‘พล.ต.อ.ไกรบุญ’ การันตีไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์น้ำมันเถื่อน ยอมรับสั่งปลดตำรวจเซ่นแชตฉาวจริง เชื่อมือ ‘บิ๊กเต่า’ สอบสวนสุจริตเป็นธรรม
21 มิ.ย. 2567 – ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ (ศปนม.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบดำเนินคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ว่า ได้รายงานความคืบหน้าทางคดีและการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กับนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว และนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันว่าตนเองจะดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนอย่างถึงที่สุด
“ผมในฐานะที่ดูแลทั้งศูนย์ปราบน้ำมันเถื่อนฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจเรตำรวจแห่งชาติ ขอใช้เป็นหลักประกันว่า จะไม่นำเรื่องนี้มาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ขอให้เชื่อมั่นในการทำงานว่าไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ และตั้งแต่ผมรับตำแหน่ง ก็จัดเก็บภาษีน้ำมันได้มากขึ้นกว่า 100% แสดงให้เห็นว่าน้ำมันเถื่อนลดลง” พล.ต.อ.ไกรบุญ ระบุ
ส่วนการป้องกันการขนย้ายน้ำมันทางบก ได้เชิญผู้ประกอบการทั้งหมดมาหารือ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ขอเอกสารตารางการเดินรถในทุกเส้นทาง เพื่อให้มีข้อมูลตั้งต้นว่ารถบรรทุกน้ำมันแต่ละคันเมื่อออกมาจากแท่นเติมน้ำมันแล้วจะมีน้ำมันจำนวนเท่าใดจะใช้เส้นทางอะไร โดยทุกคันจะต้องผ่านจุดชั่งน้ำหนักของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงจะรายงานมาที่ศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อนฯ เพื่อติดตามระยะทาง และปริมาณน้ำมัน ตลอดระยะทางการขนส่ง
พล.ต.อ.ไกรบุญ ยอมรับว่า ในส่วนของห้องแชตสนทนาที่เผยแพร่ออกมา ยอมรับว่าไม่ได้ดูรายละเอียดว่าเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับอะไร แต่ที่มีการอ้างว่าถูกตนเองสั่งให้เจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นเรื่องจริง ส่วนบุคคลที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะมีความเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ต้องรอการตรวจสอบจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว พร้อมยืนยันว่าการสั่งให้หยุดปฏิบัติงาน เพื่อที่จะให้ผู้ที่ทำงานจะต้องเป็นคนที่ตนไว้ใจ เพราะตนเน้นเรื่องใจซื่อมือสะอาด ขอย้ำว่าในยุคของตนเองจะต้องไม่มีเรื่องการทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์เกิดขึ้น
สำหรับประเด็นที่ว่ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับตำรวจน้ำโดยตรง จะมีการสอบสวนให้เกิดความเที่ยงธรรมได้อย่างไรนั้น ขอให้เชื่อใจ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่าจะสามารถทำกระบวนการสอบสวนให้เกิดความสุจริตและเป็นธรรมได้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมและพบว่าการสอบสวนไม่ตรงไปตรงมา ตนจะนำจเรตำรวจเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง และจะสั่งปลดหัวหน้าชุดตรวจสอบ รวมถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ และจะมอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติเข้าไปจัดการแทน มองว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องเก็บกวาดบ้านเขา ขอให้เวลาให้เขาได้ทำงานก่อนไม่เช่นนั้นเราจะเข้าไปจัดการเอง
ส่วนข้อสังเกตอัยการที่มองว่าการจับกุมน้ำมันตั้งแต่ครั้งแรกเป็นไปอย่างไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายนั้น พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า มั่นใจในพยานหลักฐานมาก เพราะได้เห็นหลักฐานทั้งหมดแล้ว ฉะนั้นจะสามารถตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้แน่นอน การเห็นแย้งกันถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะทำให้ตำรวจทำงานได้อย่างรอบคอบขึ้น เพื่อจะได้หาพยานหลักฐานมาตอบทุกข้อสงสัย มั่นใจสามารถติดตาม ผู้ต้องหาแม้อยู่ต่างประเทศก็ตาม
“ส่วนการติดตามเส้นทางเรือขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “เคนาย” (k9) ที่รับขนถ่ายน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลางทั้งสามลำนั้น ยอมรับว่าไม่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเรืออยู่ที่ไหน ส่วนตัวเชื่อว่าตอนนี้เรือไม่ได้อยู่ในน่านน้ำไทยและอยู่ไกลมาก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนและการขยายผล และจะกวาดล้างให้หมด” พล.ต.อ.ไกรบุญ ระบุ
พล.ต.อ.ไกรบุญ ยังกล่าวถึงกรณี นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ฝากให้ตรวจสอบ รอง ผกก.ตำรวจน้ำ ส. เอี่ยวค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่อีกเคส และพบเรือต้องสงสัยชื่อเฟื่องฟ้าจอดอยู่น่านน้ำแม่น้ำปากพนัง 3 ลำ ว่า เรื่องดังกล่าวทราบแล้ว และทาง สส.ชัยชนะ ประสานข้อมูลมาทางตนเช่นกัน โดยเรื่องที่ปากพนังทีมตำรวจกองปราบปรามได้กดดันมากว่า 1เดือนแล้ว และมีการตรวจเรือที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเถื่อนได้ข้อมูลมาหมดแล้ว และตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ทั้งนี้ยืนยันว่ากลุ่มดังกล่าวไม่มีว่าใหญ่ระดับไหน เพราะไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมายใครทำผิดก็จับกุมหมด ตนเองในฐานะที่คุม ศปนม.ตร. ก็เอาสมาคมชาวประมงมานั่งเป็นกรรมการและให้ข้อมูลตำรวจมีการเปิดรับข้อมูลมากขึ้น พร้อมยอมรับว่าหลังจากที่มีการจับกุมตัวการใหญ่ก็ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทำให้การลักลอบกระทำความผิดลดลง อีกทั้งปีนี้ตนเองให้งบประมาณเชื่อเพลิงกับตำรวจน้ำเพื่อให้ออกลาดตระเวนและป้องกันมากขึ้น จึงมั่นใจว่าให้แล้วจะต้องมีผลงานจับกุมได้เป็นตัวชี้วัดที่ตามมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับ รองผบ.ตร.-ผบช. วาระประจำปี 2567
การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2567 ได้มีมติเห็นชอบบัญชีรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
'บิ๊กต่าย' สั่งสอบ 'พ.ต.ต.' อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กระทำอนาจาร
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีเพจดังเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า มีนักเรียนนายร้อยตำรวจ ถูกอาจารย์ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสารวัตร (สอบสวน) สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล
เคาะแล้ว! ก.ตร. แต่งตั้ง รองผบ.ตร.-ผบช. 'สยาม บุญสม' ม้ามืดผงาดนครบาล
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2567 โดยวาระสำคัญ คือวาระที่ 4 เรื่องที่ 4 การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ วาระประจำปี 2567 ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) เป็นการใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 เป็นครั้งแรก
'บิ๊กเต่า' เผยเรียก 'เอก สายไหมต้องรอด' สอบปากคำวันนี้ ปมปั้นพยานเท็จดิไอคอน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคลิปเสียงตบทรัพย์ผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน ว่า ได้รับการประสานมาจากนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล“ และ บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ว่า วันนี้จะไปพบ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ “บอสปัน”
'บิ๊กเต่า' ขอเวลา 10 วัน สรุปชัดเจนคดี 'ฟิล์ม-เจ๊พัช' นาย ส. ใช้บัญชีแม่โอนเงินกว่า 10 ล้าน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า วันนี้มีการประชุม 6 เรื่อง ประกอบด้วยเรื่องของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ 4 เรื่อง มีในเรื่องของการเรียกรับ 300,000 กับ 450,000 บาท
นายกฯ ถึงไทย ‘บิ๊กต่าย’ เข้ารายงานปมร้อน จัดโผแต่งตั้ง รองผบ.ตร- ผบช. 20 พ.ย.นี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้ารายงานนายกฯถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่10/2567 ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 14.30 น.