พยาน 20 คน ฝั่งดิไอคอน ให้ปากคำดีเอสไอ ทนายขอให้สอบพยานเพิ่มอีกกว่า 2 พันคน

4 พ.ย.2567- เวลา 12.30 น. ที่กรมสอบสวน​คดี​พิเศษ​ (ดีเอสไอ)​ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป พาพยาน 20 คน ในฝั่ง "ดิไอคอน" เข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ “กองคดีฮั้วประมูล” ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำยืนยันว่าดำเนินธุรกิจขายสินค้าบริษัทฯ จริง

ด้านน.ส.มลญ่า (หนึ่งในพยาน) กล่าวว่า ตนและพยานส่วนหนึ่งเดินทางมาเป็นพยานให้กับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ที่ยังคงทำธุรกิจขายสินค้ากับบริษัทฯ อยู่ เพื่อแสดงเหรียญอีกด้านหนึ่งเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์กับตัวแทนทุกคน โดยส่วนตัวเคยได้รับความดูแลเป็นอย่างดีกับทางบริษัทฯ และบริษัทมีเมตตาถ่ายทอดวิชาการทำธุรกิจแบบออนไลน์ให้กับตนเองและสามารถต่อยอดในหลายด้าน นำไปแบ่งปันความรู้ให้กับคนได้อีกจำนวนมาก ซึ่งตนเป็นคนสายธรรมะก็อยากตอบแทนบริษัทที่เคยช่วยเหลือตนมาก่อน

น.ส.มลญ่า กล่าวอีกว่า ตนเข้ามาทำธุรกิจกับบริษัทตั้งแต่ช่วงก่อตั้ง ประมาณ 4-5 ปีก่อน เริ่มต้นด้วยการใช้สินค้าด้วยตัวเองจากสินค้าประเภทคอลลาเจน จำได้ว่าเปิดบิลครั้งแรกประมาณ 50,000 บาท ปัจจุบันเป็นระดับวิสดอม (WISDOM) ส่วนจำนวนลูกทีมจำนวนเกินหลักร้อยรายขึ้น และการสั่งสินค้าต่อบุคคลมีตั้งแต่ซื้อจำนวน 1 ชิ้นจนถึงหลัก 100 ชิ้น ส่วนใหญ่เป็นกาแฟ คอลลาเจนดูแลผิวพรรณ และกลูต้าช็อต ทั้งนี้ ตนเป็นคนทำธุรกิจอยู่แล้วจึงอยากได้วิธีการพัฒนาต่อยอดทำธุรกิจแบบออนไลน์ และอยากทำธุรกิจเสริมหลายด้านป้องกันธุรกิจหลักอาจเสียหายจะได้มีธุรกิจสำรอง

น.ส.มลญ่า กล่าวต่อว่า สำหรับบริษัทฯ ที่ตนได้เข้าไปครั้งแรกเน้นให้ทดลองใช้สินค้าก่อนและเรียนรู้ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ หากเราไม่รู้จริงจะไม่สามารถบอกต่อกับสมาชิกได้ โดยสินค้าของตนสามารถขายได้ตลอดทุกวัน ขายแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งลูกค้ามีทั้งคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง นอกจากนี้ ช่วงโควิด-19 ธุรกิจส่วนตัวเกิดผลกระทบและต้องขอบคุณบริษัท ดิไอคอน ในเรื่องการขายออนไลน์ที่ช่วยพยุงให้ธุรกิจของตนเองกลับมาเดินต่อได้

"ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับเรามีเวลาในการขายสินค้า ถ้ามีเวลาเยอะผลตอบแทนก็จะเยอะตามไปด้วย แต่ถ้าเดือนไหนยุ่งไม่มีเวลาก็จะได้รับค่าตอบแทน ขายสินค้าได้น้อย และขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจแต่ละเดือนของลูกค้าด้วย อีกทั้ง ในส่วนสินค้าของตนเองจะไม่มีที่เก็บสินค้าจะขออนุญาตบริษัทฯ ช่วยฝากเก็บสินค้าและจะขอเบิกเมื่อลูกค้าสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ จึงไม่สามารถกำหนดยอดรายได้แต่ละเดือนได้"

น.ส.มลญ่า กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องมีผู้เสียหายจำนวนมากในคดีบริษัท ดิไอคอน ตนขอแสดงความเสียใจกับทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อน แต่เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิด และส่วนตัวไม่เคยเกิดเห็นลักษณะมาก่อน จึงไม่กล้าก้าวล่วง ขอแค่พูดในมุมตัวเองเท่านั้น รวมถึง บริษัทฯ เคยให้ความรู้ตนเกี่ยวกับการทำธุรกิจว่าควรแบ่งปัน ยิ่งมีเงินมากเพียงใดแต่หากขาดปัญญาเงินก็จะหมดได้ เพราะไม่มีปัญญานำเงินตรงนี้ไปหาผลประกอบการในชีวิตเขาต่อไป แต่หากมีปัญญาสามารถสร้างอาชีพหรือผลประกอบการได้มาก และที่ผ่านมาเป็นการสอนฟรี ไม่เคยคิดเงินกับบุคคลใดเลย

น.ส.มลญ่า กล่าวเสริมว่า หลังเป็นคดีความเกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบ ส่วนตัวต้องขออภัยลูกค้าในสมาชิกตน แต่ยืนยันสินค้ามี อย.ถูกต้องตามกฎหมาย จึงอยากให้ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ต่อ เพราะบางคนกลัวจะนำสินค้ามาคืนและไม่มีเจตนาให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งผู้สูงอายุลูกหลานก็อยากหยุดใช้แต่วัยรุ่นยังใช้ปกติ อย่างไรก็ตาม บอสดาราก็เคยมีการมาสอนขายของออนไลน์ผ่าน tiktok บ้างเพื่อเพิ่มหลากหลายในช่องทางขายสินค้า

"ยืนยันไม่ได้จัดฉากเพราะตนเองก็มีครอบครัว และไม่คุ้มกับความเสี่ยงในอนาคต การที่หลายคนออกมาพูดเหมือนกันทุกวันคงยาก แต่เชื่อว่าความจริงเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการจัดทริปโปรโมชั่นประจำเดือนที่พาสมาชิกไปเที่ยวต่างประเทศ ล่าสุดก็ได้ไปปารีส ประเทศฝรั่งเศส และ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต้องขอบคุณด้วยไม่เช่นนั้นเราก็คงไม่มีโอกาสไป"

ด้าน นายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้พาพยานกว่า 20 คน ในฝั่งของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป มาให้การในชั้นพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ โดยมาให้การตามข้อเท็จจริง ซึ่งมีพยานที่ยืนยันตนแล้วประมาณพันกว่าคน แต่มีในรายชื่ออยู่ที่ 2,400 คน และมีการติดต่อประสานงานเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยตนเองมั่นใจในข้อเท็จริง และเชื่อว่าพยานจะให้การตามความเป็นจริง จึงไม่ได้หนักใจอะไร

อีกทั้ง หลังจากนี้ ตนเองจะไปปรึกษากับดีเอสไอว่า สามารถขยายกำลังการสอบสวนได้มากเพียงใด รวมถึงจะสามารถส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำพยานในพื้นที่ต่างจังหวัด และต่างประเทศได้หรือไม่ หากทำได้ ตนก็มีแผนเดินสายพบปะพยานทั้งประเทศ เพื่อให้เข้าปากคำกับดีเอสไอในฐานะพยาน

เบื้องต้น จากการประเมินมีตัวแทนกว่า 10,000 - 15,000 คน แต่จะสามารถดึงพยานเข้าให้ปากคำได้มากเท่าไหร่ตนเองยังไม่ทราบ ซึ่งเชื่อว่า ดีเอสจะต้องรับฟัง เพราะงานจะหนักในช่วงสอบสวน เพื่อที่ในชั้นอัยการ และชั้นศาล จะได้ง่ายลง หากตัดพยานเหลือเพียง 50 คน ตนก็จะไปร้องขอความเป็นธรรม และแจ้งข้อกล่าวหา ม.157 สุดท้ายคดีก็จะไม่ไปไหน และอัยการ ก็จะตีสำนวนกลับอยู่ดี ซึ่งเราจะต้องใช้สิทธิ์พยานทุกปากในฝั่งจำเลย เพราะหมื่นกว่าคน ก็ไม่เคยมาให้การ ก็อาจจะวุ่นวาย และสร้างภาระให้กับอัยการ และศาล จึงมองว่าควรให้จบในชั้นสอบสวน และเชื่อว่าดีเอสไอใจกว้างมากพอจะสอบเพิ่ม

ส่วนความกังวลว่าจะจำกัดอิสระภาพของกลุ่มผู้ต้องหานานขึ้นหรือไม่ นายวิฑูรย์ ระบุว่า ฝั่งตนเองเสียหาย และยังต้องขังอยู่ แต่การสู้คดี เราเสียหายตอนนี้ จะสบายในระยะยาว ดีกว่าสบายในวันนี้ และในชั้นศาลมีปัญหา

นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอควรจะรับฟังพยานหลักฐานของฝั่งเราบ้าง เพราะพยานที่มาในวันนี้ เป็นพยานที่ทำธุรกิจจริง และยังมีพยานอีกกลุ่ม คือ พยานโรงงานที่ผลิต ที่จะให้ปากคำว่าได้ส่งสินค้าให้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปจริง และอีกกลุ่มที่เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านธุรกิจ และกฎหมาย อยู่ระหว่างการประสานเข้าเป็นพยาน คาดว่าน่าจะได้ในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ รวมถึงขอให้กำหนดประเด็นพฤติการณ์ของผู้เสียหายแต่ละคน เพื่อให้ผู้ต้องหาสามารถชี้แจงในแต่ละประเด็นได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวดี ผู้เสียหายคดีดิไอคอนกรุ๊ป​ 'ปปง.' เปิดให้ยื่นขอคุ้มครองสิทธิรับคืนหรือชดใช้คืนทรัพย์สิน

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)​ได้นำส่งมอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณี บริษัท

โฆษกดีเอสไอ โต้ทนายบอสพอล อุปสรรคคดีอยู่ที่ฝ่ายผู้ต้องหาเอง ไม่ใช่ DSI

ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ในและฐานะโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดี

ทนายบอสพอล กังวล 'ดีเอสไอ' ตัดพยาน 2,000 คนฝั่งดิไอคอน ยุติสอบปากคำ 3 ธ.ค.นี้

นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ที่เรือนจำฯ ว่ายอมรับว่าหนักใจเนื่องจากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ

'ดีเอสไอ' จ่อบุกเรือนจำสอบปากคำ 'เจ๊พัช' ปมคลิปเสียงจ่ายสินบนดีเอสไอ 10 ล้าน

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคลิปเสียงสาวอ้างจ่ายเงิน 10 ล้านบาทให้ ดีเอสไอ

ทนาย 'บอสพอล' แจ้งความเอาผิด 'เจ๊พัช กฤษอนงค์-ฟิล์ม รัฐภูมิ' กรรโชกทรัพย์

นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เข้าแจ้งความเอาผิดน.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม รัฐภูมิ ในกรณีที่ปรากฏคลิปเสียงที่มีการแอบอ้างชื่อนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย เพื่อเรียกรับเงิน 20 ล้านบา

'บิ๊กเต่า' เผยเรียก 'เอก สายไหมต้องรอด' สอบปากคำวันนี้ ปมปั้นพยานเท็จดิไอคอน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคลิปเสียงตบทรัพย์ผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน ว่า ได้รับการประสานมาจากนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล“ และ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ว่า วันนี้จะไปพบ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ “บอสปัน”