ทนายบอสพอล กังวล 'ดีเอสไอ' ตัดพยาน 2,000 คนฝั่งดิไอคอน ยุติสอบปากคำ 3 ธ.ค.นี้

"ทนายวิฑูรย์" กังวลดีเอสไอ ยุติสอบปากคำพยานคดีดิไอคอน 3 ธ.ค.นี้ ยอมรับอุปสรรคเยอะพอสมควร พ้อเจอสถานการณ์ตัดพยาน เตรียมขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการ

20 พ.ย.2567 - ที่บริเวณ​หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แขวงลาดยาว กรุงเทพฯ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ที่เรือนจำฯ ว่ายอมรับว่าหนักใจเนื่องจากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)แจ้งว่าจะยุติการสอบปากคำพยานคดีดิ ไอคอน ในวันที่ 3 ธ.ค.67 เพื่อสรุปสำนวนส่งให้อัยการ ดังนั้น พยานที่ทางดิไอคอน เตรียมไว้ 2,000 กว่าคน ก็จะต้องเร่งให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 3 ธ.ค.เช่นกัน

ซึ่งดีเอสไอได้ออกแบบร่างหนังสือมา สำหรับให้พยานฝั่งดิไอคอนได้กรอกข้อมูล โดยให้ระบุ พฤติ การณ์เป็นกลุ่มดาวน์ไลน์ อัพไลน์ แต่การขายของดิไอคอน ไม่มีระบบนี้ ตนเองก็ได้แย้งไปว่าเป็นคำถามที่ชี้นำ มองว่าไม่เป็นธรรมเนื่องจากตนเองจะต้องมาปรับรายละเอียดในเนื้อหาหนังสือที่ดีเอสไอให้มา ขณะที่ รายละเอียดพยานฝั่งดิไอคอนนั้นมีความหลากหลายของแต่ละกลุ่ม เช่น บางคนเป็นตัวแทนขายเพียงแค่ออนไลน์เท่านั้น แต่บางคนเป็นตัวแทนจำหน่าย(ดีลเลอร์) บางคนขายปลีกขายส่งเท่านั้น จึงอยากชี้แจงแต่มั่นใจว่าพยานทั้ง 2,000 ราย ไม่ได้ชี้แจงทั้งหมดแน่นอน ซึ่งจากการที่ดีเอสไอกำหนดขีดเส้นเวลาจะเป็นการตัดพยานทำให้พยานไม่สามารถให้ข้อมูลได้ครบทั้ง 2,000 คน ซึ่งตนมองว่าไม่เป็นธรรมและได้มีการโต้แย้งกับทางดีเอสไอว่า การที่จะตัดพยานของเรานั้นไม่เป็นธรรม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการประวิงเวลาหรือไม่ นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตนมีความเข้าใจดีเอสไอ เพราะมีกรอบเวลาการทำงาน พร้อมย้ำว่า การนำพยานจำนวนมากมาให้ปากคำกับดีเอสไอ ยันไม่ได้ เป็นการยื้อเวลาเพราะเข้าใจดีเอสไอว่าไม่ได้เป็นผู้เริ่มเกมนี้แต่เริ่มมาจากตำรวจสอบสวนกลางที่มาจับบรรดาบอสเข้าไป ซึ่งมีกรอบเวลาคุมขัง 48 วัน และมีการคัดค้านการประกันตัว ต่อจากนั้นเมื่อดีเอสไอมารับช่วงดำเนินคดีต่อ และเพิ่มข้อหา จึงเพิ่มระยะการคุมขังเป็น 84 วัน แต่ระยะเวลาก็ยังไม่เพียงพอต่อการทำสำนวนสำหรับคดีที่มีความซับซ้อน

นายวิฑูรย์ กล่าวด้วยว่า ได้ต่อรองว่าจะนำพยานที่เหลืออยู่มาให้ปากคำกับดีเอสไอวันละ 200 คน แต่ดีเอสไอให้ทำบันทึกมาว่าจะให้สอบประเด็นไหนเพื่อจะได้ตั้งประเด็นถูก แต่จะพยายามนำเอกสารที่ส่งไปให้พยานเซ็นในการรับรองเป็นพยานส่งกลับมาให้ตนเองภายใน 2 วันนี้ เพื่อส่งให้ดีเอสไอเป็นล็อตแรก

ทั้งนี้ ในการดำเนินการของดีเอสไอเรากำลังเจอการสถานการณ์ตัดพยาน ยืนยันว่าการนำพยาน 2,000 คน มาให้ปากคำไม่ได้เป็นการประวิงเวลา เราต้องทำหน้าที่ทนายให้เต็มที่ ต้องนำพยานเพื่อมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา เพราะเราอยู่ในสถานะของผู้ถูกกล่าวหาสิทธิพื้นฐานของการต่อสู้คดีควรจะมีแต่เรากำลังจะไม่ได้รับสิทธินั้น

อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสอบพยานให้เสร็จสิ้นทั้งหมด 100 คนแรก ก่อนจะไปยื่นขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการว่า ระยะเวลาในการรวบรวมข้อมูลพยานของฝั่งดิไอคอน มีน้อยเกินไป ยอมรับว่า ตอนนี้อุปสรรคเยอะ พอสมควร ตนทำงานยิ่งกว่าซุปเปอร์แมนแล้ว แต่ก็จะพยายามเอาพยานเข้าไปสอบปากคำให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม สุดท้ายนี้ อยากฝากบอกว่า “ความยุติธรรมที่ปิดปากผู้ต้องหา คือความไม่ยุติธรรม”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดีเอสไอ' ประชุมใหญ่ สรุปสำนวนดิไอคอน ก่อนส่งอัยการ 23 ธ.ค.นี้

จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ

พยานฝั่งดิไอคอน ร้อง 'กมธ.ความมั่นคง' หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม

ผู้เสียหายและพยานที่ได้รับความเดือดร้อน จากการอายัดทรัพย์โดยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความผิดที่ถูกกล่าวหา กรณี บริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป เข้ายื่นหนังสือถึง นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ

ศาลรับฟ้อง 'บิ๊กป้อม' ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 'สิระ' เรียก 50 ล้าน

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พปชร.ได้มอบอำนาจให้ตน ให้ทนายความ ฟ้อง

'แทนคุณ' ไม่สะท้าน 'ฟิล์ม' ขู่ฟ้อง โวข้อมูลเพียบหักล้างได้หมด พร้อมฟ้องกลับ

'อี้ แทนคุณ' ไม่สะท้าน 'ฟิล์ม รัฐภูมิ' เตรียมฟ้อง ลั่นกุมความลับอีกหลายเรื่อง พร้อมฟ้องกลับ โวข้อมูลไหลมาเยอะมาก หักล้างได้หมด

'ฟิล์ม รัฐภูมิ' พกมั่นใจเต็มร้อย ควง 'ทนายประมาณ' รับข้อหากองปราบ

'ฟิล์ม รัฐภูมิ' ควง 'ทนายประมาณ' โผล่กองปราบ รับทราบข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์-หมิ่น คลิปเสียงเรียกรับเงินบอสพอล 20 ล้าน

เปิดคำสั่ง ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกัน 'สามารถ' ชี้พฤติการณ์สมคบกันฟอกเงิน คดีฉ้อโกง

ศาลอาญาอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อดีตสมาชิกและรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5(1),(3) มาตรา 9