ศาลรับฝากขัง "นุ-สา" คนสนิททนายตั้ม ลวงเงิน 39 ล้านจากเจ๊อ้อย ตำรวจ-ผู้เสียหายค้านประกัน เกรงหนียุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ไร้เงาญาติยื่นประกัน ส่ง นอนเรือนจำ
13 พ.ย.2567 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ธีรพจน์ คงหนู พนักงานสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำตัวนายนุวัฒน์ ยงยุทธ อายุ 34 ปี ,น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา ที่1-2 คนสนิท นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม มาฝากขังศาลครั้งแรก ในข้อหากระทำผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ,ร่วมกันฟอกเงิน
พฤติการณ์แห่งคดี คือ ก่อนเกิดเหตุ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างนายษิทรา เบี้ยบังเกิดให้เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ต่อมานายษิทรา ได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้น เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อส่งมอบเงินให้กับผู้ต้องหาที่ 1 หลายครั้งต่างกรรม ต่างวาระกัน ดังนี้
1.นายษิทราได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์แต่อ้างว่าจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเขียนโปรแกรมและระบบก่อนเป็นเงินจำนวน 2,000,000 ยูโร พร้อมกับได้นำสัญญาว่าจ้างมาให้ผู้เสียหายลงลายมือชื่อ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินค่าจ้างดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของนายษิทรา จำนวน 71,067,764.70บาท
2.ผู้เสียหายได้มอบหมายให้นายษิทรา หาซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์รุ่นจี 400 จากนั้นนายมิทราได้หลอดลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าสามารถหาซื้อรถยนต์ยี่ห้อและรุ่นดังกล่าว ได้แล้วจาก บ. 999อิมพอร์ต จำกัด ในราคา 12,900,000 บาทและมีค่าติดฟิล์มรถยนต์ จำนวน 30,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 12,930,000บาท ทั้งที่ความจริงแล้วรถยนต์คันดังกล่าว มีราคาเพียง 11,400,000 บาท โดยไม่มีราคาติดฟิล์ม ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินชำระค่ารถยนต์คันดังกล่าว ไปเข้าบัญชีเงิธนาคารของนายษิทราทำให้ นายษิทราได้ค่าส่วนต่าง เป็นเงินจำนวน 1,530,000 บาท
3.นายษิทรา ได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ได้ว่าจ้าง บริษัท.ปีเตอร์. คอนสตรัคชั่น 1987 จำกัด เป็นผู้เขียนแบนก่อสร้างโรงแรมดิแองเจิ้ล ที่ผู้เสียหายจะก่อสร้าง โดยนายษิทรา อ้างว่ามีค่าจ้างเขียนแบบ เป็นเงินจำนวน 9,000,000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วนายษิทราได้ไปว่าจ้างบริษัท กริด อาร์คิเทคท์ จำกัด ให้เขียนแบบโรงแรมดังกล่าวให้กับผู้เสียหายแล้ว ในราคา 3,500,000 บาท
ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินชำระค่าเขียนแบบดังกล่าว จำนวน 9,000,000 บาท ไปเข้าบัญชีธนาคารของกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัท ปีเตอร์ฯ คนหนึ่ง จากนั้นได้ถอนเงินจำนวนดังกล่าวไปมอบให้กันนายษิทรา ทำให้นายษิทราได้ค่าส่วนต่าง 5,500,000 บาท
4 . นายษิทรา, นายนุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 1 และน.ส.สารินี ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าผู้ต้องหาที่ 1 มีกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถโอนสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ได้ ผู้เสียหายจึงให้ผู้ต้องหาที่ 1 โอนสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ให้กับผู้ใช้อินสตราแกรม ชื่อบัญชี เฉินคุณ จากนั้นได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าผู้ต้องหาที่ 1 ได้ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหาที่ 2 โอนเงินไปยังบุคคลดังกล่าว แล้วทำให้กระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหาที่ 2 ถูกระงับการใช้งาน ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน จำนวน 39,000,000 บาท
โดยได้ร่วมกันส่งภาพถ่ายสำเนาบันทึกประจำวันแจ้งกรณีถุกอายัดเงินดังกล่าวไปให้ผู้เสียหายดูทางแอปพลิเคชั่นไลน์ ด้วยทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหาที่ 2 ถูกระงับจริง ทั้งที่ความจริงแล้วกระเป๋าเงินสกุลติจิทัลของ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ไม่ได้ถูกระจับการใช้งานแต่อย่างใด ผู้เสียหายจึงส่งมอบเงินให้กับผู้ต้องหาด้วยการซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายเงิน จำนวน 39,000,000บาท ให้กับ ผู้ต้องหาที่ 2 แล้วผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้ร่วมกันนำแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 2 จากนั้นนายษิทรา , ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ได้ร่วมกันเบิกถอนเงินสด จำนวน 39,000,000 บาท ดังกล่าว ออกจากบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 2
การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1-2 เป็นความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกัน ตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน" อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 341 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 4 แห่งพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่26) พ.ศ.2560 พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18) ,มาตรา 5 ,มาตรา 9 วรรคสอง และมาตรา 60 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.การฟอกเงิน (ฉบับที่4 ) พ.ศ.2556 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83
ในชั้นจับกลุ่มและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง ผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขออนุญาตฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 – 24 พ.ย.2567
ท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีที่ผู้ต้องหาที่ 1-2 ถูกกล่าวหาคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึง 10 ปี และได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายไปจำนวนมากถึง 39,000,000 บาท ซึ่งเป็นมูลค่าความเสียหายที่สูงมาก หากผู้ต้องหาทั้งสองได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนี อีกทั้งจากการสืบสวนทราบว่าก่อนที่ผู้ต้องหา 1-2 จะถูกจับกุมตัวมีการเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ทั้งสองคน เจตนาเพื่อให้ยากต่อการติดตามตัว และเป็นการทำลายหลักฐานการติดต่อระหว่างกันซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญในคดีรวมทั้งข้อมูลหลักฐานอื่นๆ ซึ่งมีพยานหลักฐานอยู่ในโทรศัพท์มือถือดังกล่าว ถือเป็นพฤติการณ์ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานอีกด้วย
ประกอบกับมีผู้เสียหายมายื่นขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวเนื่องจากคดีมีอัตราโทษจำคุกและมูลค่าความเสียหายสูงหากผู้ต้องหา 1-2 ได้รับการปล่อยชั่วคราวไปเกรงจะหลบหนีซึ่งจะส่งผลให้ผู้เสียหายไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหายในคดี
ศาลอาญาพิจารณาคำร้องและสอบผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ไม่ปรากฏว่า มีญาติ หรือทนายความมายื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองแต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายนุวัฒน์ และน.ส.สารินี ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลางตามลำดับต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สนธิ' ร้องเรียนสภาทนายความ สอบมรรยาท 'ทนายษิทธา-ทนายเดชา'
ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอร์ค, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อม
ตร. เรียก 'เจ๊อ้อย' ให้ข้อมูลเพิ่ม 2 คดี 'ทนายตั้ม' วางแผนเป็นผู้จัดการมรดก-เงิน 39 ล้าน
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย จำนวน 39 ล้านบาท ว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก สอบปากคำพยานบุคคลต่างๆไปแล้วจำนวนหลายปาก รวมถึงสืบพบพยานหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมหลายอย่าง
สาวไส้ 'ทนายตั้ม' เปลี่ยนพินัยกรรม ตั้งตัวเป็นผู้จัดการมรดก 'เจ๊อ้อย'
ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เดินทางเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนในคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย แจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความกับพวก ในข้อหาฉ้อโกง
'ทนายรณณรงค์' ให้ปากคำคดีทนายตั้ม รับแปลกใจเพื่อนรวยผิดปกติ
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ หรือ ทนายรณณรงค์ เข้าให้ปากคำต่อตำรวจสอบสวนกลาง คดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด
'สมชาย' ชื่นชม กกต.สมุทรสาครแต่ข้องใจ กกต.กลางเรื่องตรวจสอบ สว.
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
ทนายตั้มมีข่าวดี! กกต.ยันอยู่บัญชีสำรอง สว.จนกว่าศาลตัดสิน
'แสวง' ยันทนายตั้มยังไม่ขาดคุณสมบัติ ยังอยู่ในบัญชีสำรองสว.ได้ จนกว่าศาลจะพิพากษา ส่วนคำร้องสว.หมอเกศ และคนอื่น รอสำนักงานมัดรวมสำนวนส่งกกต.ภายในพ.ย.นี้