ชุดสอบคดี 'เป้รักผู้การ' รีดเงินเว็บพนัน 140 ล้าน มีมติสั่งฟ้องตำรวจ-พลเรือน 35 ราย

4 ก.ค.2567 - ที่ห้องประชุมตึกกองบังคับการกฎหมายเเละคดีตำรวจภูธรภาค 1 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 ถนนวิภาวดี คณะพนักงานสอบสวนในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับทรัพย์จากเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ 140 ล้านบาท นำโดยนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน โดยมีคณะอัยการเเละตำรวจรวมประชุมคับคั่ง

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้า คณะพนักงานสอบสวนในคดีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันเรียกรับทรัพย์จากเว็บไซต์พนันออนไลน์ 140 ล้านบาทหรือคดีเป้รักผู้การ และนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ในฐานะหัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบและกำกับการสอบสวนในคดีนี้ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีว่า คณะทำงานได้มีมติสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีรวมทั้งหมด 35 ราย แบ่งเป็นข้าราชการตำรวจ 21 นาย และพลเรือน 14 ราย

ในความผิดมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, มาตรา 149 เป็นเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์, และความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 5 และ 7, โดยในจำนวนนี้มีผู้ต้องหาที่หลบหนี 1 ราย ซึ่งได้ประสานองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพล ให้ติดตามจับกุมเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะสรุปสำนวนส่งให้อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตพิจารณาสั่งฟ้องได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้อย่างแน่นอน

ส่วนกรณีที่ถูกมองว่าคดีเป้รักผู้การเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า อาจคิดไปเอง ตนเองเป็นคนภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยังมองไม่เห็นความขัดแย้ง ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการตรวจสอบของคณะกรรมการเกี่ยวกับความขัดแย้งของสองนายตำรวจใหญ่ซึ่งมีผลสรุปไปในทิศทางเดียวกันนั้น ก็ถือเป็นเรื่องของคณะทำงาน โดยยืนยันว่าทางคณะทำงานได้พิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาไปตามพยานหลักฐาน

ด้านนายวัชรินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาตามพระราชบัญญัติ ป.ป.ช.ฯ ที่สอดคล้องกับประมวลกฎหมายอาญาเพิ่มเติมกับทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว แม้ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานเนื่องจากตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯแล้วถือว่าเป็นตัวการ จึงทำให้ต้องใช้ระยะเวลาตรวจสอบเพิ่ม แต่ยืนยันว่าการทำงานเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และที่ผ่านมาคณะทำงานได้ให้ความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาทุกคนในการยื่นพยานหลักฐาน และได้สอบปากคำเรียบร้อยแล้วเรียบร้อยหมดทุกคน

ทั้งนี้ ภายหลังจากสรุปสำนวนในคดีนี้ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องแล้วจะมีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เพื่อพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานฟอกเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อัยการวัชรินทร์' สอบปากคำ 'ลุงเปี๊ยก' ยืนยันให้การเดิม คดีตำรวจอรัญฯอุ้มทรมาน

นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน ตามมาตรา 31 แห่ง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย

คณะทำงานคดีอุ้มทรมานลุงเปี๊ยก ฟันตำรวจอรัญฯ ข้อหา ม.157-พรบ.อุ้มหาย

นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนตามมาตรา 31 แห่ง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ร่วมประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ใ

'ศรีสุวรรณ' รายงานตัว บก.ปปป. ประกาศพร้อมกลับมารับใช้ประชาชนเต็มที่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เดินทางเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน ตามหมายนัดทุกเดือน จนกว่าสำนวนจะส่งฟ้องศาล นายศรีสุวรรณ ยังยืนยันไม่มีส่วนรู้เห็น ไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมประกาศเดินหน้าทวงความยุติธรรมคืน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ

คืบหน้าคดีรีดเงินเว็บพนัน 140 ล้าน พบผู้ต้องหาเพิ่ม 10 ราย สรุปสำนวนส่งอัยการไม่เกิน พ.ค.

นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน เปิดเผยว่า สาเหตุที่ล่าช้าออกไปเนื่องจากพยานเอกสารและบุคคลมีจำนวนมาก ผู้ต้องหาเกือบทั้งหมดทั้งอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีและผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนได้นำพยานบุคคลเข้ามาเพิ่ม ซึ่ง

'บิ๊กอ้อ' หัวโต๊ะ สั่งปิด 'เมรีอาบอบนวด' พ่วง 4 สถานบริการผิด กม.

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกี่ยวกับสถานบริการและการใช้อำนาจสั่งปิดสถานประกอบการ