'บิ๊กจวบ' จับมือนานาชาติเร่งปราบอาชญากรรมข้ามชาติ

'บิ๊กจวบ'เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แสวงหาความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนและระดับสากล

27 มิ.ย.2567 - พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่มุ่งให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทุกประเภท ซึ่งทวีความรุนแรง เป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นอันมาก สมควรที่จะแสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมบูรณาการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน ในระดับพหุภาคีและระดับสากล จึงได้มอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ราชอาณาจักรไทย พร้อมคณะเข้าร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ 24 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (The 24th ASEAN Senior Officials Meeting on Transnational Crimes) (SOMTC) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 28 มิ.ย.67 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

พล.ต.ท.ประจวบกล่าวว่า การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (SOMTC) ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการภายใต้ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ซึ่งเป็นเสาหลักที่ 1 จาก 3 เสาหลักของอาเซียน เพื่อป้องกันและต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติที่มีอยู่และเกิดขึ้นใหม่ และเน้นการติดตามผลตามแผนงานความร่วมมือ การประสานงานข้ามภาคส่วนและระดับพหุภาคี การยกระดับความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาข้างต้นและประเทศผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายใต้ความร่วมมือป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ใน 10 สาขา ได้แก่ การลักลอบค้าอาวุธ การก่อการร้าย การฟอกเงิน การละเมิดลิขสิทธิ์ทางทะเลการลักลอบขนคนโดยผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ อาชญากรรมทางไซเบอร์ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การลักลอบค้ายาเสพติด และการลักลอบค้าไม้และสัตว์ป่า โดยประเทศไทยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำในการป้องกันปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด และการลักลอบค้าไม้และสัตว์ป่า ซึ่งทุกประเทศที่ร่วมประชุมได้ร่วมติดตามผลการปฏิบัติและพร้อมดำเนินการตามแผนความร่วมมือ ผลการประชุมหารือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวต่อว่า อาชญากรรมทางไซเบอร์ในประเทศไทย มีการฉ้อโกงออนไลน์และการหลอกลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ ผนวกกับการหลั่งไหลของทุนจีนเข้ามาในภูมิภาค โดยคดีอาชญากรรมทางไซเบอร์มีจำนวนมากถึง ร้อยละ 70 ของคดีที่ได้รับแจ้งทั้งหมด ซึ่ง บช.สอท. ได้ใช้เทคโนโลยีและประสานองค์การตำรวจสากลให้การสืบสวนและการจับกุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับการค้ามนุษย์และลักลอบขนคน ในปัจจุบันมีเหตุปัจจัยกระตุ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและตะวันออกกลาง ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย และการเปิดประเทศเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต้องปรับตัวให้เท่าทันเพื่อแก้ไขปัญหา สำหรับการลักลอบค้ายาเสพติด ประเทศไทยเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านยาเสพติดเพื่อประชาคมที่มั่นคงของอาเซียน พ.ศ.2559 - 2568 และเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียนด้านยาเสพติด(ASEAN-NARCO) เป็นหน่วยงานกลางประสานความร่วมมือ ปัจจุบันประเทศไทยสามารถจับกุมและตรวจยึดของกลางยาเสพติดได้ในจำนวนมากขึ้น ในขณะที่ราคาขายปลีกมีแนวโน้มลดลง สำหรับการลักลอบค้าไม้และสัตว์ป่า มีการนำเทคโนโลยีระบบนิติวิทยาศาสตร์ด้านพันธุกรรม DNA มาใช้เพื่อระบุตัวตน และจำแนกแหล่งที่มาของสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทั้งนี้การบริหารจัดการชายแดนแบบเชิงรุก ทำให้คดีและผู้กระทำผิดลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประจวบ ยังได้กล่าวขอบคุณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย ที่ให้ความร่วมมือในการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญของไทย พร้อมทั้งบริหารจัดการส่งตัวผู้ต้องหากลับประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นรูปแบบความร่วมมือที่เป็นแบบอย่าง

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศสมาชิก ตลอดจนหน่วยงานความมั่นคงทั้งในและระหว่างภูมิภาค ที่จะส่งเสริมความร่วมมือทั้งในระดับพหุภาคีและระดับสากล เคียงข้างและร่วมมือกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและปัญหาความมั่นคงทุกประเภท นำไปสู่ความสำเร็จในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทในภาพรวม เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนมีความปลอดภัย มีสันติภาพและความมั่นคงอย่างยั่งยืน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดุสิตโพล' เผยคนไทยเบื่อความขัดแย้งในสตช.

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “หัวอกของคนเสพข่าวความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,040 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 25-28 มิถุนายน 2567

เลขาฯ ก.ตร. แถลงผลประชุม เห็นชอบคำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการ โดยชอบกฎหมาย

พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงาน ก.ตร. ในฐานะเลขานุการ ก.ตร. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีผู้ร้องขอให้ ก.ตร. พิจารณาเกี่ยวกับการปฎิบัติการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' ไม่หวั่นตายเดี่ยว พร้อมรับทุกอย่าง ยันเซ็นปลด 'โจ๊ก' ยึดหลักสุจริต

'บิ๊กต่าย' ลั่นไม่คิดโดนเช็กบิล หลัง 'โจ๊ก' จ่อยื่น ป.ป.ช. ยันเซ็นปลดสุจริต ย้ำหากเกิดอะไรขึ้นพร้อมน้อมรับ ร้องโอ้โห ไม่เคยคิดนั่ง 'ผบ.ตร.' ไม่หวั่นตายเดี่ยว ยกธรรมะเข้าสู้

'บิ๊กต่อ' ยังไม่เข้า สตช. หลังหนังสือส่งตัวกลับยังไม่ถึงสำนักงานกำลังพล

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตลอดทั้งวันนี้ ได้มีสื่อมวลชนหลายสำนักเดินทางมารอติดตามความเคลื่อนไหวและการกลับเข้ามาทำงานวันแรกของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เอ๊ะยังไง! นายกฯ เซ็นคำสั่งเองส่งคืน 'บิ๊กต่อ' แต่ขอดูอีกรอบก่อนเผยแพร่

นายกฯ ขอดูคำสั่ง 'บิ๊กต่อ' กลับ ตร. ก่อนเผยเเพร่ วอนอย่าเพิ่งด่วนสรุป รับปัญหาวงการสีกากีมีมานาน ยันพยายามสะสางไม่ได้ทิ้ง ลั่นพบผิดฟันขั้นเด็ดขาดแน่

สะพัด! 'บิ๊กต่อ' หวนคืน สตช. 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไร้ข้อสรุป

ผู้สื่อข่าวรายงานผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ