27 พ.ย.2567 – มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกแถลงการณ์เรื่องขอให้โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และผู้บังคับบัญชา เร่งดำเนินการตามพรบ.ทรมานฯ ไร้วี่แววดำเนินคดี กรณีอาจารย์ล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนนายร้อยตำรวจ
จากที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์เพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 รายงานเหตุการณ์นักเรียนนายร้อยตำรวจถูกล่วงละเมิดทางเพศ หลังเกิดเหตุมาแล้วกว่า 7 วัน ยังไม่มีการดำเนินการตามพรบ.ทรมาน-อุ้มหายฯ เนื้อหาข่าวมีใจความว่า เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 21.00 น. ผู้เสียหายเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ขณะนั้นทำหน้าที่เข้ายามกองแพทย์ ก่อนที่จะมีรุ่นพี่นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 66 (นรต.66) และเพื่อนซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร จำนวน 2 คน ขับรถเข้ามาที่กองแพทย์และมาคุยเล่นกับผู้เสียหาย ต่อมาเวลา 22.10 น. รุ่นพี่นรต. 66 ดังกล่าวได้นำอาหารมาให้ และสั่งให้ผู้เสียหายไปหาที่สนามรักบี้หลังเข้ายามเสร็จ ในเวลา 22.30 น. และหากไปไม่ทันเวลาจะปล่อยช้า 1 นาที ต่อ 1 ชั่วโมง เมื่อผู้เสียหายไปถึงสนามรักบี้ ได้ถูกรุ่นพี่ นรต.66 เอาเหล้ากรอกปาก และสั่งให้ถอดเสื้อยามจนเหลือเพียงเสื้อรองใน ต่อมาผู้เสียหายดื่มจนเมา และถูกสั่งให้ถอดกางเกงในและให้ทำท่าดันพื้น 10 ครั้ง ก่อนที่รุ่นพี่ นรต.66 จะชวนให้ไปห้องรักบี้และผู้เสียหายถูกบังคับให้ช่วยตัวเองภายในห้องดังกล่าวแล้วได้ถูกรุ่นพี่ นรต.66 และเพื่อน ล่วงละเมิดทางเพศต่อเนื่อง ก่อนจะถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา
ต่อมา เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ทีมงานโฆษกโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เผยแพร่ใบแจ้งข่าวแจ้งผลการดำเนินการ กรณีนักเรียกนนายร้อยตำรวจถูกกระทำการอันไม่สมควร ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 โดยเนื้อหามีใจความว่า กองบังคับการปกครองได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดและเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ปากคำทันที คณะนิติศาสตร์ ต้นสังกัดของข้าราชการตำรวจผู้ถูกกล่าวหา ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และอยู่ระหว่างดำเนินการ คณะนิติศาตร์ได้ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่การสอน และเสนอให้พิจารณาถอดถอนรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาออกจากการเป็นอาจารย์ผู้สอนในทุกวิชา และโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ประสานส่งข้อมูลให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาตันสังกัดของผู้ถูกกล่าวหาอีกหนึ่งราย เพื่อดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกรณีที่นักเรียนนายร้อยตำรวจถูกล่วงละเมิดทางเพศ ในขณะปฏิบัติหน้าที่เข้ายามกองแพทย์ตามหน้าที่ ภายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ โดยผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ล่วงละเมิดทางเพศผู้เสียหายมีตำแหน่งหน้าที่เป็นอาจารย์ในโรงเรียนดังกล่าว และจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏผู้ถูกกล่าวหาได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่และอำนาจรัฐที่ตนมี ข่มขู่และบังคับให้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชาต้องปฏิบัติตามไม่ว่าจะเป็นการไปรายงานตัวและถูกควบคุมตัวไว้ ถูกสั่งให้ดื่มเหล้า ถอดเสื้อผ้า ถอดกางเกงใน ทำท่าดันพื้น ถูกบังคับให้ช่วยตัวเอง และถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง
การที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานความมั่นคง ถูกบังคับให้แก้ผ้าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยทั่วไปแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การลงโทษหรือแสดงอำนาจ - ในบางกรณี อาจใช้การแก้ผ้าเป็นวิธีการข่มขู่หรือแสดงอำนาจ เหตุผลนี้อาจเกี่ยวข้องกับการใช้กำลังหรือการกดขี่อย่างไม่เหมาะสม การฝึกหรือการทดสอบ - ในกรณีบางอย่าง อาจอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝน แต่ก็ถือว่าละเมิดความเป็นส่วนตัวและสิทธิมนุษยชน การทำให้เสียเกียรติหรือเสียศักดิ์ศรี - การบังคับให้แก้ผ้าอาจเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของบุคคล โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีผู้อื่นอยู่ นอกจากมีลักษณะเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถูกลดทอนคุณค่าหรือละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์แล้ว อาจเป็นส่วนหนึ่งของการกลั่นแกล้งหรือการสร้างบรรยากาศที่ข่มขู่ และส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ และถึงขั้นเป็นการกระทำทรมานอีกด้วย
การล่วงละเมิดทางเพศในการฝึกนักเรียนนายร้อยตำรวจรวมถึงการฝึกทหารเป็นประเด็นที่มีความสำคัญและน่ากังวล เนื่องจากการฝึกเป็นกระบวนการที่มีความเข้มงวดและมีลักษณะเชิงอำนาจ ผู้ที่มีตำแหน่งหรือบทบาทที่สูงกว่าอาจใช้ตำแหน่งดังกล่าวเพื่อกระทำการล่วงละเมิดหรือใช้ความรุนแรงทางเพศต่อผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแล ซึ่งส่งผลให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ปลอดภัยและบั่นทอนสภาพจิตใจของผู้ถูกฝึก ในหลายประเทศ การล่วงละเมิดทางเพศในหน่วยงานความมั่นคงถูกยกขึ้นมาเป็นปัญหาทางกฎหมายและสังคมที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีผลกระทบทางลบอย่างมาก ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงอาจส่งผลให้มีอัตราการลาออกสูง ความสามารถในการทำหน้าที่ลดลง และเกิดความไม่ไว้วางใจในระบบ
การกระทำต่อนักเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นกรณีที่เกิดขึ้นหลัง พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหายฯ มีผลบังคับใช้แล้ว การสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ความจริงจึงสำคัญที่จะนำไปสู่การป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เป็นองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำงานด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชน เห็นว่า การล่วงละเมิดทางเพศในลักษณะที่รายงานดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 5 และ มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2567 อีกทั้งขัดหลักรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 28 วรรคท้าย “การทรมาน ทารุณกรรม หรือการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้ายหรือไร้มนุษยธรรมจะกระทำมิได้” และขอเรียกร้องให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงเรียนนายร้อยตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
1.ตรวจสอบค้นหาความจริงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยละเอียด รอบด้านและเที่ยงธรรม โดยหากพบว่าอาจารย์และนักเรียน นตร.66 กลุ่มดังกล่าวและบุคคลอื่นใด มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด นอกจากจะต้องถูกดำเนินการทางวินัยแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีความผิดอาญา รวมทั้งความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ด้วย
2.ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุดที่กำกับดูแลศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายในสำนักงานอัยการจังหวัดนครปฐมเข้ามาทำหน้าที่พนักงานสอบสวนในเรื่องการดำเนินคดีตามพรบ.ทรมาน-อุ้มหายฯ โดยเร่งด่วนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหารวมทั้งกับผู้บังคับบัญชา
3.ตรวจสอบและแก้ไขกฎ ระเบียบ และประเพณีปฏิบัติที่ยังมีจุดอ่อนข้อบกพร่อง หรือยกเลิกกฎ ระเบียบ หรือประเพณีปฏิบัติ ที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งควรกำหนมาตรการในการป้องกัน แก้ไข มิให้เกิดเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนขึ้นอีก เช่น จัดตั้งกลไกในการตรวจตรา การรายงานเหตุการณ์ การรับเรื่องราวร้องทุกข์ ร้องเรียน ตลอดจนการดูแลผู้เสียหายอย่างมีประสิทธิภาพ กำหนดมาตรการป้องและตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และห้ามการฝึกหรือการลงโทษที่รุนแรงเกินเหตุ ซึ่งรวมถึงการบังคับถอดเสื้อผ้า หรือการกระทำหรือคำสั่งให้กระทำใดใดที่มีลักษณะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น
4.ดำเนินการชดใช้เยียวยานักเรียนนายร้อยตำรวจที่เป็นผู้เสียหายอย่างครอบคลุมทุกมิติ อันรวมถึง การประเมินผลกระทบทางด้านจิตใจ ฟื้นฟูสภาพร่างกายและสภาพจิตใจ ชดเชยเยียวยาด้านการเงิน และการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย
อนึ่ง ตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายพ.ศ. 2565 ผู้บังคับบัญชาผู้ใดทราบว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของตนจะกระทำความผิดหรือได้กระทำความผิดฐานกระทำทรมาน กระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่ไม่ดำเนินการที่จำเป็นและเหมาะสม เพื่อป้องกันหรือระงับการกระทำความผิด หรือไม่ดำเนินการหรือส่งเรื่องให้ดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย มีความผิดต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โรงเรียน นรต. สั่ง 'พ.ต.ต.' อาจารย์ละเมิดทางเพศลูกศิษย์ หยุดสอน ถอดชื่อออกทุกวิชา
โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แจ้งผลการดำเนินการ จากกรณีมีข่าวเกี่ยวกับนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ถูกกระทำการอันไม่สมควร โดยมีเนื้อหาดังนี้
'บิ๊กต่าย' สั่งสอบ 'พ.ต.ต.' อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กระทำอนาจาร
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีเพจดังเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า มีนักเรียนนายร้อยตำรวจ ถูกอาจารย์ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสารวัตร (สอบสวน) สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล
ลุ้นระทึก!ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดถก ปมคดี 'บิ๊กโจ๊ก' ถูกให้ออกจากราชการ
ที่ศาลปกครองกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด
กสม. ชื่นชมรัฐบาล เร่งรัดกระบวนการกำหนดสถานะบุคคลแก่ผู้ที่ยังมีปัญหาไร้รัฐไร้สัญชาติ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงว่า ตามที่รัฐบาลประกาศเจตนารมณ์ไว้ในการประชุมระดับสูงว่าด้วยความไร้รัฐ (High-Level Segment on Statelessness) เ
โรงเรียน นรต. สั่งปลด 'หนิง' คู่กรณีเมียบิ๊กโจ๊ก พ้นอาจารย์พิเศษ
โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เผยแพร่เอกสาร แจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจประพฤติผิดจริยธรรม และการแต่งตั้งอาจารย์พิเศษ
ตำรวจเตรียมโอนคดี 'ดิไอคอน' ให้ DSI พบยอดผู้เสียหายเฉียดหมื่น
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดทำคดีบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป