Lim Kim Ya) สัญชาติ กัมพูชา ผู้เสียหาย และโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้ใช้อาวุธ
ปืนดังกล่าวซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ได้ตระเตรียมมายิงไปยังบริเวณกลางลำตัวตัวด้านหลังของผู้เสียหายจำนวน 3 นัด และกระสุนปืนถูกบริเวณหน้าอกข้างซ้ายของผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความความ ในบริเวณที่เกิดเหตุสมดังเจตนาฆ่าของจำเลย อันเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 89(4),
371, 376 พรบ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯเหตุเกิดที่ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนคดีนี้แล้ว แต่เนื่องจาก พยานทั้ง 2 ปาก เชื้อชาติ กัมพูชาสัญชาติ ฝรั่งเศส และมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เเละมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองเป็นประจักษ์พยานสำคัญในคดี มีความจำเป็น ที่จะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ 11 ม.ค.2568 ซึ่งจะเป็นการยากแก่การนำพยานทั้งสองปากนี้มา เบิกความต่อศาลในภายหน้า จึงขออนุญาตนำพยานทั้งสองปากดังกล่าวเข้าสืบพยานก่อนฟ้อง ในวันที่ 10 ม.ค. โดยผู้ร้องได้นำตัวพยานทั้งสองพร้อมล่ามสำหรับพยานทั้งสองมาศาลแล้วโดยพยานทั้งสองอยู่ในระหว่างการคุ้มครองของเจ้าพนักงานตำรวจ ขอศาลได้โปรดออกนั่งพิจารณาเพื่อทำการสืบพยานล่วงหน้า ขณะนี้ นายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ ถูกจับกุมได้ที่ประเทศกัมพูชา ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในราชอาณาจักรไทย
ที่พิจารณาคดี 811 ผู้พิพากษาออกบัลลังก์สืบพยานล่วงหน้าตามคำร้องโจทก์ โดย1 ในนั้นมีพยานปากภรรยาชาวฝรั่งเศสของนายลิม คิม ยา เข้าให้การสืบพยาน
ภรรยาของผู้ตายให้การว่า ผู้ตายประกอบอาชีพเป็นวิศวะกรด้านการเงิน และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในประเทศกัมพูชาซึ่งเป็นพรรคการเมืองในซีกฝ่ายค้าน และยืนยันว่าสามีของตนอย่างนายลิม คิม ยา
ไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองหรือกระทบกระทั่งกับผู้ใดมาก่อน ภรรยาของนายคิมให้การต่อว่า ในวันเกิดเหตุตนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยพร้อมกับลิม คิม ยา และพี่เขยเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ไปพักผ่อนยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเป็นเวลา 4 วัน ก่อนที่จะเดินทางมายังประเทศกัมพูชาและผ่านเข้ามายังประเทศไทยผ่านเส้นทางบริเวณชายแดนปอยเปต ในวันเกิดเหตุ ตนและนายลิม คิม ยา เดินทางมาถึงยังจุดเกิดเหตุบริเวณใกล้กับวัดบวรนิเวศซึ่งเป็นบริเวณที่มีจราจรติดขัดก่อนที่ตน พี่เขยและนาย ลิม คิม ยา จะนำสำภาระลงจากรถบัสและเดินไปข้ามถนนยังด้านหลังเพื่อไปยังฟุตบาตกลางถนน ปรากฏว่า หลังจากนั้นตนได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงประทัดดังขึ้นประมาณ 2 ครั้งจากบริเวณข้างหน้า จึงหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าตนพบเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อยืด หันหน้ามาทางตน แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นชาวบ้านทั่วไปที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น หลังจากนั้น ชายคนดังกล่าวได้ขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับหนีไป
ต่อมาทนายความได้นำรูปของนายเอกลักษณ์มาให้ภรรยาของนายคิมดู เพื่อให้เทียบว่าใช่คนเดียวกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งภรรยาของนายคิมมั่นใจว่าใช่คนเดียวกัน ภรรยาของนายคิมให้การต่อว่า ภายหลังจากที่เกิดเสียงดังคล้ายประทัดดังขึ้นแล้ว พี่เขยของตนได้ตะโกนขึ้นมาว่านายลิม คิม ยา ถูกยิง ซึ่งในขณะนั้นนายลิม คิม ยา ยังไม่เสียชีวิตแต่ว่าไม่มีสติแล้ว ตนพบว่าสามีของตนเองถูกยิงตรงบริเวณด้านหลัง 2 นัด หลังจากนั้นตนพยายามช่วยชีวิตด้วยวิธีการ CPR
แต่ปรากฏว่าสามีของตนอาการแย่ลงเรื่อย ๆ มีเลือดออกจำนวนมาก จึงขอความช่วยเหลือจากประชาชนรอบข้างแต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย ผ่านไปสักพักจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมกับแพทย์เข้ามาทำการช่วยเหลือ แต่ในเวลานั้นหลังจากที่ตนจับชีพจรของสามีปรากฏว่าสามีของตนชีพจรไม่เต้น จึงทำให้มั่นใจว่าสามีของตนได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยพี่เขยของตนเห็นชี้เป้าอยู่บนรถโดยสารประจำทาง หลังจากนั้นภรรยาของนายลิม คิม ยา ให้การอีกว่า เวลาที่สามีของตนถูกยิงคาดว่าเป็นเวลาประมาณ 17.30-17.45 น. และหลังจากนั้นตนได้ไปให้ปากคำที่ สน.ชนะสงคราม โดยยืนยันว่าไม่มีการบังคับขู่เข็ญในชั้นสอบสวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลสั่ง‘กกต.’แจง10ข้อ ใช้อำนาจมิชอบคดีฮั้วสว.
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่ง 7 กกต.และเลขาฯ แสวง แจง 10 ข้อหาคดีฮั้วเลือก สว.
ประหารชีวิต 'เชษฐ์ ปาดัง' กับพวกรวม 7 คน คดีจ้างฆ่าคนสนิทแป้งนาโหนด
ศาลอ่านคำพิพากษาประหารชีวิต นายธีระพงศ์ หรือเอ็ม สงเคราะห์ กับพวกรวม7 คน ในความผิดฐานจ้างวานฆ่านายประศาล คงนุ่น หรือ หมีขาว ป่าบอน อายุ 54 ปี คนสนิท ของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "เสี่ยแป้ง นาโหนด" จนเสียชีวิตริมถนนในหมู่บ้านสายทุ่งนา บ้านห้วยปลิง ม.4 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา
ศาลสั่งจำคุก ไม่รอลงอาญา อดีตผู้สมัครท้องถิ่น อ้างวิ่งเต้นผู้พิพากษา
โฆษกศาลยุติธรรมเผย ศาลอาญาลงโทษจำคุกไม่รอลงอาญา อดีตผู้สมัครการเมืองท้องถิ่น แอบอ้า
อดีต สส.พรรคส้ม 'จิรัฏฐ์' ถอดใจ ไม่ไปต่อ เมียขอลงสมัครแทน
พรรคส้มยันไม่ปกป้อง สส.จิรัฏฐ์ ถูกตัดสินจำคุก คดีปลอมใบ สด.43 ย้ำ เป็นสิทธิเจ้าตัวพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม เผยตัดสินใจมานานแล้วจะไม่ลงสมัครต่อ แต่ ภรรยา "จิรัฏฐ์" ได้แสดงความประสงค์สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค
กระทบมั่นคงชาติ! เปิดเหตุผลศาลสั่งคุก ‘จิรัฏฐ์’ เจตนาใช้เอกสารราชการปลอม
เปิดเหตุผลศาลอาญา ระบุการกระทำของจำเลยส่งผลต่อกระทรวงกลาโหมและประชาชน กระทบความมั่นคงของชาติ เห็นว่ามีเจตนาใช้เอกสารราชการปลอม เข้าข่ายความผิดกรรมเดี
ด่วน! ศาลสั่งคุกไม่รอลงอาญา อดีต สส.จิรัฏฐ์ พรรคประชาชน เซ่น สด.43 ปลอม
ที่ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาลงโทษจำคุกนายจิรัฏฐ์ หรือนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ อดีต

