คืบ! ใครวางยาฆ่า 6 ศพในโรงแรมย่านราชประสงค์

เผยปมวางยาพิษฆ่า 6 ศพ ล้างหนี้ 10 ล้านร่วมทุนสร้าง รพ. ตำรวจเร่งสอบหาที่มาไซยาไนด์

17 ก.ค.2567 - ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) แถลงความคืบหน้ากรณีพบศพชาวต่างชาติ 6 ราย เสียชีวิตในโรงแรมย่านราชประสงค์ หลังจากประชุมความคืบหน้าทางคดีว่า โดยได้ชี้แจงรายละเอียดการเดินทาง เข้าประเทศไทยของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 รายโดยละเอียด พบว่ามีการเดินทางเข้ามาครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา เดินทางมาจากโฮจิมินห์ จากนั้นบุคคลที่เหลือได้ทยอยเดินทางเข้ามาและแยกย้ายกันเข้าห้องพัก โดยทุกคนเป็นผู้เช็กอินด้วยตนเองไม่มีบุคคลภายนอกเข้าไปในและยืนยันว่ามีผู้เข้าพักทั้งหมด 6 คน

จากการตรวจสอบเว็บไซต์จองโรงแรมพบว่ามีการแจ้งเข้าพักทั้งหมด 7 คน โดยคนที่ 7 นั้นเป็นน้องสาวของหนึ่งในผู้เสียชีวิตซึ่งเดินทางเข้ามาในวันที่ 4 ก.ค. แต่ได้เดินทางกลับดานัง ประเทศเวียดนามแล้วตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. คาดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว

จากการสอบถามพนักงานในโรงแรมยืนยันว่า ในวันที่ 15 กรกฎาคม ผู้เข้าพักในห้อง 502 ได้สั่งอาหารจำนวนหนึ่ง คือ ข้าวผัด 5 จาน ต้มยำกุ้ง 4 จาน ผัดผักรวมสี่ ผัดผักบุ้งหนึ่งจาน และชาสอง พร้อมแก้วน้ำชาหกใบ หลังตากนั้นได้สั่ง อาหารเพิ่มรอบที่สองคือ ข้าวผัดเพิ่มเติมอีกหนึ่งจาน และ ชุดน้ำชา 6 แก้ว และกำชับให้นำมาส่งที่ห้องในเวลา 14:17 น. โดยพนักงานโรงแรมได้นำอาหารชุดแรกเข้าไปส่งที่ห้องในเวลา 13.51 น. โดยนำอาหารใส่ในถัง พร้อมด้วยชุดชาแก้วน้ำร้อน วางไว้บนโต๊ะภายในห้อง

และพบผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่ภายในห้องเพียงคนเดียวเป็นผู้รับอาหาร ซึ่งพนักงานได้เสนอจะชงชาให้แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวปฏิเสธ แจ้งว่าจะทำเอง พนักงานจึงได้ออกจากห้อง ล่วงเวลาที่อยู่ในห้องทั้งหมดประมาณ 6 นาที

หลังจากเวลา 13.57 น. ในห้องที่เกิดเหตุมีผู้หญิงที่อยู่เพียงคนเดียว หลังจากนั้นผู้เสียชีวิตอื่นๆได้ทยอยนำกระเป๋ามาไว้ที่ห้องดังกล่าวเพื่อเตรียมเช็กเอาท์ และได้เข้าไปในห้องในเวลาประมาณ 14:17 น. หลังจากนั้น ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่พบว่ามีผู้ใดเดินออกมาจากห้องอีก

พล.ต.ต.นพศิลป์ รอง ผบช.น.เปิดเผยว่า ขณะที่ผลการตรวจสอบสาร เบื้องต้นพบว่าในถ้วยชาทั้ง 6 ใบมีสารไซยาไนด์ จึงเชื่อว่า 1 ใน 6 ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยใช้สารดังกล่าวแต่จะนำเข้ามาหรือซื้อในประเทศไทยนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

“ขณะนี้ทางนิติเวชอยู่ระหว่างรอผลชันสูตรพลิกศพอย่าละเอียด รวมถึงผลการพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุ และลายนิ้วมือดีเอ็นเอคาดว่าจะทราบผลในช่วงบ่ายวันนี้ ได้ประสานสถานทูตสหรัฐอเมริกาและสถานทูตเวียดนาม และฝ่ายความมั่นคงของเวียดนามตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 รายแล้ว” รอง ผบช.น.กล่าว

จากการสอบถามข้อมูลจากญาติทราบว่า ในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีผู้ที่เป็นสามีภรรยาประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถนนในประเทศเวียดนามซึ่งได้ ร่วมลงทุนสร้างโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น คิดเป็นเงินไทยมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ตามที่ผู้หญิงที่อยู่ห้องคนเดียวก่อนเกิดเหตุได้ชักชวน แต่ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งที่ผ่านมามีการทวงถามอยู่ตลอด ก่อนหน้านี้จึงได้มีการนัดหมายให้ไปเคลียร์กันที่ประเทศญี่ปุ่นแต่ติดขัดเรื่องการขอวีซ่าจึงเปลี่ยนมาเป็นประเทศไทย วันนี้จะสอบปากคำญาติ 3-4 คนเพิ่มเติม

ยืนยันว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ของผู้เสียชีวิตทั้งหกรายไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมหรือแก๊งต่างๆที่เลือกมาก่อเหตุในประเทศไทยและขอยืนยันว่าการตำรวจแห่งชาติพร้อมดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวในไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เสริมศักดิ์' ชี้ฆาตกรรม 6 ศพ ไม่กระทบท่องเที่ยว เพราะเกิดจากเรื่องส่วนตัว

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุฆาตกรรม 6 ศพที่โรงแรมใจกลางกรุง จะกระทบด้านการท่องเที่ยวหรือไม่ ว่า ช่วงสายวันเดียวกันนี้ ตนได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ติดตามและอำนวยความสะดวกทุกส่วนที่เกี่ยวข้อ

รักมากแค้นมาก! ฆ่าห่อศพอดีตเมีย

จากเหตุการณ์ที่มีผู้พบศพนางกฤตยา อายุ 67 ปี ถูกฆ่าแล้วห่อหุ้มด้วยผ้าห่ม นำมาทิ้งไว้ภายในซอยที่เป็นป่าหญ้าข้างกองขยะ ม.6 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลวงคุณปู่วัย 81 โอนเงินพร้อมจำนองบ้านหมดตัว 22 ล้าน

พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนร่วมกันจับกุม นางอัจฉรา อายุ 54 ปี ชาวหนองคาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามหมายจับ “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน