5 ม.ค. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา พล.ต.ต. สุคนธ์ ศรีอรุณ (ผู้บังคับการตรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์) พร้อม นายแพทย์ ชวมัย สืบนุการณ์ (ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์) อาคาร ชั้น2 สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ได้มีการแถลงข่าว จากกรณีข่าวดัง “เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไประงับเหตุผู้ป่วยผ่าตัดไส้ติ่งคุ้มคลั่ง”อาละวาดหนักทุบเอาขวานจากตู้ฉีดน้ำดับเพลิงอาคาร เพื่อจะทำร้ายเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยในโรงพยาบาล ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสภ.เมืองสุรินทร์ ได้เข้ามาระงับเหตุ ซึ่งได้มีการเจรจาพูดคุยแต่ไม่เป็นผล
คนไข้รายนี้ได้มีอาการยิ่งแต่คุ้มคลั่งหนักกว่าเดิม และได้นำขวานเข้ามาจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อระงับเหตุ จากบริเวณขาแต่ก็ไม่หยุด และกระสุนได้เข้าบริเวณกลางหน้าอกจนทำให้ทางด้านชายดังกล่าวเสียชีวิต จากกระแสข่าวดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากวิจารณ์อย่างหนักหน่วง ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยบางคนก็ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ บ้างก็บอกว่าถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ยิงระงับก็อาจมีการสูญเสียมากกว่านี้ วันนี้ทางผู้การจังหวัดสุรินทร์ และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ได้ชีแจ้งถึงเรื่องราวของของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น และรวมไปถึง หัวหน้าเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหวอด9/4 ที่ทราบการณ์ดังกล่าวเธอถึงกับอยู่ในอาการจิตตก
พล.ต.ตสุคนธ์ ศรีอรุณ (ผู้บังคับการตรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์) กล่าวว่า เมื่อวาน (3 ม.ค.68) สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งเหตุมีคนอาละวาดอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และได้สั่งการให้สายตรวจไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุที่โรงพยาบาลสุรินทร์อยู่ภายในตึก 9 ชั้น 4 เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบชายดังกล่าวอยู่ในอาการอาละวาด ในมือถือขวานซึ่งเป็นอุปกรณ์ผจญเพลิงซึ่งติดตั้งอยู่ที่โรงพยาบาล เป็นอาวุธด้วยที่ถือด้วยมือข้างขวา แล้วก็มือข้างซ้ายถือเสาน้ำเกลือ สายตรวจที่ลงพื้นที่ทั้ง2นาย ก็ดำเนินการตามหลักยุทธวิถีที่ได้รับการฝึกฝนมา และได้มีการพูดเจรจาเพื่อให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธลงเพื่อให้อยู่ในภาวะที่จะให้ควบคุมได้
แต่ปรากฏว่าการเจรจาไม่เป็นผล เนื่องจากว่าผู้ก่อเหตุมีลักษณะอาการที่ห้ามแล้วก็ไม่รับฟัง ก็ได้ตรงเข้าหาทางเข้าหาสายตรวจทั้ง 2 นาย จริงๆมีสายตรวจที่ยืน Backup อยู่ด้านหลัง 2 นาย แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล และก็มีหัวหน้าวอร์ดอยู่บริเวณด้านหลังบริเวณประตูทางเข้าด้วย รวมเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกประมาณ 20 กว่าคน คนตายได้เพ่งตรงเข้ามา จะใช้อาวุธขวานในมือ จะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอย แล้วก็ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงลงพื้น เพื่อจะให้ชายที่ก่อเหตุหยุดอาละวาด แล้วก็ลดอาวุธตามสั่งปรากฏว่าก็ยังไม่หยุด ก็เลยยิงไปถูกบริเวณขาก่อน แล้วก็ไล่มาโดนแขนจนนัดสุดท้ายก็โดนบริเวณลำตัว แล้วก็ล้มลง หลังจากนั้นก็ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าควบคุมแล้วก็ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งตอนนั้นทางทางคณะแพทย์พยาบาล ที่อยู่ใกล้เคียงก็นำตัวเข้าไปรักษา จนกระทั่งผู้ก่อเหตุผลที่บาดแผลไม่ไหว แล้วก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา และทราบต่อมาว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ผู้ก่อเหตุก็ได้เข้าไปพยายามที่จะทำร้ายร่างกายคนป่วยคนอื่นๆ ซึ่งในนั้นยังมีคนป่วยอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วก็ยังมีผู้ป่วยที่เป็นผู้ป่วยสูงอายุมากถึง 80 ปีแล้วก็ผู้ป่วยติดเตียงด้วย
นายแพทย์ ชวมัย สืบนุการณ์ (ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์) กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยที่มีลักษณะนิสัยแบบนี้พบได้ค่อนข้างที่จะมากขึ้น ซึ่งเคสดังกล่าวเป็นเคสที่ได้รับการส่งตัวมาจากโรงพยาบาลจอมพระ เนื่องด้วยมีอาการไส้ติ่งอักเสบ และได้มีการผ่าตัดเรียบร้อยและทราบว่าทางผู้ตายนั้นมีประวัติเสพติดสุรา พอช่วงเช้าวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา เริ่มให้รับประทานอาหารได้หลังจากเวลา 12.00 น. ได้รับการรายงานมาจากเจ้าหน้าที่ว่ามีอาการพูดจาสับสน และมีการตรวจประเมินอาการขาดสุรา หลังจากการประเมินคะแนนในการประมาณอยู่ที่ระดับ 4 เป็นระดับที่เฝ้าระวังและได้มีการดูแลผู้ป่วยรายนี้อย่างใกล้ชิด และมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมาอยู่บริเวณใกล้ชิดเจ้าหน้าที่เพื่อให้มีความปลออดภัย และได้มีการให้ยาเพื่อระงับอาการแต่ผู้ป่วยก็ยังไม่สงบ ก่อนจะลุกขึ้นบนเตียงพร้อมกับกระชากสายน้ำเกลือออกและคว้าเสาน้ำเกลือเดินออกไปทำร้ายบุคคลากรและคนไข้ และได้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวน 20 ราย มาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อระงับเหตุเบื้องต้น และมีเครื่องมือทางการแพทย์เสียหายเป็นจพนวนมากอีกด้วย และที่สำคัญก็คือคนก่อเหตุจะเข้าไปดึงสายท่อช่วยหายใจออกจากปากผู้ป่วยวิกฤต ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาระงับเหตุได้ทันเวลา หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นทางโรงพยาบาลได้เร่งช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถเพื่อให้ทันท่วงทีและได้มีการส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดและมีทีมแพทย์นับ 10 ชีวิต มาช่วยเหลือในที่สุดก็เกิดความสูญเสีย ทางกระทรวงสาธารณะสุขพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญก็คือการเยี่ยวยาจิตใจเจ้าหน้าที่ที่ดูแลและปกป้องชีวิตของคนไข้ และไม่อยากให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก จึงอยากฝากเตือนคนที่เสพติดการดื่มสุราหรือบุหรี่ไฟฟ้า ใครที่เสพติดเป็นจำนวนมากอยากให้ลดลงเพื่อกันเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
สัมภาษณ์ หัวหน้าวอร์ด ดังกล่าวที่เกิดเหตุ กล่าวว่าในขณะที่เกิดเหตุตนได้รับรายงานมากจากเจ้าหน้าที่บุคคลากรทางโรงพยาบาลและมีการรายงานเป็นลำดับตามระเบียบโรงพยาบาลหลังจากเกิดเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นได้มีการย้ายผู้ป่วยติดเตียงไปในที่ที่ปลอดภัย และได้มีเสียงทุบกระจกเสียงดังซึ่งน้องพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เล่าบอกว่าตอนนั้นได้หลบอยู่ในห้องน้ำซึ่งคนตายได้อาละวาดทุบกระจกและได้ยินเสียงมือบิดลูกดประตู และในขณะนั้นได้มีญาติของคนไข้ได้ช่วยกันดันประตูไม่ให้ผู้ก่อเหตุเปิดประตูเข้ามายังห้องเจ้าหน้าที่ได้ เหตุการณ์นี้ในขณะที่ตนเองเป็นหัวหน้าตึก 9 ชั้น 4 หลังจากเหตุการณ์สงบตนได้มาพูดคุยกับน้องพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ในขณะที่เกิดเหตุน้องพยาบาลคนนี้ได้เข้าไปอยู่ในห้องน้ำพร้อมกกับกอดคนไข้ร้องไห้ ถ้าเกิดว่าคนก่อเหตุสามารถเปิดประตูเข้าไปได้เสียชีวิตแน่นอนเพราะมีอาวุธติดมือไปด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ศรชล.ภาค 3' ปฏิบัติภารกิจด่วนช่วยลูกเรือปานามา ป่วยฉุกเฉินกลางทะเลอันดามัน
'ศรชล.ภาค 3' ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลูกเรือสินค้าปานามา ป่วยฉุกเฉินกลางทะเลอันดามัน เร่งนำขึ้นฝั่งส่งตัวรักษาโรงพยาบาลภูเก็ต
รู้ทัน 'โรคฝีดาษวานร' โรคระบาดป้องกันได้!
แม้ในขณะนี้สถานการณ์ของโรคฝีดาษวานรในประเทศต่างๆ ดีขึ้น จำนวนผู้ป่วยลดลงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่ในประเทศแถบแอฟริกากลางโดยเฉพ