ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง 'เจ๊มด' กับพวกจ้างวานฆ่า 'เสี่ยต้น'

ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง ‘เจ๊มด’กับพวกจ้างวานฆ่า เสี่ยต้น เผยโอนเงินให้มือปืนล่วงหน้าก่อนก่อเหตุ เปิดพฤติการณ์มือปืนอายุ 25 ยิง 4 นัดถูกเเต่รถ ตำรวจกับญาตผู้ตายคัดค้านประกัน

5 มิ.ย.2567 - ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง นำตัว นายสาโรจน์ เสือสุวรรณ ผู้จัดหาอาวุธปืน อายุ 25 ปี นายวีรภัทร สุคนธทรัพย์ อายุ 25 ปี ผู้ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ และน.ส.วรรณิภา หะมาลา หรือ “เจ๊มด” อายุ 37 ปี ภรรยานายพิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย ผู้ต้องหาที่ 1-3 คดีฆ่า “เสี่ยต้น”มาฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยกล่าวหาว่า ผู้ต้องหาที่ 1 , 2 กระทำความผิดฐาน "ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันพาอาวุธปีนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร” และกล่าวหหาผู้ต้องหาที่ 3 เป็นความผิดฐาน "เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน " ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1 และ 3 ให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ให้การภาคเสธ

คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.34 น. วันที่ 9 เม.ย.2567 นายพิชิต กลีบจินดา อายุ 44 ปี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต้องพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ว่าผู้เสียหายมาเที่ยวที่ร้านโรงเหล้าแสงจันทร์ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวง-เขตวังทองหลาง กทม. ได้เดินทางกลับบ้านโดยขับรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ไปตามถนนประดิษฐ์มนูธรรมขาออก และได้กลับรถเข้าสู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรมขาเข้า บริเวณด้านหน้าสถานีให้บริการน้ำมันเชลล์เพื่อจะขึ้นทางพิเศษฉลองรัช เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ได้มีชายไม่ทราบชื่อจริง-สกุลจริง จำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อรุ่นและหมายเลขทะเบียนมาประชิดข้างรถยนต์ (ฝั่งซ้ายมือคนขับ) จากนั้นชายคนช้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืน(ไม่ทราบขนาด) ยิงเข้ามาในรถยนต์จำนวนหลายนัด กระสุนปืนถูกรถยนต์บริเวณด้านข้างฝั่งซ้ายมือคนขับ จำนวน 4 นัด ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ต่อมาจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.วรรณิภา หรือเจ๊มด ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ติดต่อไปยัง นายณัฐพลศิริโนนรัง อายุ 25 ปี มือปืนที่ยังหลบหนี ผ่านการแชทคุยระบบแมสเซ็นเจอร์ ก่อนเกิดเหตุการณ์ลอบยิง มีการนัดพบการที่ สวนหลวง ร.9 เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2567 ด้วย โดยการพูดคุยมีลักษณะจ้างวานให้ นายณัฐพล ลอบทำร้ายนายพิชิต โดยมีการวางแผนเรื่องการใช้ปืน การชี้เป้าตามพิกัดโทรศัพท์ของนายพิชิต มีการนัดแนะเรื่องโรงเหล้าแสงจันทร์

ทั้งนี้น.ส.วรรณิภาได้โอนเงิน ให้กับนายณัฐพล ตั้งแต่วันที่ 1-7 เม.ย.2567 จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 45,000 บาทจากบัญชีธนาคารของน.ส.วรรณิภา ไปยังบัญชีของนายณัฐพล เชื่อว่าเป็นการโอนเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้ก่อเหตุทำร้ายนายณัฐพล และมีการติดต่อกับ นายสาโรจน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งนายสาโรจน์ มีบ้านอยู่ภายในซอยรามอินทรา 62 ตามที่มีการตรวจสอบพบว่า คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกไปก่อเหตุ และกลับเข้ามาภายในซอยดังกล่าวหลังเกิดเหตุ

น.ส.วรรณิภาได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของตนเอง ไปยังบัญชีของนายสาโรจน์ วันที่ 6 เม.ย.2567 จำนวน 33,000 บาท ซึ่งเป็นวันก่อนเกิดเหตุ เชื่อได้ว่าเป็นค่าจ้างจากการให้นายสาโรจน์ เตรียมการก่อเหตุ เมื่อเปรียบเทียบตำหนิรูปพรรณของนายญัฐพล ตรงกันกับภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกไว้ได้ขณะเกิดเหตุ และพบว่านายสาโรจน์ มีการโอนเงินไปมากับนายณัฐพล ช่วงเดือน เม.ย.2567 จำนวนหลายครั้ง โดยเป็นยอดเงินที่มีจำนวนมาก น่าเชื่อได้ว่าเป็นผลประโยชน์ตอบแทนจากการก่อเหตุ ภายหลังการเสียชีวิตของนายพิชิต นายณัฐพล ได้โพสต์ข้อความในลักษณะอวดว่าได้รับเงินจำนวน 3 แสนบาท และโพสต์รูปบ้าน ซึ่งน่าจะนำเงินที่ได้ไปสร้างบ้านดังกล่าว ส่วน น.ส.วรรณิภาได้ลบข้อความการคุยกับนายณัฐพล ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปตรวจสอบโทรศัพท์มือถือเพื่อเป็นการทำลายพยานหลักฐาน

จากการสืบสวนสอบสวน เชื่อว่า นายพิชิต ผู้ตายมีปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว กับน.ส.วรรณิภา โดย น.ส.วรรณิภา ประสงค์จะให้นายพิชิต ถึงแก่ความตาย โดยใช้จ้างวาน นายณัฐพล ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกันกับภาพวงจรปิดของชายคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงนายพิชิต และนายสาโรจน์ ให้ลงมือก่อเหตุลอบยิงผู้ตาย ซึ่งนายณัฐพล ได้เดินทางจากจ.ขอนแก่น มาพบนายสาโรจน์ ที่กรุงเทพมหานคร จากนั้น ได้ร่วมกันวางแผนในการฆ่านายพิชิต โดยแบ่งหน้าที่กันทำ คือ จัดหารถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ จัดหาบุคคลขับขี่รถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุ เลือกสถานที่ก่อเหตุ คือร้านโรงเหล้าแสงจันทร์แล้วแจ้งให้น.ส.วรรณิภาทราบ โดยให้นายณัฐพล เดินทางไปที่ร้านดังกล่าว โดยมีผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ มีนายณัฐพล นั่งซ้อนท้าย และใช้อาวุธปืนยิงไปที่รถยนต์ของนายพิชิต โดยเจตนาฆ่าและมีการโอนเงินค่าจ้างให้กัน พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-3 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2560-2563/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย.2567 เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

กระทั่งต่อมาวันที่ 3 มิ.ย.2567 ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 - 3 ตามหมายจับดังกล่าวได้ จึงนำส่งพนักงานสอบสวนสน.วังทองหลังดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ ก่อนขึ้นทางพิเศษศรีรัช ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (ขาเข้า) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2567 เวลา23.35 น.

ทั้งนี้การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 , 2 เป็นความผิดฐาน "ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร" อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,83,288,289(4),371 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม

ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4,7, 8 ทวิ, 72 วรรคแรก ,72 ทวิ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 3 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2522 มาตรา 5, 7 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ต.ค.2519 ข้อ 3, 6,7 การกระทำของผู้ต้องหาที่ 3 เป็นความผิดฐาน "เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา80,83,84,288,289 (4)

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่า ได้สอบสวนผู้ต้องหามาจะครบกำหนด 48 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่เสร็จ จะต้องสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง และรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-16 มิ.ย.2567

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนีและยากต่อการติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง ส่วนญาติผู้ตายก็ยื่นคัดค้านการประกันด้วยเหตุผลเดียวกัน

ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คุกอ่วม 51 ปี! 'โทนี่' หนุ่มลูกครึ่ง ละเมิดลูกสาวตัวเอง ถ่ายคลิปลงดาร์กเว็บ

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีละเมิดทางเพศผู้สืบสันดาน หมายดำที่ อ 1111/2567 หมายเลขแดงที่ อ2173/2567ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ฟ้องนายโทนี่ (ขอสงวนนามสกุล)หนุ่มสัญชาติไทย -เยอรมัน เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 13 ที่เป็นผู้สืบสันดาน อนาจารเด็กต่ำกว่า 13 ปี

ประเดิมศึก 'ชูวิทย์-สันธนะ' ศาลพิพากษาคุก 1 ปี 'สันธนะ' หมิ่นประมาท

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสน 'สันธนะ'หมิ่นประมาทโรงเเรม-ชูวิทย์ มั่วสุมยาฯ ชดใช้ 1 แสน จากที่เรียก 100 ล้าน ยกฟ้องเเจ้งความเท็จ ฝากถึงคู่จิ้นดูเเลสุขภาพให้ดีกลับมาสู้กันในศาล

ศาลนัดฟังคำสั่ง 'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องหมิ่น 'อัจฉริยะ' 6 ส.ค. ปัดมีคนเรียก 10 ล้าน แลกแฉ

ศาลนัดฟังคำสั่ง 'โจ๊ก' ฟ้องหมิ่น ‘อัจฉริยะ’ 6 ส.ค. 'บิ๊ก ตร.' ย้อนถามกลุ่มนายพลชลบุรีโดนคดีกลับไม่ถูกปลดออก ปัดมีคนเรียกเงิน 10 ล้าน แลกแฉนายพล