โจรชั่วหลอกยายวัย 77 ปีซื้อมือถือ 6 เครื่องเป็นหนี้หลักแสนในวันเดียว

ยายวัย 77 ปี ลูกไปทำงานอยู่บ้านเพียงลำพัง ถูกมิจฉาชีพชายหญิงหลอกพาเดินทางข้ามจังหวัดให้ซื้อมือถือให้วันเดียว 6 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท โดยอ้างว่าจะให้ค่าจ้าง 1,000 บาท สุดท้ายยายรู้ความจริงว่าตัวเองเป็นหนี้ล็อคบ้านใช้เชือกผูกคอตาย โชคดีลูกสาวมาเห็นช่วยเหลือทัน

23 ม.ค.2565 ที่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 7 ต.บ้านโนน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น นางทองตัด สมณะ อายุ 77 ปี นำหลักฐานข้อมูลการเช่าซื้อโทรศัพท์มือถือจากบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์รายหนึ่ง ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกให้ซื้ออ้างว่าจะให้เงิน 1,000 บาท เป็นค่าจ้าง มาแสดงให้กับผู้สื่อข่าวดู หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพอ้างว่าใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว สามารถซื้อได้ ก่อนที่จะถูกหลอกซื้อไปจำนวนทั้งสิ้นจำนวน 6 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

นางทองตัด กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมาขณะนั่นเล่นอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านตามปกติ มีคนร้ายเป็นชายหญิงจำได้ว่าอยู่หมู่บ้านใกล้เคียง เข้ามาชวนคุยก่อนที่ทั้งคู่จะชวนซื้อโทรศัพท์ ซึ่งตนเองก็บอกไปว่าไม่มีเงินซื้อ โดยคนร้ายว่าไม่ต้องใช้เงินแค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียว พร้อมทั้งจะให้ค่าจ้างเป็นเงิน1,000 บาทด้วยถ้าตกลงจะเอารถมารับ

“ยายหลงเชื่อตกลงตามที่คนร้ายบอก จากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปเอารถยนต์มารับที่บ้าน โดยคนร้ายบอกตอนแรกจะพาไปเซ็นทรัลขอนแก่น แต่ได้พาไปซื้อโทรศัพท์มือถือในห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ จ.อุดรธานี รวม 3 แห่ง (โลตัส/บิ๊กซี/เซ็นทรัลพลาซ่าอุดรธานี) รวมทั้งสิ้นจำนวน 6 เครื่อง โดยซื้อจากศูนย์ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ทั้ง 3 ยี่ห้อ และร้านค้าปลีกอีก 3 ร้าน โดยแต่ละร้านจะให้เซ็นต์ชื่อซึ่งยายอ่านหนังสือไม่ออกอ่านได้แค่ชื่อ ก็เซ็นต์ไปตามที่คนร้ายและร้านค้าบอก และในการสั่งซื้อนั้นจะอ้างว่าเป็นญาติกันตลอด ก่อนจะแล้วเสร็จในเวลาประมาณ 18.00 น. คนร้ายจึงพากลับบ้านแล้วก็ให้เงิน 1,000 บาทตามที่ตกลง โดยไม่รู้ว่าตลอดทั้งวันนั้น คนร้ายได้แอบปิดเสียงเรียกเข้าและยกเลิกการสั่นในมือถือของตนเอง ทำให้ไม่มีใครสามารถ ติดต่อยายได้”

ยายทองตัด กล่าวต่ออีกว่า ในช่วงที่คนราย้พาไปซื้อโทรศัพท์มือถือนั้นได้แจ้งว่าหากมีเอกสารใด ๆ ส่งมาที่บ้านให้ฉีกทิ้งและนำไปทิ้งถังขยะได้เลย เพราะไม่มีผลใด ๆ จนกระทั่งตนเองกลับถึงบ้านเวลา 20.00 น. พบว่าลูกหลานกำลังตามหา และรอด้วยความเป็นห่วง จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง จนทราบต่อมาว่าถูกหลอก ซึ่งตนเองนั้นเสียใจมากเพราะต้องกลายเป็นหนี้กว่า 100,000 บาท จึงตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตาย โดยตั้งใจจะผูกคอตายเพราะคิดว่าทุกอย่างจะได้จบลูกหลานจะได้ไม่เป็นหนี้ เพราะเงินหลักแสนบาทคงไม่มีปัญญาหามาใช้หนี้ได้ อีกทั้งที่บ้านไม่มีไร่นา ลูกหลานก็ยากจนหาเช้ากินค่ำ แต่หลานเข้ามาช่วยเอาไว้ทัน

ขณะที่นางอรทัย ยืนยาว อายุ 46 ปี ลูกสาว บอกว่าคุุณแม่มีลูก 6 คนแต่อาศัยที่หมู่บ้านกับแม่เพียง 3 คนที่เหลือไปทำงานต่างจังหวัด โดยแม่จะพักอาศัยที่บ้านคนเดียว ตนและพี่น้องคนอื่น ๆ อยู่บ้านข้างเคียง ทุกคนมีอาชีพรับจ้าง เช้ามาก็ออกไปทำงานช่วงกลางวันจะปล่อยแม่ไว้คนเดียว พอเกิดเหตุขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะทุกคนก็มีภาระทำงานหากินไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ ที่ผ่านมาก็ได้พยายามทวงถามหญิงสาวที่มาหลอกแม่ ซึ่งทราบชื่อต่อมาว่านางรุ่งนภา ไขกันหา ซึ่งอาศัยหมู่บ้านข้างเคียงกัน และได้รับคำตอบว่าที่ทำไม่ผิดกฎหมายใด ๆ และอ้างว่ายายยินยอมและยังให้เงินยายเป็นค่าจ้างไปแล้ว 1,000 บาท ไม่สามารถเอาผิดได้ พร้อมท้าทายให้ไปแจ้งความ

” หลังเกิดเหตุพอแม่รู้ว่าถูกหลอก คุณแม่ก็เสียใจมากร้องไห้ตลอดเวลากระทั่งคิดสั้นฆ่าตัวตาย อยากให้ตำรวจหรือหน่วยงานที่มำอำนาจทางกฎหมาย เอาผิดคนร้ายทั้ง 2 คนนี้ เพราะอาจจะมีคนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อได้อีก พร้อมอยากจะขอให้ผู้ให้บริการขายโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 ค่าย ช่วยเหลือยกเลิกสัญญาเช่าซื้อของคุณแม่ด้วย เพราะถูกมิฉาชีพมาหลอกทำการซื้อไป ซึ่งจากการสอบถามร้านที่คนร้ายพาแม่ไปซื้อโทรศัพท์พบว่า แม่ได้เซ็นสัญญาซื้อมือถือรวม 6 เครื่อง ประกอบด้วย ซื้อจากค่าย DTAC 1 เครื่อง(ไม่ทราบยี่ห้อ) ทำสัญญาผ่อน 12 งวดๆละ 600 บาท, ซื้อที่ศูนย์ AIS จำนวน 2 เครื่อง ยี่ห้อ OPPO ทำสัญญาผ่อน 12 เดือนๆ ละ 599 บาท, ยี่ห้อ IPHONE13 ทำสัญญาผ่อน 12 เดือนๆ ละ 1,600 บาท, ที่ศูนย์ TRUE จำนวน 3 เครื่องไม่ทราบยี่ห้อ ทำสัญญาผ่อน 12 เดือนๆ 699 , 1,699 และ 1,699 บาท ซึ่งทั้ง 6 เครื่องไม่รวมค่าบริการรายเดือนอีก รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์จำหน่ายมือถือ AIS และ TRUE แจ้งกลับว่าให้แจ้งความก่อน ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการส่งเรื่องมาดำเนินการเอง ส่วน DTAC ต้องเดินทางกลับมาที่ศูนย์บริการที่ขอนแก่น ซึ่งทางศูนย์ต่างๆก็ช่วยเหลือทั้งข้อมูลและรับปากจะช่วยเหลือเท่าที่บริษัทฯจะช่วยได้”

ขณะที่นางจำรัส เขียวโพธิ์ อายุ 54 ปี ลูกสาวยายทองตัด กล่าวว่า หลังเลิกงานมาพบว่าแม่หายตัวไป ได้โทรศัพท์ติดต่อไปก็ไม่มีคนรับสายรู้สึกเป็นห่วงมาก สอบถามลูกสาวก็บอกเพียงว่ามีคนมารับไปจังหวัดอุดรธานีแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครคิดว่าเป็นคนรู้จักกับยาย ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง วิ่งไปขอความช่วยเหลือกับกำนัน พอแม่กลับมาตอนค่ำก็ใจชื้นขึ้นมา สอบถามแม่บอกว่าเขาพาไปเอาเงินพันที่อุดรธานี แค่พาไปซื้อโทรศัพท์ ซึ่งสีหน้าแม่ตอนนั้นดีใจมากที่ได้เงินและยังบอกลูกหลานอีกว่าจะเอาเงินพันนี้ซื้อของอร่อยๆให้ลูกหลานกิน กระทั่งได้สอบถามรายละเอียดต่างๆพบว่าแม่ซื้อโทรศัพท์ 6 เครื่อง เครื่องละ 3-4 หมื่นบาท จึงมั่นใจว่าแม่ถูกหลอกแน่นอน รวมมูลค่าก็หลักแสนบาท

” จากนั้นจึงพาแม่เข้าแจ้งความที่ สภ.ซำสูง แต่ไม่สามารถแจ้งความได้ ทางตำรวจบอกให้ไปแจ้งความที่ สภ.อุดรธานี เพราะเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ตนเองจึงยืมรถหลานพาแม่เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.อุดรธานี ตำรวจก็สอบถามข้อมูลว่ามารับยายที่ไหน ตนเองก็บอกที่บ้านที่ อ.ซำสูง ตำรวจก็ถามกลับว่าคนร้ายมารับที่ อ.ซำสูง ทำไมไม่ไปแจ้งความที่ สภ.ซำสูง ตนเองก็อธิบายให้ตำรวจฟังว่า ที่ สภ.ซำสูงบอกว่าเหตุเกิดที่อุดรธานี ต้องมาแจ้งที่นี่ ตำรวจอุดรธานีจึงลงบันทึกประจำวันไว้ให้พร้อมประสานไปที่ สภ.ซำสูง ทางตำรวจสภ.ซำสูงจึงยอมที่จะรับแจ้งความ โดยให้พาแม่เข้าแจ้งความในวันที่ 26 ม.ค. นี้ ต่อมาคืนวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้ไปเรียกแม่ แต่พบว่าไม่มีเสียงขานตอบ จึงได้ส่องดูทางช่องลม เห็นแม่ผูกคอกับวงกบประตูเปิดยังไงก็ไม่ออก จึงรีบบอกหลานเขยให้รีบปีนเข้าไปช่วยเอาไว้ทัน อย่างไรก้ตามครอบครัวอยากให้ตำรวจช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดีเพราะเชื่อว่าเป็นขบวนการ อยากให้เร่งรัดคดีให้รวดเร็วตอนนี้แม่ต้องเป็นหนี้เพราะถูกหลอก”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อัจฉริยะ' ร้องผบ.ตร. สอบวินัย-อาญา ตร.ทืบประชาชน แฉอดีตบิ๊กผบ.ตร.โทรเคลียร์ให้ยุติเรื่อง

'อัจฉริยะ' ร้อง ผบ.ตร. สอบวินัย-อาญา ตำรวจ บก.จร.ทุจริตตั้งด่านกระทืบประชาชน ล่วงเกินรองอธิบดีอัยการฯ แฉอดีต 'ผบ.ตร.-บิ๊กนครบาล' โทรเคลียร์ให้ยุติเรื่อง แต่ยอมไม่ได้

'บอสพอล' โวยเหมือนถูกมัดมือมัดเท้า ย้อนถามผมผิดอะไร คดีนี้ไม่มีผู้เสียหายแม้แต่คนเดียว

เพจเฟซบุ๊ก "วรัตน์พล วรัทย์วรกุล (บอส พอล)" ของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงิน และ แชร์ลูกโซ่ ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ฝากขัง 13 ผู้ต้องหาจำหน่าย-ครอบครองฯ คดีปาร์ตี้เกย์มั่วสุมเสพยา

ศาลแขวงพระนครใต้ พิพากษาคดีปาร์ตี้เกย์ เสพยาเสพติด 2 สำนวน ฝากขัง 13 ผู้ต้องหาจำหน่าย-ครอบครองฯ ศาลอาญาใต้ยื่นประกัน 12 คนส่วนคนโดนข้อหาจำหน่ายไม่ยื่นประกันคอตกนอนเรือนจำ

ตำรวจ ปคม. กวาดจับต่างชาติตั้งกลุ่ม sex creator ชวนหญิงไทยผลิตสื่อลามก

พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.เกียรติก้อง ทองคำ รอง ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.วรพล เลิศวิริยะพงศ์,

'แทนคุณ' ไม่สะท้าน 'ฟิล์ม' ขู่ฟ้อง โวข้อมูลเพียบหักล้างได้หมด พร้อมฟ้องกลับ

'อี้ แทนคุณ' ไม่สะท้าน 'ฟิล์ม รัฐภูมิ' เตรียมฟ้อง ลั่นกุมความลับอีกหลายเรื่อง พร้อมฟ้องกลับ โวข้อมูลไหลมาเยอะมาก หักล้างได้หมด