แม่เกินรับไหววงจรปิดมัดตัว 'ครูผู้ช่วย' ทำร้ายร่างกายเด็กพิเศษ  

แชร์สนั่นแม่โพสต์ครูผู้ช่วยทำร้ายเด็กพิเศษจนได้รับบาดเจ็บ สุดทนพฤติกรรมโร่แจ้งความเอาผิดฐานทำร้ายร่างกาย

10 พ.ย.2567 – จากกรณี เฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “Chloe PM” ซึ่งเขียนข้อความลงในเพจ “ชุมชนคนหลังสวน” โพสต์รูปเด็กที่ถูกทำร้าย มีสติกเกอร์รูปหน้าเศร้าปิดทับใบหน้าไว้ โดยมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวจำนวนมาก

 ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ สอบถาม น.ส.เสาวลักษณ์ การสุรสิทธิ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 10 ตำบลบ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ผู้เป็นมารดา ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 พ.ย. ตนเองได้ขับรถไปส่งลูกชาย ที่ ศกศ.ชพ.หน่วยบริการหลังสวน วัดใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์รับเลี้ยงและดูแลการเรียนเด็กพิเศษ สังกัดโรงเรียนแห่งหนึ่ง (ประสาทนิกร) เป็นปกติที่ต้องส่งลูกชายไปเข้าเรียนเช่นเด็กคนอื่น ๆ จนกระทั่งช่วงเย็น ซึ่งทางผู้เป็นตาของน้อง จะรับหน้าที่ไปรับกลับจากโรงเรียนมาบ้าน แต่วันนี้รู้สึกผิดปกติไปพอเห็นคุณตาลูกชาย ก็วิ่งเข้าหาและสวมกอดคล้ายกับหวาดผวาอะไรมา และมาสังเกตที่บริเวณแก้มด้านขวา มีร่องรอยคล้ายถูกทำร้ายอีกด้วย

 น.ส.เสาวลักษณ์ เล่าว่าคุณตาจึงได้เดินเข้าไปสอบถามครูประจำห้อง ชื่อ นาย ธนพงษ์ เขจรตรง ซึ่งทำงานอยู่ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กพิเศษ วัดใหญ่ ต.ขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยครูคนดังกล่าวอ้างว่า น้องทำร้ายตัวเอง แต่ตา ไม่เชื่อเพราะดูร่อยร่องแล้ว น่าจะเป็นการถูกทำร้ายมากว่า เพราะตามแก้ม ใบหูโดยเฉพาะดวงตาช้ำเลือด จึงขอดูกล้องวงจรปิด แต่ถูกปฏิเสธจากครูคนดังกล่าว พร้อมอ้างว่า ไม่มีกล้อง

 น.ส.เสาวลักษณ์ เล่าอีกว่าด้วยความโมโหหลานชายถูกทำร้ายและยังถูกบ่ายเบี่ยง คุณตาจึงได้นำหลานชายกลับมาบ้าน ต่อมาไม่นานก็มีครูผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นหัวหน้า ได้โทรศัพท์มาบอกว่า ครูคนดังกล่าว ได้รับสารภาพแล้วว่าได้ทุบตีน้องจริง พวกตนเองจึงได้เดินทางไปยังโรงเรียนอีกรอบเพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเมื่อได้เห็นภาพครูคนดังกล่าว ใช้มือกระชากผมน้อง แล้วใช้มือตกบที่บริเวณบ้องหูน้อง จะแรงหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ แต่ก็ไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ เมื่อสอบถามครูที่ทำร้ายน้อง ยังพบคำตอบที่แทบรับไม่ได้เลย เพราะครูคนนั้นตอบว่า การตบที่หูเด็กเป็นวิธีการกระตุ้นเด็กพิเศษประเภทนี้ ซึ่งตนเองก็ทำกับเด็กทุกคนและทำแบบนี้มานานแล้ว ส่วนที่จับเด็กกดลงกับพื้นก็เพราะน้องไม่ยอมหยุดจึงต้องทำวิธีดังกล่าว

 น.ส.เสาวลักษณ์ เล่าต่ออีกว่าทุกคนเมื่อเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว มันสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ขอภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อนำไปแจ้งความ แต่ครูคนดังกล่าวไม่ให้และไม่สะทกสะท้าน พร้อมบอกว่าอยากได้ก็ไปแจ้งตำรวจและให้ตำรวจมาเอาเอง ตนเองจึงได้เดินทางมาที่ รพ.หลังสวน เพื่อให้แพทย์ ได้ตรวจร่างกายก่อนจะเดินทางมาที่ สภ.หลังสวน เพื่อแจ้งความเอาผิดกับนายธนพงษ์ เขจรตรง ฐานความผิดทำร้ายร่างกายลูกชายต่อไป

นอกจากนี้หลังจากที่ได้ไปแจ้งความแล้ว ทางผู้บังคับบัญชาตามสายงานของ ครูคนดังกล่าวได้เดินทางมาพบตน โดยขอร้องอย่าให้เรื่องใหญ่โต โดยจะขอสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร แล้วค่อยว่ากันตามกระบวนการตามกฎหมาย โดยขอเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งตนก็บอกว่า ได้แต่ตอนนี้ต้องแจ้งความไว้ก่อน ทางผู้บังคับบัญชาสายงาน ก็เดินทางกลับไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'น้องวุฒิ'ตีกลองเปิดหมวกสร้างชีวิต

ความใฝ่ฝันของพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ อยากเห็นลูกได้รับการศึกษาที่ดี เพราะการศึกษาจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่นเดียวกับครอบครัว“กีรติชัยพันธ์” ใฝ่ฝันอยากเห็น ณัฐวุฒิ  กีรติชัยพันธ์ หรือน้องวุฒิ เด็กพิเศษดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome ) มีการศึกษาที่ดี  แต่กว่าจะผ่านการศึกษาแต่ละระดับชั้นไปให้ได้ของเด็กพิเศษ

คารมเดือด! โต้พวกวิจารณ์ปมสอบ 'ครูผู้ช่วย-ว่าที่ สว.' บุรีรัมย์

'คารม' ขอสังคมอย่าใช้วิธีคิดด้วยการดูแคลนคนอื่น อย่ากล่าวหาคนอื่นโดยไม่มีหลักฐาน รัฐธรรมนูญทุกฉบับ บัญญัติรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มาโดยตลอด ทุกคนเสมอภาคกันภายใต้กฎหมายเดียวกัน

จับแล้ว! หนุ่มขี้ยาทำร้ายแท็กซี่ชิงรถหนี พบประวัติโชกโชน

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้คุมตัว นายวิสิชัย (หรืออาร์ม) เดชมาก อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ทำร้ายร่างกาย นายโอภาส แก้วปัญญา อายุ 75 ปี และชิงทรัพย์ (รถแท็กซี่)