บุกจับ 3 นายหน้าจัดหาซิมผีบัญชีม้า ขายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

27 ก.ย. 2567 – พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผู้กำกับกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 (ผกก.2 บก.สอท.4) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 จับกุมนายธนกร หรือบาส น.ส.กชกร หรือชิง และนายสะอาด หรือต้า ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้ เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” พร้อมด้วยของกลางสมุดบัญชีธนาคารเป็นชื่อบุคคลอื่นจำนวน 19 เล่มและบัตร ATM จำนวน 6 ใบ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 มีสายลับเข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ว่า พวกตนถูกหลอกเปิดบัญชี กล่าวคือเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2567 ได้มีนายสะอาด หรือต้า ติดต่อสายลับว่าต้องการเปิดบัญชีพร้อมบัตร ATM แลกกับค่าจ้างประมาณ 3,000 ถึง 4,000 บาท เมื่อสายลับตอบตกลง ได้พาไปเปิดบัญชีธนาคาร โดยให้เปิดบัญชีธนาคารพร้อมบัตร ATM และให้เปิดโมบายแบงกิ้ง เพื่อให้ได้รหัสเข้าโมบายแบงกิ้ง 6 หลัก จากนั้นจะพาสายลับไปพบกับธนกร หรือบาส ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สอด และให้นายบาสตรวจเอกสารบัญชีธนาคารบัตร ATM และรหัสแบงกิ้ง 6 หลัก จากนั้นนายบาสมีหน้าที่ให้สายลับทำการสแกนใบหน้า เมื่อสแกนเสร็จ นายบาสจะให้กลุ่มสายลับกลับไปก่อน

จากนั้น จะมี น.ส.กชกร หรือชิง แม่ของนายบาส เป็นผู้ควบคุมการจ่ายเงิน จ่ายเงินแก่นายบาส เพื่อนำไปให้นายต้า จำนวน 4,000 บาท เมื่อได้รับเงินนายต้าจะแบ่งให้สายลับหรือบุคคลที่ตนชักชวนให้มาเปิดบัญชีจำนวน 2,000 บาท อีก 2,000 บาท นายต้าจะเก็บไว้เอง ต่อมาประมาณวันที่ 19 ก.ย. 67 กลุ่มสายลับได้ทราบว่ามีกลุ่มเพื่อนที่ถูกกลุ่มนายต้านนายบาสชักชวนเปิดบัญชีเช่นเดียวกันเตือนว่า ให้ระวังจะนำบัญชีที่เปิดไว้ ไปใช้ในการกระทำความผิด จึงเกิดความกลัวรีบไปปิดบัญชี และเข้ามาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4

ต่อมาวันที่ 26 ก.ย.67 พ.ต.อ.อนุชา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ติดตามจับกุมบุคคลทั้งสาม คือ นายธนกร หรือบาส น.ส.กชกร หรือชิง และนายสะอาดหรือต้า ได้ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก

จากการสอบถาม บุคคลทั้ง 3 ให้การรับสารภาพว่า ทำหน้าที่จัดหาบัญชีธนาคาร บัตร ATM และซิมการ์ดที่ได้ลงทะเบียนพร้อมใช้งานแล้วจริง โดยแบ่งหน้าที่กันทำ เนื่องจากเมื่อเดือนมกราคม 2567 ได้ค้นหาสมัครงานในเฟซบุ๊กพบโพสต์ข้อความงานสบายรายได้ดี สนใจจึงได้ติดต่อไป และได้รับการตอบกลับจากแอดมินชื่อน้ำ ซึ่งแจ้งว่าตนเองอยู่ฝั่งเมียนมา ทำงานร่วมกับสามีซึ่งเป็นคนจีนต้องการหาบัญชีธนาคาร บัตร ATM และซิมการ์ดที่ลงทะเบียนแล้วพร้อมใช้จำนวนมาก เพื่อใช้ในการรับเงินเข้าและออกจากพวกเว็บพนันและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะให้บัญชีละ 4,500 บาท โดยที่ถ้าหาได้จะให้คนเปิดบัญชี 3,000 บาท คนที่เป็นนายหน้าจะได้บัญชีละ 1,000 บาท และ อีก 500 บาท เป็นค่าเปิดบัญชีกับทางธนาคาร ซึ่งสนใจจึงช่วยกันได้จัดหาวัยรุ่นในพื้นที่เพื่อเปิดบัญชีให้

นายบาส ยังยอมรับว่า ได้ทำมาแล้วประมาณ 1 ปี จัดหาคนเปิดบัญชีมาแล้วกว่า 400 – 500 บัญชี และเมื่อตนเองจัดหาบัญชีได้แต่ละครั้ง ทางเฟซบุ๊กหางานดังกล่าวจะนัดติดต่อให้ตนเองนำบัญชีธนาคาร บัตร ATM และซิมการ์ดที่ได้ลงทะเบียนซิมการ์ดพร้อมใช้งาน ไปที่ตลาดใกล้ชายแดน และจะมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามฝั่งมารับเอาสิ่งของดังกล่าวและจ่ายเงินให้กับตนเอง กระทั่งวันนี้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว จึงรู้ว่าสิ่งที่ได้ทำมาตลอด 1 ปีนี้ เป็นการกระทำความผิดกฎหมาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ระทึก! สาวโปแลนด์ ขู่บึ้มเครื่องบินกลางอากาศ ทสภ. งัดแผนเผชิญเหตุ

ศูนย์วิทยุสุวรรณภูมิภาคพื้นดิน รับแจ้งจากกัปตันเครื่องบิน เที่ยวบิน VZ 961 ของสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ มีผู้โดยสารขู่วางระเบิด ระหว่างบินบนอากาศ

'จยย.ป้ายแดง' พุ่งชนเสาไฟฟ้าเกาะกลางถนน ดับคาที่

เมื่อเวลาประมาณ 03.10 น. พ.ต.ต.โยธิน เชื้อบุญมี สารวัตรสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย หน่วยรถพยาบาล และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

'พลพล-ลุลา' นำทีม 'กัน นภัทร, ซี-คีน, อั๋น-อชิ' พาซอฟต์พาวเวอร์ไทยไปย่างกุ้ง!

พลพล พลกองเส็ง พร้อมด้วย ลุลา กันยารัตน์ ศิลปินจีเอ็มเอ็ม มิวสิค นำทีม กัน นภัทร ศิลปินช่องวัน31, ซี เดชชาติ, คีน สุวิจักขณ์, อั๋น ณภัทร และ อชิ พีระกานต์ นักแสดงสังกัดจีเอ็มเอ็มทีวี เดินทางพาซอฟต์พาวเวอร์ไทยไปสร้างความบันเทิงให้แฟนคลับชาวเมียนมา รวมถึงชาวไทยที่อาศัยอยู่ในย่างกุ้ง

รัฐบาลเตือนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพออนไลน์ อ้างเป็นจนท.ช่วยลงทะเบียนรับเงินหมื่น

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สืบเนื่องจากการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มีการแจกเงินหมื่นให้กับกลุ่มเปราะบาง และผู้พิการ