สตช. เตือนอย่าหลงเชื่อเพจปลอม ย้ำช่องทางรับแจ้งความออนไลน์มีเว็บไซต์เดียว

สตช.เตือนอย่าหลงเชื่อเพจปลอมเลียนแบบเพจดัง พร้อมย้ำช่องทางรับแจ้งความออนไลน์มีเว็บไซต์เดียวเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นคือมิจฉาชีพ

19 ส.ค.2567 - พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันพบว่ามีมิจฉาชีพสร้างเพจปลอมในหลายรูปแบบ เพื่อหลอกลวงพี่น้องประชาชน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายต่อทรัพย์จำนวนมาก โดยพบว่ามักมีการสร้างเพจปลอมเลียนแบบเพจจริงที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก และการสร้างเพจปลอมเพื่อหลอกขายสินค้าหรือหลอกให้บริการต่าง ๆ แล้วหลอกให้กดลิงก์ หลอกขายสินค้าถูกกว่าท้องตลาด สร้างโปรโมชั่นลดแรง ดึงดูดใจผู้บริโภค แล้วบูสต์โพสต์ด้วยการยิงโฆษณาพร้อมลงข้อความขายสินค้าแบรนด์ดังต่าง ๆ

นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบมิจฉาชีพที่เปิดเพจปลอมแอบอ้างว่าสามารถรับแจ้งความออนไลน์ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมไซเบอร์ หากหลงเชื่อติดต่อสอบถาม มิจฉาชีพเหล่านี้จะมีกลโกงหลอกขอข้อมูลส่วนตัว หรือหลอกให้โอนเงินค่าดำเนินการ หรืออื่นๆ ทำให้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อซ้ำซ้อนจำนวนมาก จึงได้สั่งการอย่างเข้มงวดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและปราบปรามมิจฉาชีพลักษณะดังกล่าว พร้อมให้ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่พี่น้องประชาชน เพื่อสร้างเกราะป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ในลักษณะนี้

วิธีสังเกตเพจปลอมเบื้องต้นคือ เพจปลอมส่วนใหญ่จะไม่มีเครื่องหมายยืนยันตัวตน (Facebook verified badge) ที่เป็นเครื่องหมายถูกสีฟ้าด้านหลังชื่อบัญชี , มีผู้ติดตามเพจจำนวนน้อย , เพจถูกสร้างมาได้ไม่นาน , ซื้อโฆษณาจากแพลตฟอร์มต่างๆ มากผิดปกติ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อที่ระบุไว้ไม่ตรงกับหน่วยงานจริง โดยหากพบเพจลักษณะดังกล่าว ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเพจปลอม อย่างหลงเชื่อ เลิกสนใจ ไม่คลิกดู ไม่คลิกลิงก์ใดๆ และไม่ติดต่อทางช่องทางแช็ตใดๆ เด็ดขาด ทั้งนี้ ก่อนสั่งซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ ควรตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน เช่น ความโปร่งใสของเพจ จำนวนผู้ติดตาม บัญชีปลายทาง หากไม่มั่นใจสามารถนำบัญชีปลายทางตรวจสอบได้ที่ checkgon.com หรือ โทร.ปรึกษาสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีเพจเฟซบุ๊กจำนวนมากที่เกี่ยวกับการรับแจ้งความ หรือรับปรึกษาคดีอาชญากรรมออนไลน์ แต่ไม่ใช่ช่องทางการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอให้ประชาชนระวังมิจฉาชีพใช้วิธีนี้หลอกลวงซ้ำซ้อน โดยบางเพจไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะชวนลงทุนต่างๆ ซึ่งประชาชนอาจหลงเชื่อและเกรงใจ เนื่องด้วยเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตัวจริงที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความ แต่บางเพจเรียกค่าดำเนินการด้วย ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัว หรือการโอนเงินในกรณีที่ไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ หากพบเจอเหตุการณ์ที่มีลักษณะดังกล่าว ขอให้ติดต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือโดยทันที ซึ่งขอย้ำว่าช่องทางการรับแจ้งความออนไลน์มีเพียงช่องทางเดียวเท่านั้นคือ เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th ไม่มีการรับแจ้งความหรือให้ความช่วยเหลือทางแพลตฟอร์มอื่น หรือช่องทางอื่น หากพบเห็นทางช่องทางอื่นนอกเหนือจากเว็บไซต์นี้ ขอให้มั่นใจได้ว่าเป็มิจฉาชีพทั้งสิ้น อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตร.ตีแผ่ 4 มุกยอดฮิต มิจฉาชีพออนไลน์ ปี 67

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความห่วงใยประชาชนในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

'สันธนะ' หอบหลักฐานเด็ดให้ 'บิ๊กต่าย' มัดคนฆ่า สจ.โต้ง ไม่ใช่ 'โกทร'

นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล พร้อมทีมงาน ประสานเข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

รัฐบาลกางแผนปี 68 ไล่ตรวจสอบ 'นอมินี' 2.6 หมื่นราย เน้นธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมรีสอร์ต

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รายงานผลการตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะนอมินี

ละเอียดยิบ! ครม.รับทราบผลงานปราบอาชญากรรมออนไลน์ในช่วง 30 วัน

นางสาว ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบ ผลการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 5/2567 โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

รัฐบาลเร่งพัฒนาแพลตฟอร์ม สกัดมิจฉาชีพโทร-ส่งข้อความหลอกลวง คาดพร้อมใช้ต้นปี 68

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

ทรู แจ้งเตือน อย่าหลงเชื่อเพจอ้างชื่อและใช้โลโก้ เชิญเข้าคอร์สเทรดหุ้นออนไลน์และชวนลงทุนและซื้อ-ขายหุ้นราคาต่ำ

ตามที่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “ทรู”)ได้ตรวจพบว่า มีการแอบอ้างนำชื่อ โลโก้ของบริษัทฯ ไปใช้เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมคอร์สเรียนเทรดออนไลน์ และรับคำปรึกษาด้านการลงทุนจากโค้ชมืออาชีพ