หลานอดีตรัฐมนตรี ฟ้องกลับ 'ดาราสาว' หมิ่นประมาท หลังศาลยกฟ้องคดีมอมยาข่มขืน

แฟ้มภาพ

6 ธ.ค.2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายอภิดิศร์ อินทุลักษณ์ หรือ เอ็ม นักธุรกิจ หลานชายอดีตรัฐมนตรี ที่ศาลยกฟ้องคดีข่มขืนดารา ส่งผู้รับมอบอำนาจเดินทางไปยื่นฟ้องอดีตดาราสาว ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท

คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า โจทก์เคยเป็นซีอีโอและประธานบริษัท Aphi Enterprise ซึ่งประกอบธุรกิจหลายอย่าง โดยเฉพาะธุรกิจนำเข้าศิลปินเกาหลีมาจัดคอนเสิร์ตในประเทศไทย รวมถึงการติดต่อธุรกิจอื่นๆ เกี่ยวกับประเทศเกาหลีใต้ และธุรกิจนำเข้าที่จอดรถเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมัน

จำเลยเป็นนักแสดงอิสระ ซึ่งได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับโจทก์ ในฐานความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและอื่นๆ จนกระทั่งศาลได้มีคำพิพากษา ยกฟ้องโจทก์ในคดีนี้ ไม่มีความผิด

ข้อ 2 เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2565 จนถึงปัจจุบัน จำเลยนี้ได้กระทำความผิดอาญา อันเป็นความผิดหลายกรรมด้วย

2.1 เมื่อระหว่างวันที่ 26 ส.ค.2565 เวลากลางวัน จำเลยได้ใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยการให้สัมภาษณ์ในการออกรายการโหนกระแส ที่สัมภาษณ์สอบถามจำเลยเกี่ยวกับคดีระหว่างโจทก์กับจำเลย ที่ได้ร้องทุกข์กล่าวหาโจทก์ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไปทราบว่าโจทก์และจำเลยในคดีนี้ มีข้อความส่วนหนึ่งประมาณว่า "เขาจะพาเราไปที่แห่งหนึ่งและส่งสถานที่ให้ เราดู...มารู้สึกตัวอีกทีประมาณตี 2หลังจากตื่นมาเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นั้นแล้ว ...เขาคะยั้นคะยอให้เรากินโซจูตอนคุยงาน"

และหลังจากนั้นพิธีกรถามว่าหลังจากไปถึงที่บ้านถึงรู้ว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศใช่มั้ย ซึ่งจำเลยตอบว่า "ค่ะ" โดยข้อความที่จำเลยอธิบายต่อพิธีกรในรายการ ทำให้บุคคลที่สามหรือประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ว่าโจทก์ล่อลวงให้จำเลยไปสถานที่แห่งหนึ่ง และมอมเมาด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จนกระทั่งล่วงละเมิดทางเพศแก่จำเลย

2.2 วันที่ 29 ส.ค. เวลากลางวัน จำเลยใส่ความโจทก์ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ จำนวนหลายแห่ง ที่สัมภาษณ์สอบถามจำเลยเกี่ยวกับคดีที่จำเลยเป็นเสียหายร้องทุกข์กล่าวหาโจทก์ฐานข่มขืนกระทำชำเรา มีข้อความส่วนหนึ่งว่า "เราไม่ขาดสติในการนัดเจอกันไปคุยงานนี้ยืนยัน...เรามีหลักฐานแน่นอนว่าเราไม่ได้สร้างเหตุการณ์มาแบล็กเมล์เขาทั้งนั้น"

และจบท้ายด้วยข้อความว่า "เราพยายามมาตลอด สู้ตามหลักฐานมาตลอดกับพี่สาว เราถูกบิดเบียนทุกอย่าง" อันมีความหมาย ในทำนองว่าโจทก์กล่าวหาจำเลยแบล็กเมลโจทก์ (เพื่อเรียกเอาผลประโยชน์ แลกกับการเปิดเผยความลับหรือทำให้เสียหายเดือดร้อน) และแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้กล่าวหาโจทก์เรื่องการข่มขืน แต่เพราะหลักฐานที่จำเลยมีถูกบิดเบื้อนข้อเท็จจริงให้โจทก์ได้เปรียบ อันเป็นการสร้างภาพให้โจทก์เป็นคนร้ายในสายตาประชาชนทั่วไป

2.3 วันที่ 6 ก.ย.2565 จำเลยให้สัมภาษณ์ในการออกรายการโหนกระแส ที่สัมภาษณ์สอบถามจำเลยเกี่ยวกับคดีระหว่างโจทก์กับจำเลย โดยก่อนก่อนหน้านั้นในวันที่ 5 ก.ย.2565 ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโจทก์ในคดีข่มขืนจำเลย ระหว่างโจทก์และจำเลยในคดีนี้ ซึ่งโจทก์ได้นำเสนอคลิปวิดีโอการพูดคุยระหว่างโจทก์และจำเลยเสนอต่อศาล และจำเลยก็ทราบคลิปวิดีโอดังกล่าวดี แต่ได้นำเรื่องคลิปวิดีโอดังกล่าวออกมาพูดออกกาศในในทำนองว่า "โจทก์นำคลิปแอบถ่ายไปเปิดในศาล" อันเป็นการสื่อสารประชาชนทั่วไปให้เข้าใจว่าเป็นคลิปแอบถ่ายในเชิงอนาจาร

จำเลยยังได้ให้สัมภาษณ์ในรายการต่อไปประมาณว่า "ตั้งใจจะไปคุยงานก็เห็นเขายังไม่กลับ ด้วยความที่เขาเป็นนายทุน เขาเอาอะไรให้เราดื่มก็ไม่ได้หวาดระแวงถึงพฤติกรรมของเขาทำแบบนี้กับเราพอมันเกิดเรื่องแบบนี้ ณ ตอนนั้นหนูยังไม่รู้เลยว่าหนูโดนเขาวางยา ข่มขืนหรือกระทำชำเรา" ซึ่งเป็นการสื่อสารให้บุคบุคคลที่สามหรือประชาชนทั่วไปรับรู้ว่าโจทก์ได้ทำการข่มขืนจำเลยด้วยการวางยา

ตามคำฟ้องข้อ 2.1-2.3 ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ของจำเลยกับพิธีกร ซึ่งจำเลยเล็งเห็นผลได้ว่าข้อความที่ตนได้พูดออกไป จะต้องสร้างความเสียหายแก่โจทก์ต่อบุคคลที่สามที่สามารถเข้าถึงได้ และต่อมาผู้สื่อข่าวและนักข่าวอิสระต่าง ๆ ได้นำภาพและเสียงการให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส และสัมภาษณ์ต่อสื่อสารมวลชนของจำเลยไปโฆษณาเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ในโลกโซเชียลมีเดียซึ่งประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้อีกหลายแห่งในแอพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก, แอพพลิเคชั่นยูทูบ ติ๊กต็อก

ตามเจตนาดังกล่าวของจำเลย อันเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา รายละเอียดปรากฏตามเสียงและภาพเคลื่อนไหว การกระทำดังกล่าวของจำเลยฝ่าฝืนต่อความจริงเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของโจทก์ เป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญก้าวหน้าของโจทก์ โดยที่รู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง และเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของโจทก์ ทำให้โจทก์ซึ่งประกอบธุรกิจส่วนตัว และเป็นธุรกิจที่เกี่ยวพันกับผู้คนจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ ไว้ใจ หรือแม้กระทั่งความประพฤติในทางศีลธรรมจรรยา ซึ่งเป็นงานที่ต้องพบปะผู้คนเป็นจำนวนมาก

อีกทั้งบุคคลทั่วไปรู้จักโจทก์ดี และทราบว่าโจทก์เป็นบุคคลในแวดวงสังคมทางธุรกิจ และการเมือง การกระทำดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับผลกระทบเสียหาย เพราะมิใช่การติชมโดยสุจริตหรือเพื่อปกป้องสิทธิของตนโดยชอบ และไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะอ้างเพื่อให้พันความรับผิดได้ อีกทั้งเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในภาพรวมเพราะศาลไม่ได้พิพากษาว่าโจทก์กระทำผิดจริง จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเงินจำนวน 5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย

โดยศาลรับคำฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3378/2567 เเละนัดไต่สวนมูลฟ้อง 3 ก.พ. 2568

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หนูนา' จัดให้ ฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด ชุดแรก 10 คน ลั่นจะทยอยเพิ่มไปเรื่อยๆ จนถึงที่สุด

นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา หรือ “หนูนา” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา อดีตรมช. ศึกษาธิการ ผู้มีบทบาทอนุรักษ์ช้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า

ด้อมส้วมดิ้น! 'เพนกวิน' ย้อนพรรคส้ม ไม่ควรฟ้องปิดปากประชาชน

นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีออกไปต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนประกาศว่า จะดำเนินการฟ้องร้องประชาชน

ห้ามหมิ่นพรรคส้ม! 'ปกรณ์วุฒิ' แจงปมจ่อฟ้องคนกล่าวหาเป็นบีอาร์เอ็น อ้างเลยเถิดเกินไป ไม่สุจริต

ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีน.

ศาลยกฟ้อง 'หลานชายอดีตรมต.' ล่วงละเมิดทางเพศ 'ดาราสาว'

ศาลอาญายกฟ้อง ‘เอ็ม’ หลานชาย อดีต รมว.ต่างประเทศ ไม่ผิดล่วงละเมิดทางเพศหญิง ชี้หลักฐานจำเลยชัดผู้เสียหายมีสติยินยอม ผลตรวจเเพทย์ไม่พบยานอนหลับ

'วรงค์' เตือน 'ธรรมนัส' ใจเย็นๆ ยันกม.ชี้ชัดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที หลังครม.ใหม่ถวายสัตย์

'หมอวรงค์' เตือน 'ธรรมนัส' ใจเย็นๆ ทำงานใหญ่ต้องใจใหญ่ ปมวิจารณ์ลงพื้นที่น้ำท่วมหลังพ้นตำแหน่งรมว.เกษตรแล้ว กม.ชี้ชัดครม.รักษาการต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที หลังครม.ใหม่ถวายสัตย์ เผยธรรมนัสบอกไม่ได้ฟ้องแค่ลงบันทึกประจำวัน ไม่หวั่นหากถูกฟ้องเตรียมฟ้องกลับทันที

'พล.ต.อ.วินัย' เชื่อ 'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องปิดปากทุกคน ไม่ให้ออกเสียงในที่ประชุม ก.ตร.

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยถึงกรณีถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ฟ้องฐานหมิ่นประมาทว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นมาด้วยดีตั้งแต่ในอดีตในฐานะผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา สมัยอยู่ก็บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง