ไม่รอด! สารวัตรแจ๊ะ นำทีมสืบนครบาล จับ ‘แบงค์ ปากช่อ’ ขืนใจหญิงวัย 59 ปี

ไล่ล่ากว่า 20 วัน สืบนครบาล รวบ ‘แบงค์ ปากช่อง’ อายุ 39 ปี ก่อคดีขืนใจหญิงวัย 59 ปี อ้างแอบชอบมานาน แต่วงจรปิดเห็นมือถือมีดวิ่งไล่ล่าผู้เสียหาย

12 ส.ค.2567-ความคืบหน้าภายหลังเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา  เจ้าหน้าที่สืบนครบาล สืบสวนติดตามจับกุมตัว นายสุรพงษ์ หรือแบงค์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนงที่ จ.490/2567 ลงวันที่ 24 ก.ค. 67 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายได้กระทำโดยใช้อาวุธ , กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมิใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของบุคคลนั้น ได้กระทำโดยใช้อาวุธ , ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยมีอาวุธ , บุกรุก โดยมีอาวุธ ในเวลากลางคืน”

พบประวัติเคยถูกดำเนินคดีอาญา 3 คดีดังนี้ 1.วันที่ 9 ก.ค. 55 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ลักทรัพย์” พื้นที่ สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง 2.วันที่ 18 เม.ย. 58 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ยักยอกทรัพย์” พื้นที่ สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง 3.วันที่ 12 ก.ค. 60 ถูกดำเนินคดีข้อหา “เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษฯ” พื้นที่ สภ.หมูสี จ.นครราชสีมา

พฤติการณ์กล่าวคือ คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 67 หญิงผู้เสียหายนอนหลับอยู่ในห้องพักของแมนชั่นแห่งหนึ่ง ย่านศรีนครินทร์ ห้วงภวังค์แห่งความฝันได้หยุดลงเมื่อเหยื่อเกิดอาการหายใจไม่ออก และได้สติตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองถูกคนร้ายกำลังใช้หมอนกดลงบนหน้าอยู่ แรงขืนไม่สามารถทานน้ำหนักตัวคนร้ายที่ทับร่างอยู่ ทำได้เพียงพยายามส่งเสียงอู้อี้จนใกล้สิ้นแรง คนร้ายข่มขู่เหยื่อ “อย่าร้องนะ..เงินอยู่ไหน” เหยื่อพยายามส่งเสียงผ่านหมอนว่า “ยอมแล้ว” พร้อมกับบอกตำแหน่งของทรัพย์สิน คนร้ายเริ่มคลายแรงลงและเอาหมอนออกจากใบหน้า เหตุการณ์เหมือนจะจบลงแต่กลับเลวร้ายกว่าเดิม เมื่อคนร้ายไม่มีท่าทีสนใจทรัพย์สินแต่คว้าผ้ามามัดปิดตาไว้ แล้วได้ชักมีดคัดเตอร์มาจี้คอบังคับให้เปลื้องผ้าและนำน้ำมันมะพร้าวชโลมทั้งตัว ก่อนจะลงมือขืนใจกว่า 2 ชั่วโมง

โดยใช้มีดคัดเตอร์กดจี้อยู่ตลอดเวลาคนร้ายยังกล่าวกับผู้เสียหายว่า “ผมชอบป้ามานานแล้ว” ก่อนจะนำผ้าห่มมาพันหัวพันตัวแล้วยกเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อทำบางอย่าง เหยื่อรวบรวมสติสุดท้ายใช้จังหวะคนร้ายเผลอวิ่งหนีออกมาจากห้องอย่างสุดชีวิต คนร้ายวิ่งไล่ตามออกมาจากห้องพักอย่างกระชั้นชิด ก่อนที่คนร้ายใช้มือคว้าแขนไว้ แต่ราวกับ “ปาฏิหาริย์” น้ำมันมะพร้าวที่ถูกชโลมทำให้สามารถสลัดหลุดคนร้ายมาได้ ก่อนจะวิ่งกรีดร้องลงจากแมนชั่นไปขอความช่วยเหลือ รอดพ้นนรกได้อย่างหวุดหวิด

ร.ต.ท.หญิงณัฐพร พุ่มกระจ่าง รอง สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง ได้เดินทางมาถึงและกลับเข้าไปตรวจสอบในห้องพักที่เกิดเหตุก็พบว่าคนร้ายดันลืมกระเป๋าเอกสารและบัตรประจำตัวทิ้งไว้ในห้อง จึงส่งหลักฐานออกหมายจับคนร้ายรายนี้ได้ในทันที ซึ่งก็คือ นายสุรพงษ์ หรือแบงค์ โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้อุกอาจ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบนครบาลเร่งติดตามไล่ล่าในทันที กว่า 20 วันที่ชุดสืบสวนไล่ล่าติดตามคนร้ายที่หลบหนีอย่างสุดชีวิตไปในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ,จ.นครนายก , จ.นครราชสีมา อาศัยนอนริมป่าข้างทางเพื่อหลบเจ้าหน้าที่ จนท้ายสุดชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปอยู่ที่บ้านพักติดภูเขาในพื้นที่ อ.ป่าโมง จ.นครราชสีมา ซึ่งสารวัตรแจ๊ะได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปกว่า 10 นายบุกเข้าไปจับตัว แต่ก็ได้พลาดท่าให้กับคนร้าย เมื่อคนร้ายได้ยินเสียงรถยนต์มาแต่ไกลไหวตัวแอบหลบมุดออกทางรูลวดหนามไปก่อนเจ้านาที่จะเข้ามาถึงเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะหลบหนีเข้าไปในป่าหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างฉิวเฉียด และหลบหนีเข้ามาเร่ร่อนในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ

ต่อมาชุดสืบสวนได้รับเบาะแสจากเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.พระโขนง ว่าพบชายต้องสงสัยตำหนิรูปพรรณคล้ายกับคนร้ายนอนอยู่บริเวณใต้สะพานกลับรถตรงข้ามห้างสรรพสินค้า แขวงหนองบอน เขตประเวศ จ.กรุงเทพฯ ชุดสืบสวนจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบและพบว่าเป็นคนร้ายจึงสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินคดีต่อไป

ในชั้นจับกุม นายสุรพงษ์ หรือแบงค์ ให้การภาคเสธ โดยให้การว่า “ตนเองเป็นโรคร้ายคงจะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี จึงหลบหนีอย่างสุดชีวิต โดยในวันที่เจ้าหน้าที่ไปจับกุมตนเองได้ใช้ประสบการณ์ที่เคยหนีเจ้าหน้าที่จากวงไพ่ โดยใช้หลักการไม่วิ่งหนี แต่มุดแอบอยู่ใกล้ๆเจ้าหน้าที่ โดยยอมรับว่าตนไม่ได้เล่นของหรือไสยศาสตร์ใดๆเป็นประสบการณ์ล้วนๆ ส่วนในทางคดียืนยันว่าตนเองไม่เคยก่อเหตุข่มขืนคนสูงอายุมาก่อน แต่ในคดีนี้ยอมรับว่าได้เข้าไปทางห้องร้างข้างห้องผู้เสียหาย ก่อนจะแอบเข้าไปทางประตูหลังห้อง จากนั้นจึงลงมือกระทำไปแต่ไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศได้เพราะได้ทำการดัดแปลงอวัยวะเพศมา จึงอนาจารจนสำเร็จความใคร่ ส่วนมีดที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นของผู้เสียหายไม่ใช่ของตนเอง

พล.ต.ต.ธีรเดช  กล่าวว่า เป็นอุทาหรณ์เตือนภัยหญิงสาวทุกท่านที่พักอาศัยอยู่คนเดียวเพียงลำพัง โปรดเพิ่มความระมัดระวังในการเข้า-ออก รวมถึงการล็อคประตูและหน้าต่างภายในห้อง เพราะเราไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าจะมีคนร้ายประเภทนี้ ติดตามสะกดรอยจนทราบที่พักอาศัยของท่านเมื่อใด เพราะแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้ ถือได้ว่าเป็นภัยต่อสังคมโดยเฉพาะหญิงสาวอย่างร้ายแรง หากประชาชนท่านใด พบหรือทราบว่ามีบุคคลที่มีพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผบ.ตร. มอบรางวัล 'วิว-เมย์' ชื่นชมสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ แฟนคลับต้อนรับอบอุ่น

พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานกรรมการบริหารกีฬาประเภทแบดมินตัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำ “โค้ชอาร์ท” พ.ต.ท.พงศ์พณัฐ กฤตานุกูลย์ โค้ชผู้ฝึกสอนกีฬาแบดมินตัน

สดุดี '7 ตำรวจ' ฮีโร่โอลิมปิก PARIS 2024

สำนักงานกำลังพลร่วมแสดงความยินดีและภาคภูมิใจในข้าราชการตำรวจทั้ง 7 นาย ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย ด้วยการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปีนี้

'สนามบินสุวรรณภูมิ' ซ้อมแผนเผชิญเหตุกราดยิง

เมื่อเวลา 01.00 น. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เป็นประธานในจัดการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบ (Full Scale Exercise)

รวบอดีตวิศวกร-นักกีฬายิงปืน ลักลอบขายกระสุนปืนทางออนไลน์

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ

ชุดสอบวินัยร้ายแรง เตรียมออกหมายเรียก 'โจ๊ก' รับทราบข้อกล่าวหา

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีรายงานข่าวว่าในช่วงสัปดาห์หน้า คณะกรรมการสอบสวนซึ่งมี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าคณะ

จบข่าว ก.พ.ค.ตร. เคาะแล้ว! คำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการชอบด้วยกฎหมาย

นายธวัชชัย ไทยเขียว หนึ่งในคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. และรองโฆษก ก.พ.ค.ตร. โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ร้องทุกข์