'อัยการ' เตือนแก๊งแมวน้ำ ขโมยของผู้ประสบอุทกภัย โทษหนักติดคุกถึง 10 ปี

'โกศลวัฒน์’ อธ.อัยการ เตือนเเก๊งเเมวน้ำลักทรัพย์ตอนเกิดน้ำท่วม ซ้ำเติมชาวบ้านอัตราโทษหนักกว่าเดิมมาก เผย สคช. เตรียมเเผนช่วยชาวบ้านหลังน้ำลด

13 ก.ย. 2567 - นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี (สคช.) กล่าวถึงกรณีปรากฎเป็นข่าวแก๊งแมวน้ำซ้ำเติมผู้ประสบภัย ขโมยของช่วงน้ำท่วมในแม่สาย จังหวัดเชียงราย รวมถึงมิจฉาชีพสมอ้างที่เปิดรับบริจาค ว่า ขอเตือนถึงผู้ที่คิดจะกระทำผิดในช่วงภัยพิบัติที่เป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชน ให้เลิกทำเสียเพราะจะรับโทษหนักกว่าปกติ

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดย ทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท อันนี้คือลักทรัพย์ธรรมดาปกติ

เเต่ในช่วงภัยพิบัติ หรือที่เรียกว่าลักทรัพย์ฉกรรจ์ จะเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 (2 ) บัญญัติไว้ว่ากระทำในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟหรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนองเดียวกันหรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใดๆ

เเละ มาตรา 335 (12) ลักทรัพย์ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม บรรดาที่เป็นผลิตภัณฑ์ พืชพันธุ์ สัตว์หรือเครื่องมืออันมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมหรือได้มาจากการกสิกรรมนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-5 ปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท

มาตรา 335 วรรคสองยังระบุไว้อีกว่า ถ้าความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราดังกล่าวแล้วตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท เเละถ้าความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำต่อทรัพย์ที่เป็นโค กระบือ เครื่องกลหรือเครื่องจักรที่ผู้มีอาชีพกสิกรรมมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรม ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

จะเห็นได้ว่ามีอัตราโทษที่หนักกว่าลักทรัพย์ธรรมดาอยู่มาก

ในส่วนพวกต้มตุ๋มเปิดรับบริจาคปลอมเท่าที่ทราบอาจจะไม่มีตัวบทกฎหมาย เพิ่มโทษเป็นการเฉพาะ เเต่การที่ศาลจะลงโทษหนักขึ้นได้มันมีอยู่ 2 อย่างคือเพิ่มโทษโดยตัวกฎหมาย เเละอย่างที่สองคือ อัยการสามารถบรรยายฟ้องได้ ว่าพฤติกรรมของจำเลยเป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายเเรงในช่วงภัยพิบัติ อัยการเราจะบรรยายฟ้องว่าการกระทำเป็นการซ้ำเติมประชาชนขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก ซึ่งที่ผ่านมาเราเคยทำมาเเล้ว เเละศาลก็ลงโทษสถานหนักตามที่อัยการบรรยายฟ้องไป

ในสถานการน้ำท่วมนี้ ตนเเละอัยการใน สคช. ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลือกฎหมายประชาชน ก็มีความเป็นห่วงประชาชน เเน่ในบทบาท สคช. เรายังไม่สามารถเข้าไปช่วยได้เต็มที่เหมือนพวกกู้ภัยที่มีความพร้อม เเต่เราได้ประชุมเตรียมการไว้เเล้วถึงเหตุการณ์ภายหลังน้ำลด ที่จะเกิดปัญหาตามมา เช่น เกิดพื้นที่เกษตรเสียหาย ไม่มีเงินชำระหนี้ กลายเป็นปัญหาหนี้สินต่อเนื่อง ตรงนี้อัยการ สคช. ยินดีจะเข้าไปเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ยหาทางออกให้ ชีวิตไม่เห็นหนทางเพราะไม่มีประสบการณ์ ขอให้เข้ามาหาเราได้เลย เราจะช่วยหาทางออก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศปช. ส่งจนท.-เครื่องจักร เร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อุทกภัย 3 จังหวัดใต้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง

ผอ.ศปช. สั่งเกาะติดฝนถล่มภาคใต้สัปดาห์นี้ เสี่ยงวาตภัยน้ำท่วมฉับพลันใน 10 จังหวัด

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า หลังวานนี้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.เมือง และ ศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง

โฆษกศปช. เผยกรณี 'น้ำผุด' อ.เชียงดาว มอบหน่วยงานลงพื้นที่ศึกษาแนวทางใช้ประโยชน์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศปช. ได้เคยประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้เฝ้าระวังฝนตกหนักในพื้นที่ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย.ไปแล้วก่อนหน้านี้

รัฐบาลเร่งพัฒนาแพลตฟอร์ม สกัดมิจฉาชีพโทร-ส่งข้อความหลอกลวง คาดพร้อมใช้ต้นปี 68

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน